หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล มีพระนิพนธ์สาระเรื่องราวอันเป็นประโยชน์หลากหลาย มีคุณค่าทั้งในด้านประวัติศาสตร์ชาติ โบราณคดี ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณีและความรู้ครอบจักรวาลเรื่องราวของสมุนไพรก็เป็นเรื่องหนึ่งในพระนิพนธ์ของพระองค์ท่าน มีความขึ้นต้น ดังนี้ “ข้าพเจ้าเคยได้อ่านหนังสือเรื่องเมืองจีนเล่มหนึ่ง เรื่อง “MY TWELVE YEARS IN CHINA” ของราชทูตอิตาเลียน มีเนื้อความที่ไม่ลืมอยู่ตอนหนึ่งว่า “กุลีคนหนึ่งปวดฟันจนหน้าบวม ขอลานายไปหาหมอ นายจ้างใจดีจึงรับเอาขึ้นรถไปด้วยพยายามจะให้ไปหาหมอฟันฝรั่ง แต่คนเจ็บไม่ยอมไป ขอให้ไปส่งหมอจีนแสที่ห้องแถว นายจ้างก็ตามใจ" “ครั้นถึงห้องหมอฟัน มีตาแก่เคราสีขาวยาวนั่งพิงฝาอยู่กับหีบหนังสีดำ เมื่อคนเจ็บเข้าไปหาจีนแส จีนแสก็เปิดหีบหนังใบนั้นหยิบขวดยาผงสีขาว ใช้นิ้วสามนิ้วคีบยาออกมาล้วงเข้าไปในปากคนเจ็บ ทาบริเวณฟันที่เสีย 2-3 ครั้ง สั่งให้นั่งนิ่งประมาณ 20 นาที แล้วก็ให้อ้าปากใหม่" “อ้าปากคราวนี้ จีนแสล้วงเข้าไปในปากหยิบเอาฟันซี่นั้นออกมาโดยไม่มีเลือด คนเจ็บก็ไม่ได้ปวดหรือกระดุกกระดิก หายเจ็บปวดกลับมาหานายจ้างร้องว่า" “ฮ้อแล้ว” หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ทรงกล่าวตามท้องเรื่องว่า แม้แต่ฝรั่งเองก็เกรงว่า วิชาการทั้งหลายเก่าแก่แต่โบราณจะสูญหายไปหมด เพราะมนุษย์เห่อของใหม่ ไม่ได้คิดถึงหลักความเป็นจริงที่ว่า โลกย่อมหมุนอยู่ทุกขณะ อีกสัก 50 ปีข้างหน้า โลกจะพบของใหม่อีกมาก และเมื่อนั้นลูกหลานของเราก็จะต้องคิดถึงปู่ย่าตายาย “ในสมัยคนชั้นคุณย่าของข้าพเจ้าส่วนมากอายุยืนยาวถึง 80-90 ปี” หม่อมเจ้าพูนพิศมัย ทรงนิพนธ์ “แข็งแรงทั้งกายและจิตใจ ถ้าไม่มียาดี ไม่รู้จักรักษาตัวดี คงมีชีวิตอยู่ด้วยดีไม่ได้เช่นนั้น” สมุนไพรเป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจ ผมเองก็เคยได้ทราบว่า มีฝรั่งหลายคนเข้ามาเมืองไทยของเราตระเวนเก็บสมุนไพรที่เป็นประโยชน์นำกลับไปเข้าห้องวิทยาศาสตร์ สกัดออกมาเป็นยาฝรั่ง ลิขสิทธิ์เป็นของเขามิใช่ไทย สมุนไพรในแผ่นดินของเรายามนี้ แม้จะมีตึกรามบ้านช่องเต็มพื้นที่ แต่สมุนไพรก็ยังมีอยู่โดยเฉพาะในถิ่นเหนือ “ข้าพเจ้าเคยได้ความรู้แปลก เช่น มะตูมสุกทั้งเม็ดทั้งยางกินวันละลูก สามวันรักษาโรคบิดได้ หรือฝรั่งสุกเป็นยาระบายอย่างอ่อน หรือใบส้มกบหรือใบส้มลังกาก็เรียก เคี้ยวอมกับเกลือแก้เจ็บคอและโรคคอตีบ...” “ยาฝรั่งสะดวกและหายเร็ว แต่มันคือ ยาที่เกิดจากสมุนไพรในป่าดงแทบทั้งนั้น เมืองไทยของเรายังป่าดงมีชั้นถึงระดับเจ้าคุณ เช่น ดงพระยาไฟ และดงพระยาเย็น เป็นต้น” หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ทรงทิ้งท้ายพระนิพนธ์เรื่องนี้ของพระองค์ท่านว่า เป็นเรื่องที่คณะเภสัชศาสตร์ของไทยจะได้ทำคุณประโยชน์มหาศาลแก่มนุษยชนทั่วพื้นพิภพ...!!!