ตลอดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เกิดข่าวลือแพร่สะพัดทั่วโซเชียลเนทเวิร์คว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยกำลังจะเจ๊ง สร้างความตื่นตระหนกให้แก่ผู้ที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในวงการนี้อยู่พอสมควรปรากฏการณ์ที่เจ้ากรมข่าวลือนำมา จับแพะชนแกะ ว่าเป็นสัญญาณร้ายของอุตสาหกรรมยานยนต์เราได้แก่ การหยุดผลิตและจำหน่ายรถบางรุ่นทั้งในประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้าน การปิดโรงงานหยุดยาวในช่วงสงกรานต์ รวมถึงการปรับลดพนักงาน และการเปลี่ยนผู้บริหารของบางบริษัท ซึ่งทั้งหมดมันบังเอิญสอดคล้องกับยอดขายรถในไตรมาสแรกที่ยังทรงๆ เลยทำให้ข่าวลือนี้มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น ต้องชมเชย และขอบคุณ คุณสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ที่ทันเกมรีบออกมาให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่สาธารณชน จนสามารถสยบข่าวลือดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว คุณสุรพงษ์ ยืนยันว่า ผู้ประกอบการในไทยยังคงเดินหน้าผลิตรถยนต์ตามแผน โดยตั้งเป้ายอดผลิตไว้ที่ 2.13 ล้านคัน เพิ่มขึ้นราว 13 % จากปีก่อน เท่ากับใช้กำลังการผลิต 75 % ของกำลังการผลิตทั้งหมด เพิ่มขึ้นจาก 66 % ในปีที่แล้ว โดยยังไม่มีการปลดพนักงาน หรือการเพิ่มวันหยุดยาว ตามกระแสข่าวแต่อย่างใด การหยุดหลายวันติดต่อกันในเทศกาลสงกรานต์ เป็นเรื่องปกติของบริษัททั่วไป และคงนำไปเทียบกับช่วงที่รถขายดีไม่ได้ ที่สำคัญไม่มีการเลิกจ้าง เพราะทุกบริษัทต่างต้องการรักษาบุคลากรไว้ สำหรับเป้าหมายยอดการผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้ที่ระดับ 2.13 ล้านคัน แบ่งเป็นการผลิตเพื่อส่งออก 1.2 ล้านคัน และเพื่อขายในประเทศ 9.3 แสนคัน แม้ยอดจำหน่ายในประเทศจะยังอืด แต่ตลาดส่งออกขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดสหรัฐ ฯ ที่ภาวะเศรษฐกิจเริ่มกระเตื้องขึ้น ทำให้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยอดส่งออกรถยนต์เติบโต 14 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากกลุ่มสหภาพยุโรป สหรัฐ ฯ และแคนาดามีการนำเข้าอีโคคาร์จากไทยเพิ่ม ส่วนกรณีที่บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเลิกนำเข้า และผลิตรถยนต์ 2 รุ่น รวมถึงถอนตัวจากโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 เชื่อว่า คงเป็นการปรับแผนการลงทุนในภูมิภาคเอเชียของ จีเอม ไม่เกี่ยวกับแนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศ ผู้ผลิตรายอื่นๆ ที่ผ่านการอนุมัติก็เดินหน้าลงทุนในโครงการอีโคคาร์ เฟส 2 ต่อไป ขณะที่ จีเอม ยังคงผลิตทั้งเก๋ง พิคอัพ พีพีวี และเอสยูวี เพื่อตอบสนองลูกค้าชาวไทย ผมเห็นว่า สิ่งที่คุณสุรพงษ์ ชี้แจงนั้น ชัดเจนจนไม่ต้องอธิบายอะไรเพิ่มเติม เพียงแต่ขอเสริมเรื่องเหตุผลการเปลี่ยนตัวผู้บริหารของบางบริษัทว่า เป็นเพราะท่านเหล่านั้นอ่านเกมผิดตอนเทศกาล รถคันแรก ตอนนี้บริษัทแม่เลยส่งคนใหม่เข้ามาแก้ไขสถานการณ์ ซึ่งเชื่อว่าอีกไม่นานผู้บริหารรุ่นใหม่จะสามารถปรับตัวจนเข้าที่เข้าทางในที่สุด อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยทั้งระบบก็ต้องการเวลาปรับตัวเช่นกัน ฉะนั้น โปรดหยุดลือข่าวร้ายเถอะครับ โดยเฉพาะบรรดา กูรู ทั้งหลาย เพราะอาจทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่ตกใจจนเกิด อุปาทานหมู่ ชะลอการซื้อขึ้นมาจริงๆ ก็ได้ ถึงตอนนั้น คนที่ต้อง ร้องไห้หนักมาก คือ พวกเรากันเองนี่แหละครับ !