บีเอมดับเบิลยู เสริมฟังค์ชัน IDRIVE

วันนี้สิ่งที่เราเห็นในหนังไซ-ไฟ มันไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินฝันอีกแล้ว เคยดูหนังที่มีรถยนต์ไฮเทคมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ที่สั่งงานได้ด้วยเสียง มีระบบเรดาร์ ยางแบนแล้ววิ่งได้ หรือแม้แต่ขับได้ด้วยตัวเอง รวมไปถึงซีรีส์ดังอย่าง CSI ที่ใช้คอมพิวเตอร์สุดล้ำที่สามารถสั่งการด้วยท่าทางการใช้มือในอากาศ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ใช่สิ่งเพ้อฝัน เมื่อเราได้สัมผัสกับเทคโนโลยที่อยู่รอบตัวเราในวันนี้ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะด้านการสื่อสาร คอมพิวเตอร์ และรถยนต์ โทรศัพท์มือถือเมื่อ 10 ปีก่อน ยังเป็นจอสีความละเอียดต่ำ ถ่ายรูปและวีดีโอได้แต่ก็ยังเป็นความละเอียดต่ำ แต่วันนี้เรามีโทรศัพท์มือถือที่มีเทคโนโลยีในการสื่อสารทันสมัยมาก ในส่วนของรถยนต์ก็เช่นกัน เราอาจจะเห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้เข้ามาในรถยนต์ช้าไปหน่อย ทั้งที่จริงควรจะมาพร้อมๆ กับเทคโนโลยีของโทรศัพท์มือถือ และการสื่อสาร นั่นก็เพราะว่ารถยนต์นั้นเป็นพาหนะที่เคลื่อนที่ตลอดเวลา และเทคโนโลยีด้านการสื่อสารนั้น เกิดขึ้นและพัฒนาไปเร็วมาก บางเทคโนโลยีก็มีการหยุดพัฒนาเร็วมากเช่นกัน แต่รถยนต์คันหนึ่งต้องใช้งานหลาย 10 ปี ดังนั้นการวางแผนระบบการสื่อสาร หรือระบบอำนวยความสะดวกต่างๆ จึงต้องรอเวลาพอสมควร เพื่อให้เกิดเทคโนโลยีที่ยั่งยืนเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยนำมาใช้กับรถยนต์ วันนี้เรามาดูความล้ำหน้าของค่าย บีเอมดับเบิลยู กันบ้าง ที่ผ่านมานั้นค่ายนี้ได้สร้างความฮือฮาและสร้างบรรทัดฐานให้กับรถยนต์ที่ออกตามหลังมามากเลยทีเดียว นับตั้งแต่เปิดตัวระบบ IDRIVE ก็ถือว่าสร้างความฮือฮาให้กับวงการรถยนต์ไม่น้อย เพราะรวมการสั่งงานทุกระบบของตัวรถผ่านการใช้งานที่ตำแหน่งเดียว แรกๆ ก็มีการค่อนขอดจากคู่แข่งบ้าง แต่ในที่สุดก็พิสูจน์แล้วว่า หลายๆ ค่ายต่างหันมาในแนวทางเดียวกับบีเอ็มกันหมด เป็นระบบที่ใช้งานสะดวกและปรับตัวให้คุ้นเคยไม่ยากเย็นเลยถือว่าเป็นระบบดีที่สุดระบบหนึ่งในปัจจุบัน อย่างที่รู้กันว่าจินตนาการและการพัฒนาไม่มีวันสิ้นสุด ล่าสุดได้เป็นตัวระบบสั่งงานด้วยสัญลักษณ์มือ หรือ GESTURE CONTROL เพื่อต่อยอดให้ระบบ IDRIVE มีการทำงานที่ล้ำหน้ามากยิ่งขึ้น การทำงานร่วมกับระบบ IDRIVE นั้นจะใช้เซนเซอร์ 3 มิติ เพื่อจับรูปแบบการเคลื่อนไหวของมือ ทำงานร่วมกับกล้องบนเพดาน โดยเซนเซอร์มีพื้นที่รับสัญญาณอยู่บริเวณหน้าจอที่คอนโซลกลางเหนือคันเกียร์ ซึ่งเป็นบริเวณที่ผู้ขับจะใช้มือสั่งงานได้สะดวก การสั่งงานด้วยท่าทาง บรรดาคอเกม และผู้ที่ใช้สมาร์ททีวี จะคุ้นเคยกันดี อย่างที่บอกมันไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ แต่การนำมาใช้กับรถยนต์นั้นต้องรอเวลาในการพัฒนาพอสมควร เนื่องจากในรถยนต์นั้นมีเงื่อนไขมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ตลอดเวลา สัญญาณของระบบสื่อสาร การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ การสั่นสะเทือน ฯลฯ สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นอุปสรรคในการพัฒนาเพื่อนำมาใช้กับรถยนต์ วันนี้ บีเอมดับเบิลยู พร้อมแล้วที่จะนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ การสั่งงานระบบทำได้ง่ายๆ เหมือนกับเราใช้มือควบคุมตามปกติ เพียงแค่ไม่ต้องสัมผัสเท่านั้น เหมือนกับการใช้จอสัมผัสที่เราคุ้นเคย แต่ต่างกันที่เราไม่ต้องสัมผัสหน้าจอเลย เพียงแค่โบกมือ, ใช้นิ้วจิ้ม, หมุน, ปัด ฯลฯ ไปที่หน้าจอเพียงเท่านั้น เมื่อเราจะเลือกฟังค์ชันก็ทำท่าจิ้มด้วยนิ้ว การเพิ่มเสียงวิทยุก็ทำมือหมุนเพิ่มหรือลด เป็นต้น รวมถึงการทำงานร่วมกับโทรศัพท์มือถือ โดยเชื่อมต่อผ่าน BLUETOOTH การรับสายก็ใช้ท่าทางง่ายๆ คือ ชี้หรือจิ้มนิ้วไปที่หน้าจอด้วยท่าทางเท่านั้น การปฏิเสธการรับสายก็แค่โบกมือออกนอกตัว ซึ่งเป็นท่าทางตามปกติของคนเราอยู่แล้ว จึงไม่ต้องเรียนรู้หรือใช้การจดจำมากมายนัก การสั่งการหลายๆ ฟังค์ชันนั้น แม้จะใช้ท่าทางเหมือนกัน แต่จะไม่ซับซ้อนเลย เช่น การรับสายโทรศัพท์ด้วยการจิ้ม หรือชี้นิ้วนั้น จะทำได้ก็ต่อเมื่อมีสายเข้า ทำให้ผู้ใช้งานไม่สับสน เพียงแค่ต้องเรียนรู้คีย์ลัดบ้าง เหมือนการใช้งานคอมพิวเตอร์ เช่น การเปิดระบบนำทางผ่านดาวเทียมทำได้ง่ายๆ เพียงชี้ 2 นิ้วไปที่หน้าจอเท่านั้น สาเหตุที่ต้องมีการพัฒนาระบบเหล่านี้ เพราะในแต่ละวันเราใช้เวลาบนรถมาก การอำนวยความสะดวกถือเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อความปลอดภัยในการขับขี่ เพราะการสื่อสาร ระบบอำนวยความสะดวก ความบันเทิง แยกไม่ออกจากการขับขี่ในชีวิตจริง การเพิ่มความสะดวกในการควบคุมโดยไม่ต้องละสายตาจากพื้นถนนด้านหน้า ถือเป็นส่วนสำคัญที่จะลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