รอบรู้เรื่องรถ
วันสงกรานต์ ต้องไม่ใช่วันที่มีสิทธิ์ระรานผู้อื่น
ที่จริงแล้วผมตั้งใจจะนำเสนอเรื่องนี้มาหลายปีแล้ว แต่จังหวะที่จะถูกพิมพ์ในคอลัมน์นี้เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์นั้น มันไม่เหมาะสมครับ คือ กว่าหนังสือจะถึงมือผู้อ่าน เทศกาลที่ดี แต่มีจำนวนผู้ที่เกลียด และรังเกียจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นี้ก็ผ่านเลยไปนานแล้วทุกครั้ง ที่จริงแล้ว วันสงกรานต์ ที่กำหนดให้เป็นวันหยุดราชการนั้น คือ วันที่ 13 วันเดียวนะครับไม่ใช่ 13 ถึง 15 เมษายน แม้ว่าอีกสองสามวันต่อจากนั้น จะยังเป็นวันที่มีความหมายตามประเพณีอยู่ และใครที่ยังต้องการหยุดต่อ ก็จะต้องลากิจเอาเอง วันที่ 14 และ 15 นั้นเป็น ”ของแถม” จากนักการเมืองแนวประชานิยมยุคหนึ่ง เพื่อเอาใจชนชั้นแรงงาน ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่มีจำนวนระดับส่งผลในการเลือกตั้งได้ โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นด้วย เพื่อให้ผู้ด้อยโอกาสทางสังคมเหล่านี้ มีเวลาเพียงพอ ที่จะกลับไปเยี่ยมญาติที่บ้านเกิด แต่ในเมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้แล้ว ผมอยากขอโอกาสนี้ฝากไว้กับผู้มีอำนาจตัดสินใจด้วยว่า การเพิ่มวันหยุดขึ้นมาอีกแต่ละวันนั้น มันกระทบต่อต้นทุน และผลประกอบการของผู้ประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะนักลงทุนในภาคอุตสาหกรรมทั้งหลาย เมื่อใดที่เพิ่มวันขึ้นมาให้เป็น วันหยุดราชการ ก็ควรพิจารณาหาวันที่มีความสำคัญน้อยกว่า และยกเลิกไปเพื่อเป็นการชดเชย มิฉะนั้น วันหนึ่งข้างหน้า ประเทศไทยอาจจะเป็นผู้ทำสถิติโลก (ในด้านลบ) รายใหม่ก็ได้ ที่มีวันหยุดราชการมากกว่าประเทศอื่นใดในโลกคำว่า สงกรานต์ เป็นคำในภาษาสันสกฤต แปลว่าการเคลื่อนย้าย หมายถึงการเคลื่อนย้ายของจักรราศี ซึ่งในที่นี้ คือ การเคลื่อนเข้าสู่ปีใหม่ ตามความเชื่อของประชากรในหลายประเทศด้วยกัน เช่น กัมพูชา ลาว พม่า และในบางส่วนของประเทศเวียดนาม กับมณฑลยูนนานของประเทศจีน สันนิษฐานกันว่าประเพณีนี้ได้อิทธิพลมาจากเทศกาลโฮลี ในประเทศอินเดีย แต่ของเขาจะใช้การสาดสีแทนการรดน้ำอย่างของเรา ผมขอเล่าพอสังเขปเท่านี้นะครับ ให้มีภาพความเป็นมา ไม่ขอยืนยันความถูกต้องสมบูรณ์ เพราะเรื่องราว ที่บอกเล่าสืบต่อกันมายาวนาน มักมีความคลาดเคลื่อนเสมอ กิจกรรมที่นิยมทำกันในวันสงกรานต์มีอยู่มากพอสมควร และล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีงาม เช่น การบังสกุลอัฐิญาติผู้ล่วงลับ การสรงน้ำพระพุทธรูป การดำหัว (ในภาคเหนือ) การขนทรายเข้าวัด การปล่อยนก ปล่อยปลา การรดน้ำขอพรจากญาติผู้ใหญ่ ซึ่งจะใช้น้ำผสมน้ำอบ หรือน้ำหอม รดไปที่มือแต่พอประมาณ แล้วผู้ใหญ่ก็จะให้พรกลับมาเป็นการตอบแทน ผมไม่แน่ใจว่าตามประเพณีดั้งเดิมที่แท้จริงนั้น