ในคู่มือประจำรถ มักกำหนดให้เปลี่ยนน้ำมันเบรคเพียงอย่างเดียว ไม่มีการกล่าวถึงน้ำมันคลัทช์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะน้ำมันเบรคมีผลต่อความปลอดภัย ส่วนน้ำมันคลัทช์นั้นไม่ แต่จะส่งผลเสียด้านอื่นแทน เช่น ทำให้เกิดสนิมในผนัง และลูกสูบของทั้งตัวแม่ปั๊มและลูกปั๊ม ดังนั้น แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกันไปเลยดีที่สุดเจ้าของรถเกียร์ธรรมดาหลายคนสงสัยว่า น้ำมันคลัทช์ของรถยนต์ที่ใช้คลัทช์แบบไฮดรอลิค (แบบที่ไม่ใช่สายลวด) นั้น ต้องเปลี่ยนทุกปีเหมือนกับน้ำมันเบรคหรือไม่ เพราะคลัทช์ระบบนี้ใช้น้ำมันเหมือนน้ำมันเบรคทุกอย่าง แต่ในคู่มือประจำรถระบุให้เปลี่ยนน้ำมันเบรคเพียงอย่างเดียว ไม่มีการกล่าวถึงน้ำมันคลัทช์ ที่เป็นเช่นนี้เพราะ น้ำมันเบรคมีผลต่อความปลอดภัย ส่วนน้ำมันคลัทช์นั้นไม่ อย่างไรก็ตามน้ำมันเบรคนั้น "กระหายน้ำ" อยู่เสมอ มันจะดูดซับไอน้ำในอากาศไว้ในตัวตลอดเวลา เมื่อมีปริมาณน้ำมากขึ้น จุดเดือดของน้ำมันเบรคก็จะต่ำลง (เดือดง่ายขึ้น) ถ้าปล่อยให้น้ำมันเบรคดูดน้ำไปเรื่อยๆ เป็นแรมปี โดยไม่เปลี่ยนใหม่ เมื่อถึงคราวใช้งานหนัก เช่น ขับรถลงเขาชันต่อเนื่องเป็นเวลานาน จานเบรค ผ้าเบรค ก้ามเบรค และสำคัญที่สุด "น้ำมันเบรค" จะร้อนจัด จนอุณหภูมิสูงเกินจุดเดือดขณะนั้น น้ำมันเบรคส่วนหนึ่งจะกลายเป็นไออยู่ในระบบ จนเกิดฟองลูกใหญ่หลายลูก ทำให้ความดันน้ำมันเบรคลดลงจนเดือด ส่งผลให้แป้นเบรค "นิ่ม" เหยียบได้ยันพื้นรถ ไม่สามารถเบรค หรือหยุดรถได้ แม้ระบบคลัทช์ไฮดรอลิคในเกียร์ธรรมดาจะไม่มีปัญหานี้ เพราะน้ำมันคลัทช์อุณหภูมิไม่สูงถึงขั้นเกิดปัญหาได้ แต่แนะนำให้เปลี่ยนพร้อมกันกับน้ำมันเบรคไปเลย เพราะน้ำมันคลัทช์ (ซึ่งก็คือน้ำมันเบรคนั่นเอง) ที่อมน้ำไว้มาก จะทำให้ชิ้นส่วนภายใน เช่น ผนัง และลูกสูบของทั้งตัวแม่ปั๊มและลูกปั๊มเป็นสนิม คลัทช์ที่ขึ้นสนิมจะเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็ว ช่างมักเรียกว่าผนังกระบอกสูบเป็น "ตามด" การเปลี่ยนน้ำมันคลัทช์ทุกปีช่วยยืดอายุชิ้นส่วนเหล่านี้ได้มาก
บทความแนะนำ