รถทุกคันผู้ผลิตจะกำหนดให้ไฟขึ้นเตือนผู้ขับ เมื่อระดับน้ำมันในถังลดลงเหลือประมาณ 5-10 ลิตร เราสามารถรู้จำนวนลิตรที่เหลือด้วยการคำนวณ จากความจุถังน้ำมัน อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยของรถ และระยะทางที่รถวิ่งหลังจากเติมน้ำมันเต็มถังการเติมน้ำมันรถ ไม่มีข้อกำหนดตายตัวว่าต้องเติมเมื่อน้ำมันลดถึงระดับใด แต่เรามักรู้จากสัญชาตญาณว่า ไม่ควรปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันโชว์ เนื่องจากเราไม่แน่ใจว่า หลังจากนี้ รถของเราจะวิ่งได้อีกกี่กิโลเมตร รถทุกคันผู้ผลิตจะกำหนดให้ไฟรูปถังน้ำมันสีส้มขึ้นเตือนผู้ขับ เมื่อระดับน้ำมันในถังลดลงจนเหลือประมาณ 5-10 ลิตร (ตัวเลขนี้มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผู้ผลิตจะกำหนด) โดยหลักการแล้วขึ้นอยู่กับอัตราสิ้นเปลืองของรถ และเราสามารถรู้จำนวนลิตรที่เหลือได้จากการคำนวณ โดยมีเงื่อนไข 1. ต้องรู้ความจุถังน้ำมัน (สามารถดูได้จากคู่มือของรถ) 2. ต้องรู้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยของรถ และ 3. ต้องรู้ระยะทางที่รถวิ่งมาแล้วจากการเติมน้ำมันเต็มถัง ในรถรุ่นใหม่ เราสามารถดูค่าต่างๆ ตามเงื่อนไขข้างต้นได้จากมิเตอร์ในรถ แต่สำหรับรถรุ่นเก่า จะไม่มีตัวเลขบอก แต่เราสามารถคำนวณได้ด้วยตัวเองดังนี้ อันดับแรกเราต้องเติมน้ำมันเต็มถังก่อน (แค่หัวจ่ายตัด) และเซทเลขกิโลเมตรรถเราให้เป็น 0 หลังจากใช้งานจนไฟน้ำมันขึ้นเตือนแล้ว ก็ให้เติมน้ำมันกลับเข้าไปใหม่อีกครั้งจนเต็ม จดตัวเลข 1. จำนวนลิตรที่เติมเข้าไป 2. ระยะทางที่รถวิ่งได้จากการเติมน้ำมันครั้งแรก แล้วนำค่าเหล่านี้มาคำนวณ สมมติว่าเติมน้ำมันไป 42 ลิตร วิ่งได้ 504 กิโลเมตร ก็เอา 504 หาร 42 จะได้ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยเท่ากับ 12 กิโลเมตร/ลิตร ถ้าถังน้ำมันความจุ 50 ลิตร แสดงว่าไฟน้ำมันขึ้นเตือนเมื่อเหลือน้ำมันในถัง 8 ลิตร เรารู้ว่ารถเรามีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 12 กิโลเมตร/ลิตร ก็แสดงว่า ถ้าไฟน้ำมันขึ้นเตือน รถจะวิ่งต่อได้อีกประมาณ 96 กิโลเมตร แต่อย่าลืมว่าตัวเลขเหล่านี้เป็นค่าเฉลี่ยแบบหยาบๆ ของจริงอาจเหลือน้อยกว่านั้น ทางที่ดีอย่าปล่อยให้ไฟน้ำมันขึ้นเตือนจะปลอดภัยกว่า
บทความแนะนำ