มีการรดน้ำแก่ผู้ที่เราไม่รู้จักมาก่อนด้วยหรือไม่ หากจะมีก็น่าจะมีรูปแบบดังในภาพที่มีอายุมากต่างๆ ที่เคยผ่านสายตาผมมา คือ ประพรมด้วยน้ำสะอาด หรือน้ำผสมของหอม เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าคนไทยส่วนใหญ่นั้นชอบดู หรือพอใจในการเห็นผู้อื่นเดือดร้อน ผสานกับการชอบทำอะไรที่มันเกินเลย หรือสุดกู่ ที่เรียกกันว่าแบบตกขอบ เพราะฉะนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจ ที่การรดน้ำในประเพณีสงกรานต์ของเรา จึงเป็นโอกาสเหมาะในการทำร้าย หรือกลั่นแกล้งผู้อื่นโดยไม่ผิดกฎหมาย ผมจะลองยกตัวอย่างให้เห็น โดยไม่ครบถ้วน และไม่เรียงตามลำดับความเลวให้ดูนะครับ แล้วถามตัว พวกเราเองว่าจะทนดู และยอมรับสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ไปเพื่ออะไร และอีกนานแค่ไหน 1. กลั่นแกล้งเพื่อให้ผู้อื่นเดือดร้อน เป็นทุกข์ หรืออับอาย เพียงเพื่อความสะใจที่ได้เห็น เช่น เอาน้ำราดไปบนร่างของผู้ที่แต่งกายมาอย่างดี เพื่อไปงาน พิธีสำคัญ หรือจะไปทำธุระส่วนตัวตามปกติ ลองนึกดูว่าถ้าเราเป็นผู้เคราะห์ร้ายที่ถูกกระทำ เราจะทนไปปรากฏตัวในสภาพเปียกปอนเช่นนั้นได้อย่างไร 2. กลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายโดยตรง ไม่ใช่แค่เพียงเสื้อผ้า หรือเครื่องแต่งกาย เช่น นำน้ำโสโครกจากลำคลอง หรือท่อระบายน้ำ มาสาดให้เกิดการแสบ คัน หรืออาจถึงขั้นเป็นโรคผิวหนัง 3. ลวนลามสตรีทางกายโดยตรง เช่น กอด จูบ ลูบ คลำ โดยอ้างว่าทำไปเพราะความมึนเมา แต่ด้วยเจตนาดี ไอ้เดนมนุษย์พวกนี้มันสมควรถูกถีบเข้าคุกด้วยเจตนาดีเช่นเดียวกัน ผมขอเรียกร้องอย่างจริงจัง ว่าเพื่อให้มันยำเกรงกฎหมาย โทษของการล่วงละเมิดทางเพศ ต้องจำคุกเพียงสถานเดียวครับ จะนานกี่วัน เดือน หรือปี ก็แล้วแต่ ผมขอบอกเลยว่า ทุกวันนี้พลเมืองดีทั้งหลาย สะอิดสะเอียนคำว่า ”รอลงอาญา” ที่สุดแล้ว กลายเป็นคำที่เอาไว้เรียกเสียงหัวเราะของพวกคนถ่อยสถุลไปแล้ว กับเป็นคำที่พลเมืองดีเอาไว้ใช้ยามที่ต้องการประชดความอ่อนแอของกระบวนการยุติธรรมของไทย ข้ออื่นๆ ต่อจากนี้ เป็นส่วนที่เกี่ยวกับความเดือดร้อนของผู้ใช้รถในเทศกาลวิบากสำหรับพลเมืองดีครับ 4. กลั่นแกล้งให้เดือดร้อน เพียงเพื่อความสะใจ เช่น สาดน้ำไปยังรถที่แล่นผ่านมา ยิ่งเป็นคันที่ล้างเช็ดมาอย่างสะอาดสวยงาม จะยิ่งถูกจริตของมนุษย์พวกนี้อย่างมาก ขอเพียงได้สร้างความผิดหวังต่อเจ้าของรถ ที่จะไม่ได้ขับรถสวยงาม สะอาดอีกแล้วในวันนั้น ถ้ารู้สึกว่าแค่นี้ยังน้อยไป พวกมันก็จะผสมดินสอพอง หรืออะไรก็ได้ ขอเพียงให้เลอะเทอะทั้งคันชัดๆ เมื่อแห้งแล้ว ช่วงสงกรานต์ปีที่แล้วผมจำเป็นต้องผ่านซอยแคบขนาดแล่นได้ทางเดียวแห่งหนึ่ง เป็นเวลาเช้าประมาณ 9 นาฬิกา เชื่อไหมครับว่ามีพ่อแม่สุดโง่ที่มีบ้านอยู่ข้างทาง