รู้ลึกอุปกรณ์
รู้จริงเรื่องหลอดไฟรถยนต์
"เพื่อเป็นแนวทางให้ผู้หลงใหลความชัดเจนยามค่ำคืน สิ่งสำคัญ คือ ระดับการปรับตั้งมุม องศาของชุดไฟเสริม ต้องคำนึงถึงเพื่อนร่วมท้องถนนเป็นสำคัญ อย่าให้แสงไฟไปรบกวนทัศนวิสัยในการขับขี่ จนอาจก่อให้เกิดอันตราย รวมถึงข้อกำหนดทางกฎหมายของความเข้มลำแสง จะได้ไม่ต้องผิดใจกับพี่ๆ ที่ปฏิบัติหน้าที่ครับ"
ตบท้ายสาระเพื่อผู้พิสมัยความสว่างไสว ให้ระบบส่องสว่างรถยนต์คันเก่ง มีความปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่อเราได้รู้จักหลอดประเภทต่างๆ ที่มีคุณสมบัติการให้แสงสว่างกันแล้ว คราวนี้มีอะไรที่ควรทราบเพิ่มเติมอีกบ้างนั้น เรามาดูกัน
หลอดสี และความเหมาะสม
หลอดไฟที่มีจำหน่ายอยู่ในบ้านเราขณะนี้มีหลายแบบด้วยกัน ซึ่งเป็นการพัฒนากรรมวิธีการผลิตและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ เพื่อให้หลอดไฟให้กำลังในการส่องสว่างมากขึ้น ขณะที่กินกระแสไฟเท่าเดิม ต่างจากสมัยก่อนที่หากต้องการให้ไฟสว่างขึ้นก็เปลี่ยนหลอดไฟให้มีกำลังส่องสว่างมากขึ้น คือ วัตต์สูงขึ้น ซึ่งก็ทำให้กินกระแสไฟมาก ก่อนจะมาถึงยุคหลอดสีนั้นถ้าใครที่เป็นนักเดินทางยามราตรีก็คงจะได้เคยเห็น ไฟหน้ารถบางคันมีสีต่างๆ ประมาณว่า 7 สีประกายรุ้งกันเลย ซึ่งเหตุการณ์นี้ อยู่ในช่วงประมาณ 2-3 ปีที่แล้ว
ถามไปถามมาได้ความว่าเกิดจากการนำเอาแผ่นบังแสงที่เคลือบสีไว้แล้วมายึดเข้ากับขาที่สร้างให้พอดีกับเบ้าหลอดไฟ จากนั้นก็สวมเข้าไปกับโคมไฟหน้า เมื่อเราเปิดไฟ แสงจากหลอดก็จะผ่านกระจกสีเหล่านั้นจนเกิดเป็นสีต่าง ๆ ออกมาได้ตามต้องการ ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็สามารถเปลี่ยนสีของแสงไฟได้ในระดับหนึ่ง แต่การที่แสงต้องมาผ่านกระจกอีกชั้นหนึ่งเช่นนี้ ทำให้ความสว่างของแสงลดน้อยถอยลง ทั้งการถอดเปลี่ยนก็ทำได้ยาก การต่อมาหลอดเคลือบสีจึงตามมาทันที นี่ยังไม่นับรวมถึงการเปลี่ยนสีของแสงไฟ โดยการเคลือบโคมไฟด้วยพลาสติคสีฟ้า และดูเหมือนจะกลายเป็นแฟชันไปแล้วสำหรับการเปลี่ยนหลอดไฟ ซึ่งมีการผลิตเป็นสีต่างๆ ออกมาขาย เช่น สีเหลือง สีฟ้า สีเขียว สีส้ม จะว่ากันตามตรงแล้ว ไฟสีต่างๆ ที่เขาผลิตขึ้นมานั้น จุดประสงค์ในการใช้งานคงต้องขึ้นอยู่กับสภาพของอากาศที่ใช้ด้วย จากที่ทางผู้ผลิตแจ้งมา เช่น สีเหลือง เหมาะกับการใช้งานในขณะหมอกจัด หรือฝนตก สีส้มต้องหมอกจัดมากๆ ส่วนสีฟ้ากับสีเขียวนั้นไม่ค่อยเกิดประโยชน์เท่าไร และกับสภาพการใช้งานในบ้านเราก็ไม่ค่อยมีปัญหากับเรื่องสภาพอากาศดังกล่าว หลอดสีนี้ควรจะเปลี่ยนในโคมไฟพิเศษไว้ใช้ในสภาพอากาศที่ไม่ดี หรือในคราวจำเป็น เช่น การขับขี่ในสภาพทางทุรกันดาร
อุปกรณ์เสริมที่ต้องพ่วง
มีข้อควรปฏิบัติทุกครั้งเมื่อมีการติดตั้งอุปกรณ์เสริมชนิดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบเครื่องเสียง ไปจนถึงระบบส่องสว่าง อย่างชุดไฟสปอทไลท์ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการติดตั้งเจ้าอุปกรณ์ตัวจ้อยอย่าง "รีเลย์" (RELAY) ต่อร่วมกับการใช้งานอุปกรณ์ทุกครั้ง
รีเลย์ คืออะไร ? เพื่อนสมาชิกหลายท่านคงจะรู้จักดี แต่หลายท่านคงยังไม่ทราบ รีเลย์ คือ อุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์ ทำหน้าที่ตัด-ต่อวงจร คล้ายกับสวิทซ์ โดยใช้หลักการหน้าสัมผัส ตามความเข้าใจของผม รีเลย์ช่วยในการตัดต่อกระแสไฟฟ้าจากแหล่งกำเนิด (แบทเตอรี) ไปยังอุปกรณ์เป้าหมายที่ต้องการกระแสไฟจำนวนมาก เช่น พัดลมไฟฟ้า, แตรลม, สปอทไลท์, วิทยุติดรถยนต์, ชุดเพาเวอร์แอมพ์ ฯลฯ
ประโยชน์ของรีเลย์ คือ ช่วยทำให้การติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเสริมที่ปลายทางได้รับกระแสไฟฟ้าอย่างเต็มที่ เพื่อลดการสูญเสียของอุปกรณ์อันเกิดจากการได้รับกระแสไฟที่ไม่เพียงพอกับการใช้งานตามค่ากำลังที่ควรจะเป็น อีกทั้งช่วยให้การควบคุมสั่งงานสามารถทำได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สวิทช์ควบคุม หรือการควบคุมสั่งงานผ่านเซนเซอร์อัตโนมัติ
ข้อควรคำนึง เมื่อใช้ไฟสปอทไลท์
มีข้อควรคำนึงสำหรับผู้ใช้รถที่ปรารถนาจะติดตั้งชุดไฟส่องสว่างเสริม หรือเจ้าชุดไฟสปอทไลท์ และโคมไฟตัดหมอก สิ่งสำคัญก่อนการติดตั้ง คือ ต้องพิจารณาก่อนว่า ชนิดและวิธีการติดตั้งผิดกฎหมายหรือไม่ ติดอย่างไรถึงจะว่าไม่ผิดกฎหมาย ตรงนี้เลยครับ ถ้าพิจารณาตามแง่กฎหมายจะเป็นดังนี้ครับ
- โคมไฟสปอทไลท์ หมายถึง โคมไฟแสงพุ่งไกล แบบกระจายวงกว้าง แบบนี้ห้ามติดโดยเด็ดขาด แม้จะมีฝาครอบปิด ผิดพระราชบัญญัติรถยนต์ พศ. 2522 ระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
- ไฟตัดหมอกมีลักษณะเป็นไฟแสงพุ่งต่ำล่าสุด ปี พรบ. 2536 อนุญาตให้รถยนต์ติดไฟสปอทไลท์ หรือไฟตัดหมอกเพิ่มได้ ข้างละ 1 ดวง (เท่ากับ 2 ดวง) ในระดับแนวเดียวกัน ความสูงจากพื้นถนนไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร และไม่สูงกว่า 135 เซนติเมตร ต้องเป็นแสงสีเหลือง หรือสีขาว กำลังไฟไม่เกิน 55 วัตต์ ไม่เกินกว่าระดับโคมไฟแสงพุ่งไกล และโคมไฟแสงพุ่งต่ำ ศูนย์รวมแสงต้องต่ำกว่าแนวขนานกับพื้นราบไม่น้อยกว่า 2 องศา หรือ 0.20 เมตร ในระยะ 7.50 เมตร และไม่เฉไปทางขวา
ส่วนการเปิดไฟตัดหมอกนั้นทำได้เมื่อมีอุปสรรคในการขับขี่ เช่น มีหมอกควัน หรือฝนตกหนัก มองเห็นสิ่งกีดขวางหรือรถที่สวนทางมาในระยะไม่เกิน 150 เมตร ถ้าติดไม่ถูกต้อง หรือเปิดไฟพร่ำเพรื่อ มีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท รวมถึงการติดไฟนีออนใต้ท้องรถ หรือกรอบป้ายทะเบียน ก็เป็นสิ่งต้องห้าม ผิดอีกเช่นเดียวกัน โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท
ในส่วนของโคมไฟส่องสว่างหน้ารถอย่างที่เสนอไว้ในตอนต้น การเปลี่ยนหลอดไฟที่มีสีผิดไปจากที่กฎหมายกำหนดจึงมีความผิด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรก็ได้กวดขันตั้งจุดตรวจจับกันอยู่เสมอ เพื่อให้รถที่ติดตั้งสัญญาณไฟผิดไปจากกฎหมายกำหนด ไปปรับเปลี่ยนแก้ไขให้ถูกต้อง ดังนั้น ก่อนเปลี่ยนหรือดัดแปลงควรคำนึงถึงเรื่องความถูกต้องเสียะก่อนก็จะเป็นการดี ส่วนความเท่ความสวยค่อยทำในส่วนที่ไม่ขัดต่อระเบียบข้อบังคับของกฎหมาย ซึ่งมีให้ทำได้อีกตั้งหลายอย่าง และไฟสีอื่นๆ คงจะให้การมองเห็นไม่ชัดเจนเท่ากับแสงสีขาวในการใช้งานสภาพอากาศปกติ ควรคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ด้วย
เรื่องโดย : พันทาง
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : รู้ลึกอุปกรณ์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/12810