ศตวรรษ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติ รถยนต์ยุคคลาสสิคก็เริ่มต้นขึ้นท่ามกลางเสียงดนตรีรอคแอนด์โรลล์ที่ดังกระหึ่มไปทั่วโลก สถานการณ์บ้านเมือง เศรษฐกิจ สังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว วิทยาการก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทั้งหมดทำให้รถยนต์กลายเป็น “แฟชัน” และส่วนหนึ่งของชีวิตรถยนต์ยุคคลาสสิคนับถึงปัจจุบันจะมีอายุต่ำสุด 25 ปี จุดเด่นที่เห็นได้ชัด คือ รูปลักษณ์ทรงจรวด ที่ได้รับอิทธิพลจากกระแสเทคโนโลยีด้านอวกาศ มีความโค้ง และความคมคายของจีบต่างๆ ไฟหน้าถูกฝังอยู่ในตัวรถ กระทะล้อเหล็ก หรืออลูมิเนียม ยางหน้ากว้าง เพื่อรองรับเครื่องยนต์สมรรถนะสูง เช่นเดียวกับ ฟอร์ด ธันเดอร์เบิร์ด รุ่นปี 1957 คันนี้ ตัวถังสีแดงสด ด้านท้ายของรถ ถูกออกแบบลักษณะหางปลา กันชนหน้า/หลัง เป็นโครเมียม บนฝากระโปรงหน้ามีช่องระบายความร้อน ภายในได้รับการดูแลรักษาอย่างดี ทั้งเบาะนั่ง แผงประตู และคอนโซล ตกแต่งด้วยโครเมียม เพิ่มความสวยงาม และพวงมาลัย 3 ก้าน ตกแต่งโครเมียม สำหรับรุ่นเล็กอย่าง ลิทเทิล เบิร์ด มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ 5,113 ซีซี 225 แรงม้า และเครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ 6,400 ซีซี 315 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ 3 จังหวะ แม้รถจะหนักเกือบ 2 ตัน แต่ก็สามารถพุ่งทะยานไปได้อย่างใจสั่ง ธันเดอร์เบิร์ด รุ่นที่เป็นคู่แข่งกับ เชพโรเลต์ คอร์เวทท์ (CHEVROLET CORVETTE) โดยตรง แม้ว่าชิ้นส่วนโดยมากของมันจะคล้ายคลึงกับรถเก๋งธรรมดา แต่ก็ได้รับการจัดวางในตำแหน่งที่เหมาะสม จึงดูมีความเป็นรถสปอร์ทอยู่พอตัว และว่ากันว่าเป็นต้นแบบของรถสปอร์ทรุ่นเล็กกว่าของ ฟอร์ด อย่าง มัสแตง นั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีตัวถังที่ให้ความรู้สึกสดใส และเป็นหนุ่มอยู่เสมอ เพื่อตอบสนองแนวคิด “SPORTING” อย่างที่ตั้งเป้าหมายในการผลิตไว้แต่ต้น และแม้ว่ามันจะเป็นรถสปอร์ท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะมีขนาดเล็ก เพราะด้วยตัวถังที่มีขนาดใหญ่ ยาว และเครื่องยนต์ขนาดยักษ์ ทำให้หลายคนจัดมันอยู่ในกลุ่มเดียวกับรถสปอร์ทระดับหัวแถวอย่าง แจกวาร์ แต่ราคาถูกกว่ากันเยอะ [table]
บทความแนะนำ