จุดเปลี่ยนแปลง คือ กันชนหน้า/หลังสไตล์สปอร์ท กระจังหน้าแบบโครเมียมรมดำ ไฟหน้าแบบแอลอีดี พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบแอลอีดี เช่นกัน มือจับเปิดประตูด้านหน้าแบบโครเมียมรมดำ กระจกมองข้างสีดำ แป้นเหยียบคันเร่งและเบรคทรงสปอร์ท ล้อแมกลายใหม่ขนาด 17 นิ้ว และสัญลักษณ์ อาร์เอส บนฝากระโปรงท้าย นับว่าเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แต่เพิ่มมาดสปอร์ทได้พอสมควร
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.8 ลิตร ไอ-วีเทค 4 สูบ 16 วาล์ว กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 17.5 กก.-ม. ที่ 4,300 รตน. ระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผัน ถูกพัฒนาภายใต้เทคโนโลยี เอิร์ธดรีมส์ และรองรับพลังงานทางเลือก อี 85 เครื่องยนต์มีขนาดเท่ากับคู่แข่งอย่าง โตโยตา ซี-เอชอาร์ (รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร) ขณะที่คู่แข่งครอสส์โอเวอร์อีกรายอย่าง มาซดา ซีเอกซ์-5 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร
ระบบความปลอดภัยที่ติดตั้งครบทุกรุ่นย่อย ได้แก่ ระบบเบรคมือ ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน กล้องส่องภาพด้านหลัง ปรับมุมมอง 3 ระดับ ขณะที่ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง มีติดตั้งเฉพาะรุ่น อาร์เอส และอีแอล ส่วนระบบเตือนและช่วยเบรคที่ความเร็วต่ำ มีติดตั้งเฉพาะรุ่นทอพ อาร์เอส ทำงานที่ช่วงความเร็ว 5-30 กม./ชม. ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถรุ่นนี้
รุ่น | อี | อาร์ เอส |
ล้อแมกขนาด 17 นิ้ว | ||
ไฟหน้า แอลอีดี | ||
ไฟตัดหมอก แอลอีดี | ||
แป้นเหยียบแบบสปอร์ท | ||
เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า | ||
ระบบช่วยเบรคที่ความเร็วต่ำ | ||
กุญแจนิรภัย |
1. ฮอนดา เอชอาร์-วี จัดเป็นครอสส์โอเวอร์ระดับ ซี-เซกเมนท์ ลำดับแรกๆ ที่มาทำตลาดในบ้านเรา เปิดตัวในปี 2558 วางตำแหน่งการตลาดถัดลงมาจาก ซีอาร์-วี การขับขี่ที่สะดวกสบายเทียบเท่ารถเก๋ง พื้นที่ใช้สอยระดับ เอสยูวี ขนาดกลาง
2. ในประเทศญี่ปุ่น ฮอนดา ทำตลาดด้วยชื่อรุ่น วีเซล (VEZEL) มีทางเลือกขุมกำลังไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 122 แรงม้า ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 35 แรงม้า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย (จากทางผู้ผลิต) ที่ 23.5 กม./ลิตร เลยทีเดียว
3. ในประเทศจีน ครอสส์โอเวอร์รุ่นนี้มีชื่อเรียกที่หลากหลาย โดยรุ่นทำตลาดปกติ จะใช้ชื่อว่า วีเซล (เหมือนประเทศญี่ปุ่น และอีกหลายภูมิภาค) แต่ยังมีทางเลือกอีกรุ่น ใช้ชื่อว่า เอกซ์อาร์-วี ตกแต่งภายนอกแบบสปอร์ท ภายในแตกต่างจาก เอชอาร์-วี รุ่นปกติพอสมควร