สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย ที่ผมสวมหมวกเป็นนายกสมาคมอยู่นั้น มีกิจกรรมใหญ่ปีละ 2 รายการ คือ "งานประกวดรถโบราณ" ซึ่งจัดขึ้นราวเดือนมิถุนายน ของทุกปี กับงาน "หัวหิน วินเทจคาร์ พาเหรด" ตอนปลายปีสำหรับงานแรกถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และเก่าแก่ จัดต่อเนื่องยาวนานมาตั้งแต่ยุคก่อตั้งสมาคมฯ โดยล่าสุด คือ "งานประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 41" ณ ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค เพิ่งเสร็จสิ้นไปเมื่อกลางเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา งานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีครับ มีรถเข้าประกวดและจัดแสดงเกือบ 100 คัน แต่ละคันล้วนทรงคุณค่าและหาชมยาก ซึ่งส่วนหนึ่งแสดงให้เห็นว่าความพยายามตลอด 4 ทศวรรษของสมาคมฯ ในการส่งเสริม และสนับสนุนการอนุรักษ์รถโบราณในประเทศไทยไม่สูญเปล่าและเริ่มผลิดอกออกผลให้เห็นอย่างชัดเจน เมื่อเป็นเช่นนี้ ในฐานะหัวเรือใหญ่ก็ต้องก้าวตามให้ทันคุณภาพของรถที่เข้าประกวดซึ่งสูงขึ้นทุกปี ยิ่งกว่านั้น สมาคมฯ ยังเป็นสมาชิกของ สมาพันธ์ยานยนต์โบราณสากล (FIVA) จึงมีพันธกิจที่จะต้องพัฒนาการประกวดรถโบราณ ให้มีมาตรฐานเทียบเท่ากับการประกวดในระดับโลกอีกด้วย ดังนั้น ตั้งแต่การจัดงานปีที่ผ่านมา สมาคมฯ จึงแบ่งประเภทการประกวดใหม่เป็น 7 ประเภท ตามกำหนดของ FIVA ได้แก่ ประเภทรถรุ่นบรรพบุรุษ (ก่อน คศ. 1905) ประเภทรถรุ่นผ่านศึก (คศ. 1905-1918) ประเภทรถโบราณ (คศ. 1919-1930) ประเภทรถรุ่นก่อนสงคราม (คศ. 1931-1945) ประเภทรถรุ่นหลังสงคราม (คศ. 1946-1960) ประเภทรถคลาสสิค (คศ. 1961-1970) และประเภทรถคลาสสิคร่วมสมัย (คศ. 1971-ปัจจุบัน-30 ปี) ขณะเดียวกัน สมาคมฯ ยังได้ "ปฏิวัติ" เกณฑ์การให้คะแนนใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่การประกวดในปีนี้ จากเดิมที่เราจะตัดสินโดยพิจารณาให้คะแนนเฉพาะสภาพของตัวรถที่ส่งเข้าประกวดเท่านั้น แต่ปีนี้ เราได้เพิ่มการพิจารณาในด้านคุณค่าของตัวรถด้วย เช่น บแรนด์ ปีที่ผลิต ความหายาก และสภาพดั้งเดิม เป็นต้น ซึ่งเป็นเกณฑ์การตัดสินในระดับสากล รายละเอียดคร่าวๆ ของเกณฑ์การให้คะแนนใหม่ คือ เราแบ่งการพิจารณาออกเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวด ก. เกี่ยวกับชาติกำเนิดของรถ เช่น คุณค่าของบแรนด์ และรุ่น ปีที่ผลิต คุณสมบัติ และลักษณะพิเศษ ฯลฯ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงของรถ มีค่าคะแนน 40 เปอร์เซนต์ หมวด ข. เกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจในตัวรถที่ส่งเข้าประกวดของเจ้าของ มีค่าคะแนน 10 เปอร์เซนต์ และหมวด ค. เกี่ยวกับสภาพรถโดยตรง ทั้งตัวถัง สี เครื่องยนต์ ช่วงล่าง และห้องโดยสาร มีค่าคะแนน 50 เปอร์เซนต์ ถ้าพิจารณาให้ดี จะเห็นว่า คะแนนที่เกี่ยวกับตัวรถในหมวด ก. ด้านข้อเท็จจริง และหมวด ค. ด้านสภาพรถ มีสัดส่วนคะแนนรวมกันถึง 90 เปอร์เซนต์ ซึ่งเป็นการยืนยันว่า รถที่คณะกรรมการตัดสินให้ได้รับรางวัล เป็นรถที่มีความเหมาะสมทั้งคุณค่าและความงามอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ในการใช้เกณฑ์ให้คะแนนใหม่เป็นครั้งแรก เราได้รับคำแนะนำที่เป็นประโยชน์หลายประการจากสมาชิก และผู้ส่งรถเข้าประกวด ซึ่งผมกับคณะกรรมการบริหารสมาคมฯ จะนำไปพิจารณาเพื่อปรับปรุงกฎเกณฑ์ต่างๆ ให้เหมาะสมยิ่งขึ้นในงานประกวดครั้งต่อไป รับรองว่า ปฏิวัติแล้วไม่ "เสียของ" แน่นอนครับ !