ตลาดโดยรวม | – 21.6 % |
รถยนต์นั่ง | – 29.3 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | – 7.0 % |
รถอเนกประสงค์ (MPV) | – 8.0 % |
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ | – 21.0 % |
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ | – 3.3 % |
อื่นๆ | – 0.9 % |
ตลาดโดยรวม | – 33.8 % |
รถยนต์นั่ง | – 41.9 % |
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) | – 3.0 % |
รถอเนกประสงค์ (MPV) | – 26.2 % |
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ | – 29.9 % |
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ | – 27.8 % |
อื่นๆ | – 37.7 % |
จบปี 2557 กันด้วยยอดจำหน่าย 879,740 คัน ตกต่ำจากปี 2556 ไปถึง 33.8 % โดยเดือนธันวาคม เดือนสุดท้ายของปี ขายได้ 89,225 คัน ลดลง 21.6 % หลังจากหมดพโรแกรมรถคันแรก ที่ปั่นป่วนมาจนถึงครึ่งปีก่อน และจากนั้นก็ปรับตัวเข้าสู่ความเป็นจริงมาโดยตลอด
ก็ได้แต่หวังว่า 2558 จะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งของวงการยานยนต์บ้านเรา แต่จะไปเห็นชัดเจนเอา น่าจะเป็นตัวเลขของปี 2559 ที่จะเริ่มมีตัวเลขของรถจากโครงการ อีโคคาร์ 2 ออกสู่ตลาดกันบ้าง รวมทั้งเป็นปีที่เริ่มคิดอัตราภาษีแบบใหม่ อันจะทำให้รถบางรุ่น มีราคาที่ถูกลง เพราะได้ภาษีรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่รถบางรุ่น ก็อาจปรับตัวขึ้นบ้างนิดหน่อย ห้วงปลายปี 2558 น่าจะพอมองกันได้บ้างแล้ว
หนนี้ขอนำเสนอมาตรการ รถเมล์ฟรี และรถไฟฟรี ที่ครม. ชุดนี้ มีมติที่จะยืดอายุออกไปอีก 6 เดือน จากที่จะสิ้นสุด 31 มกราคม ไปเป็น 31 กรกฎาคม เพื่อลดค่าครองชีพของประชาชนผู้มีรายได้น้อย จากนั้นกระทรวงคมนาคมจะเสนอให้มีการยกเลิกมาตรการดังกล่าวทันที โดยจะกำหนดประเภทของผู้รับสิทธิพิเศษเฉพาะกลุ่มเท่านั้น เช่น เด็กนักเรียน จะพิจารณาให้ใช้บริการในอัตราค่าบริการตั้งแต่ ฟรีจนถึงจ่ายครึ่งราคา กลุ่มคนชราที่รับเบี้ยยังชีพจากรัฐบาล และกลุ่มคนพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ อาจจะให้ใช้บริการฟรี
ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านพิจารณาแล้วเห็นว่า เนื่องจากเป็นภาระที่ต้องนำงบประประมาณค่าใช้จ่ายจากภาษีส่วน กลาง มาจ่ายชดเชยให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ และมาตรการดังกล่าวไม่ครอบคลุมการให้บริการสำหรับผู้มีรายได้น้อยอย่างแท้จริง เลยพิจารณาจะยกเลิกมาตรการประชานิยมนี้เสีย
แต่ระหว่าง 6 เดือนที่ยืดเวลาการบริการรถเมล์และรถไฟฟรีนั้น กระทรวงคมนาคมจะทำงานแบบคู่ขนาน เพื่อให้ได้ข้อสรุปมาตรการใหม่โดยเร็ว โดยในช่วงระยะเวลาการดำเนินงาน 2 เดือนแรก ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม นี้จะสำรวจ แยกประเภทสิทธิแต่ละบุคคลที่ไม่เท่ากัน และศึกษาความเหมาะสม จากทะเบียนของกระทรวงมหาดไทย และทะเบียนเกษตรกร หรือทะเบียนของบุคคลที่ประกอบการต่างๆ จะสามารถกำหนดได้ว่าควรนำมาตรการใดมาใช้ อาทิ ใช้บัตรแสดงตน และอีเลคทรอนิคส์ คาร์ด ส่วน 4 เดือนที่เหลือ ตั้งแต่ มีนาคม-สิงหาคม จะจัดเตรียมการวางระบบ, ติดตั้ง, ระบบทำบัตร, การลงทุนจัดซื้อจัดจ้าง และทดสอบอุปกรณ์ คาดว่าจะมีความชัดเจนการยกเลิกใช้บริการรถเมล์และรถไฟฟรีในวันที่ 1 สิงหาคม 2558 อย่างแน่นอน
ข่าวยังบอกอีกด้วยว่า มาตรการรถเมล์ และรถไฟฟรีได้ดำเนินมาตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 มีผู้ได้รับประโยชน์รวม 897.05 ล้านคน แบ่งเป็น ขสมก. จำนวน 722 ล้านคน และรถไฟ 175.05 ล้านคน โดย ขสมก. จัดรถเมล์ฟรีให้บริการ 800 คัน คิดเป็นรายได้ที่รัฐบาลให้การสนับสนุนเดือนละ 255 ล้านบาท ส่วน รฟท. ให้บริการรถไฟฟรี ชั้น 3 จำนวน 164 ขบวน คิดเป็นรายได้ที่รัฐบาลสนับสนุนเดือนละ 88 ล้านบาท
ก็ต้องมาดูกันอีกทีว่า หลังจากยกเลิกรายการประชานิยมหนนี้ คะแนนนิยมของรัฐบาลชุดนี้ จะลดน้อยถอยลงไปสักเท่าไร เพราะยังมีนโยบายใกล้เคียงกับประชานิยมอีกหลายอย่าง ที่ทำไปแล้ว หรือกำลังเตรียมทำอยู่ ก็น่าจะไม่เลวนักทีเดียว
แต่ที่น่าจะทำให้เร็วที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องการเบิกจ่ายเงินภาครัฐ เพราะนาทีนี้มันล่าช้าจนแทบไม่เป็นประโยชน์อะไรเลย ทั้งที่ท่านก็พูดเองว่า จะพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ในเมื่อเม็ดเงินมันไม่ไหลออกมา เงินมันก็ไม่หมุนเข้าในระบบเศรษฐกิจ กว่าจะหมุนมาถึงตลาดรถยนต์ได้ มันก็เหลือน้อยเต็มที
แต่ถ้าโครงการใหญ่ๆ มันเริ่มลงมือได้ เงินมันก็จะหมุนได้เร็วขึ้น หมุนกลับมาถึงตลาดรถยนต์ได้เร็วขึ้น ตัวเลขการขายปีนี้ ก็น่าจะดีขึ้น เหมือนอย่างที่เล็งกันไว้หลังเดือน 6 ของปีนี้ 2 ไตรมาสสุดท้าย น่าจะเป็นช่วงดีที่สุด สำหรับตลาดยานยนต์บ้านเรา
ก็ได้แต่หวังอย่างนั้น แต่เดือนธันวาคม ปีนี้ รับรองได้ว่า ยอดขายต้องทำลายสถิติกันอีกแน่นอน
โหรหลังสถานทูตจีน แกบอกมา อิอิ