ผ่านปีใหม่มา 2 เดือน ตลาดรถบ้านเราเริ่มเห็นแสงสว่างรำไร หลังจากมะงุมมะงาหราอยู่ในความมืดตลอดปีที่ผ่านมาตอนสิ้นปี 2557 ซึ่งได้ผลสรุปสุดท้ายว่า ยอดขายรวมไม่ถึง 9 แสนคัน ตกลงจากปีก่อนกว่า 30 % นั้น เหมือนยืนอยู่ปากเหว แล้วถ้าก้าวพลาดอีก เป็นอันจบเห่ อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่มีโครงการประชานิยม ไม่มีปัญหาการเมือง (มากนัก) และ (คง) ไม่มีภัยธรรมชาติใดๆ มารบกวน บวกกับปัจจัยเสริมเรื่องราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ก็โล่งอกได้ว่า ปีนี้ไม่ตกเหวตายแน่นอน ยิ่งกว่านั้น ตลาดยังน่าจะกลับมาเติบโตอย่างที่ควรจะเป็นเสียที ผมก็อยากให้เป็นอย่างว่า เพราะจริงๆ แล้วในปีที่ผ่านมา กำลังซื้อ ของผู้บริโภคไม่ได้หดหายไปไหน โดยเฉพาะพวกตลาดบน แต่ อารมณ์ซื้อ มันไม่มีเท่านั้นเอง ที่น่าจับตา คือ แม้ในบรรยากาศเบื่อๆ อยากๆ รถหรูอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ ยังขายได้มากขึ้น ส่วนคู่แข่งสำคัญทั้ง บีเอมดับเบิลยู และ เลกซัส ยอดก็ดรอพลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ปัจจัยสำคัญ ที่ทำให้รถหรูเหล่านี้ยังคงดูดเงินเหล่าเศรษฐีได้อย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้น ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีอารมณ์ ก็คือการเพิ่มรุ่น ขนาด และประเภทรถ รวมถึงราคาให้หลากหลาย เอาใจตั้งแต่อากง อาม่า เรื่อยลงมาถึง อาตี๋ รุ่นเยาว์ ไม่เฉพาะรถหรูสัญชาติยุโรปเท่านั้นที่จะขายดี ถ้าการเจรจากับกรมศุลกากรเพื่อขอลดภาษีนำเข้ารถเกิน 3,000 ซีซี ที่รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังพยายามอยู่เป็นผลสำเร็จ รถหรูยี่ห้อดังของเอเชียก็จะมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น ดังนั้น เมื่อเหล่าผู้มีอันจะกินทุกเพศทุกวัยเกิดอารมณ์ซื้อ แถมมีของถูกใจให้เลือกชอพมากมาย ปีนี้จึงคาดว่าจะเป็น ปีทอง ของรถหรูค่อนข้างแน่ สำหรับตลาดรถระดับกลาง ราคา 1-3 ล้านบาท ก็น่าจะไปได้ดี เพราะมีสินค้าให้เลือกหลากหลายเช่นกัน โดยเฉพาะรถประเภทครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูง เห็นได้จาก นิสสัน เอกซ์-ทเรล และ ฮอนดา เอชอาร์-วี ที่กวาดยอดจองถล่มทลายในงาน มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 31 น่าห่วงหน่อย คือ รถเล็ก ที่โดนพิษ รถคันแรก ดูดกำลังซื้อออกไปจากตลาดจนเกลี้ยงถัง แต่ผมยังเชื่อว่า รถสวย ราคาดี และเทคโนโลยีสูงยังสามารถเรียกเงินจากกระเป๋าผู้บริโภคกลุ่มนี้ได้ โดยวัดจากความสำเร็จของ มาซดา 2 ที่ซื้อง่ายขายคล่องตั้งแต่ยังไม่เปิดราคา ส่วนตลาดที่ไม่ต้องห่วงเลย คือ พิคอัพ และ พีพีวี ซึ่งคึกคักแน่นอน เพราะจะมีรถรุ่นใหม่ทยอยออกมาตลอดปี สรุปแล้ว ขอ ฟันธง แบบเสียวๆ ว่า ปีนี้ยอดจำหน่ายรถโดยรวมน่าจะอยู่ที่ราว 9.4 9.6 แสนคัน เท่ากับโตขึ้น 8 -10 % ซึ่งถึงจะน้อย แต่เป็นอัตราที่บริษัทรถยนต์พอใจ และอยากให้โตตามธรรมชาติไปอย่างนี้ทุกปี ไม่ต้องการปุ๋ยยี่ห้อ ประชานิยม มาเร่งโตแต่อย่างใด จึงกราบเรียนท่านนักการเมืองมาเพื่อโปรดทราบ !