ซื้อดินสอพองมาคลุกกับน้ำจนข้น เพื่อให้ลูกซึ่งอายุไม่เกิน 5 ปี ออกมายืนหน้าบ้าน คอยสลัด หรือขว้างใส่รถทุกคันที่แล่นผ่าน โดยที่ไม่มีใครสามารถหลบหลีกได้ เป็นการบ่มเพาะนิสัยก้าวร้าวให้แก่เด็ก ถ้าบังเอิญไม่มีอยู่ในกมลสันดานเดิมอยู่แล้ว พวกเราต้องเอารถสภาพดี และสะอาด มารองรับความสนุกสนานของมนุษย์พวกนี้หรือครับ 5. สร้างความเสียหาย ระดับที่ต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมให้ดีดังเดิม ระยะหลังพวกมนุษย์อุบาทว์เหล่านี้ มันกำเริบเสิบสานถึงขั้นเอาน้ำมันเบรคมาสาดรถที่แล่นผ่าน เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้วว่าน้ำมันเบรคนั้น ถ้าไม่นับรุ่นพิเศษเพียงบางรุ่นที่ใช้สำหรับรถแข่ง มีคุณสมบัติที่ไม่พึงประสงค์อยู่อย่างหนึ่ง คือ มันสามารถละลายสีของตัวถังรถได้ในเวลาไม่นาน และการแก้ไขให้กลับสภาพเดิม อาจถึงขั้นต้องพ่นสีใหม่เกือบทั้งคัน อีกอย่างถ้าหากเรามองอย่างผิวเผิน อาจเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ที่จริงแล้วอาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงได้ ซึ่งก็คือ การสาดน้ำใส่กระจกหน้ารถที่กำลังแล่นมาด้วยถังน้ำขนาดใหญ่ นอกจากจะสร้างความตระหนกตกใจแก่ผู้ขับ ซึ่งคงไม่มีใครมีสติดีระดับเปิดที่ปัดน้ำฝนได้ทันแล้ว ปริมาณน้ำขนาดนี้จะบดบังทัศนวิสัยของผู้ขับจนหมดสิ้น อะไรจะเกิดขึ้น ในขณะที่กำลังจะหลบหลีกสิ่งกีดขวางอยู่ หรืออาจจะหมุนพวงมาลัยด้วยความตกใจ แต่ไม่สามารถมองเห็นอะไรผ่านกระจกหน้ารถได้เลย ช่วงสงกรานต์ของทั้งปีที่แล้ว และปีก่อนหน้านั้น ผมต้องขับผ่านสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ถนนพระราม 4 วันละหลายครั้ง ริมถนนฝั่งตรงข้ามสถานีช่อง 3 ที่ว่านี้ อาจจะเยื้องเล็กน้อย เป็นอาคารสูงที่ให้เช่าเพื่อเป็นสำนักงานทำธุรกิจ แค่ผ่านครั้งแรกเพียงครั้งเดียว ผมก็เสียความรู้สึกอย่างมากแล้ว ที่ได้เห็นยาม (มันก็คือยามนั่นแหละครับ ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องดัดจริตเรียกว่า รปภ. ให้มันยุ่งยาก) คนหนึ่งกำลังฉีดน้ำประปาจากท่อน้ำขนาดใหญ่พอสมควร ใส่รถทุกคันที่ผ่านหน้ามัน ผมพยายามใช้ลู่ขวาสุดแล้วก็ยังไม่พ้น เพราะแน่นอนอยู่แล้วที่อาคารระดับนี้ต้องใช้ปั๊มน้ำขนาดใหญ่ และความดันสูง ถึงผมจะรู้สึกหงุดหงิด กับการที่รถเลอะโดยไร้เหตุผลรองรับ แต่นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวครับ เมื่อเทียบกับอีกความรู้สึก คือ ความรู้สึกเสียใจต่อเจ้าของตึกนี้ ที่ ”พลาดท่า” ถูกเจ้ายามไร้สำนึกด้านดี ขโมยน้ำประปามาผลาญเพียงเพื่อความสนุกสนานส่วนตัว ช่วงเย็นผมขับรถผ่านอาคารนี้อีกครั้ง ยังเหมือนเดิมครับ และเป็นเช่นนี้อยู่ถึง 3 วัน แค่อยากจะประเมินปริมาณน้ำประปา และจำนวนเงินที่เจ้าของตึกต้องสูญเสีย ก็ยังยากแล้วครับ เพราะมันเป็นปริมาณมากมายจริงๆ ทั้งหลายทั้งปวงนี้ มีสาเหตุหลักมาจากการเปิดโอกาส ให้มีการละเมิดสิทธิ และเสรีภาพส่วนตัว โดยการเอาความเป็นเทศกาลมาเป็นข้ออ้าง หน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้บริหารประเทศ คือ การปกป้องพลเมืองดี ให้รอดพ้นจากความเดือดร้อนโดยการกระทำของพลเมืองเลวครับ สังคมไทยย่อมแปรเปลี่ยนไปตาม ยุคสมัย จำนวนพลเมืองก็เพิ่มขึ้นมากมาย และในสัดส่วนที่ดูเหมือนว่าฝ่ายเลวจะล้ำหน้าฝ่ายดี กฎหมายจึงสมควรถูกปรับปรุงให้ทันต่อสถานการณ์เพื่อปกป้องพลเมืองฝ่ายดี ด้วยหลักการที่สำคัญสำหรับกรณีนี้ ดังนี้ 1. ห้ามละเมิดสิทธิทางกาย หรือสร้างความเดือดร้อนต่อผู้ที่มิได้แสดงออกถึงความเต็มใจในการร่วมสนุกด้วย จะมาสาดน้ำใส่ใครก็ตามที่ไม่รู้จักและมิได้แสดงความเต็มใจ หรือเชื้อเชิญไม่ได้เป็นอันขาด ต้องกำหนดโทษให้ชัดเจน และแรงพอที่จะสร้างความยำเกรงด้วย 2. ห้ามกลั่นแกล้ง สร้างความเดือดร้อนรำคาญต่อผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภทบนถนนสาธารณะ ด้วยการสาดน้ำ ของเหลวใดๆ หรือขว้างปาด้วยของแข็ง ให้กระทำได้เฉพาะต่อผู้ที่แสดงความเต็มใจ หรือความต้องการร่วมสนุกด้วย ซึ่งจะต้องมีเครื่องหมายบ่งบอกไว้อย่างชัดเจนที่กระจกด้านหน้า เช่น สติกเกอร์สีใด สีหนึ่ง มีรูปทรง และขนาดที่เห็นได้ชัดเจน ไม่เสี่ยงต่อการเข้าใจผิด ซึ่งในส่วนนี้ไม่ใช่เรื่องยากครับ ผู้รับผิดชอบของ กทม. สามารถเรียกประชุมเจ้าหน้าที่ เพื่อขอข้อเสนอในรายละเอียดได้ไนเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ในส่วนที่เกี่ยวกับการส่งเสริมการท่องเที่ยว ที่ “กทม.” ได้จัดพื้นที่โดยเฉพาะ ให้นักท่องเที่ยว และคนไทย ได้สนุกกันอย่างปลอดภัยนั้นดีอยู่แล้วครับ เพียงแต่ยังน้อยเกินไป น่าจะเพิ่มได้อีกหลายแห่ง ที่สิ่งแวดล้อมเหมาะสม และนักท่องเที่ยวเดินทางไปได้สะดวก กับด้านความหลากหลายและ ”เข้มข้น” เพื่อดึงดูด นักท่องเที่ยวให้เพิ่มขึ้นอีก จึงน่าจะมีการประสานงานในเรื่องโฆษณา กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งมีผู้รู้จริงอยู่มากพอสมควร ในเมื่อเทศกาลสงกรานต์ของไทยเรา เป็นที่รู้จักแพร่หลายที่สุด เมื่อเทียบกับหลายประเทศที่ผมเอ่ยมา ตอนต้นเรื่อง เราควรตั้งชื่อให้เป็นเอกลักษณ์ ชัดเจน ไม่ให้ใครมาฉกฉวยแอบอ้างได้ ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่าสงกรานต์ ซึ่งจำยากสำหรับชาวต่างชาติ ใช้ THAI หรือ THAILAND WATER-FESTIVAL นี่แหละครับ “กันท่า”พวกประเทศจอมฉกฉวยเอาไว้เลย ชาวต่างชาติที่ไฝ่รู้ และอยากรู้ประวัติความเป็นมาของเทศกาลนี้ เขาหาเก่งกว่าพวกเราอีกครับ
เรื่องโดย : เจษฎา ตัณฑเศรษฐี
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2562
คอลัมน์ Online : รอบรู้เรื่องรถ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/265542