ชีวิตคือความรื่นรมย์
ฉลอง 100 ปีครูแก้ว อัจฉริยะกุล
ในฐานะผู้นิยมหลงใหลเพลงในท่วงทำนอง (สไตล์) สุนทราภรณ์ ปีนี้เป็นปีที่ครบ 100 ปี ชาตกาล ครูแก้ว อัจฉริยะกุล ครูผู้ประพันธ์คำร้องให้วงดนตรีวงนี้มากที่สุดคู่ครูเอื้อ สุนทรสนาน ผู้แต่งทำนองไพเราะเป็นเลิศ ท่านทั้งสองนี้ เสมือนพระพรหมลิขิตให้เกิดมาเป็นคู่บุญของกันและกัน จนมีคำพูดติดปากเสมือนคำขวัญว่า "ทำนองเอื้อ-เนื้อแก้ว"
ครูทั้งสองท่านอายุห่างกัน 5 ปี คือ ครูเอื้อ สุนทรสนาน เกิดเมื่อ 21 มกราคม 2453 และกายละจากโลกนี้ไปเมื่อ 1 เมษายน 2524 คือ เมื่อ 34 ปีมาแล้ว ส่วนครูแก้ว อัจฉริยะกุล เกิดเมื่อ 15 พฤษภาคม 2458 แต่ความที่ท่านมุแต่ทำงานหนัก และ (มีผู้เล่าให้ฟังด้วยความเป็นห่วงท่านว่า) สูบบุหรี่จัด โรคภัยจึงรุมเร้า ท่านจึงอำลาโลกนี้ไปในวัย 66 ปี เมื่อ 8 ตุลาคม 2524 แปลกที่ท่านทั้งสอง ละจากไปในปีเดียวกัน
ครูแก้ว เป็นคนเดียวกับนักเขียนผู้ใช้นามแฝงว่า "แก้วฟ้า" ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของคณะ และผู้แต่งเรื่อง สำหรับละครวิทยุคณะแก้วฟ้าด้วย และท่านยังได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทยคนที่ 5 (ปี 2520-2521) ในช่วงต้นทศวรรษ 2500 ข้าพเจ้ากับเพื่อนที่เขียนกลอนมาด้วยกัน และรักสำนวนคำร้องภาษากวีของท่าน พยายามจะไปกราบคารวะท่านตอนที่ท่านทำประชาสัมพันธ์ให้โรงภาพยนตร์ เฉลิมเขตร์ (หัวมุมถนนกรุงเกษม เยื้องโรงพยาบาลหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ ถนนบำรุงเมือง) แต่โชคไม่ดี คุณโกวิท สีตลายัน ผู้รู้จักท่านดี ผู้พาเราไปหาท่าน อ้างว่าเดี๋ยวท่านคุยติดลม เสียเวลาทั้งของท่านและของเรา ซึ่งจะพาเราเข้าดูหนังไม่ทัน เขาจึงขึ้นไปหาท่านเพียงคนเดียวเพื่อขอตั๋วสำหรับเรา 4 คน มะเนาะ ยูเด็น วินัย ภู่ระหงษ์ และข้าพเจ้า จึงไม่ได้คารวะจนกระทั่งบัดนี้
ผู้เขียนเคยเขียนถึงครูไว้เมื่อหลายปีก่อนว่าด้วยอัจฉริยะทางภาษาของครูแก้ว ผลงานท่านที่อัดแผ่นเสียงประมาณ 3,000 เพลง สรุปรวบรัดสั้นๆ ว่า ครูแก้วแต่งเพลงทุกประเภท ทั้งเพลงสดุดีพระบรมราชวงศ์ (เช่น ราชาเป็นสง่าแห่งแคว้น ) เพลงปลุกใจ (เช่น เพลงบ้านเกิดเมืองนอน) เพลงประจำสถาบัน (เช่น ชุดของจุฬา ฯ หลายๆ เพลง เพลง ขวัญโดม ของธรรมศาสตร์) เพลงรักโรแมนทิค (แต่งมากที่สุด ทุกอารมณ์) เพลงคติชีวิต เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากวรรณคดี และวรรณกรรม (เช่น ชุดจุฬาตรีคูณ เพลงจันทน์กะพ้อร่วง-จากนวนิยายเรื่องแผ่นดินของเรา ของแม่อนงค์) หลายเพลงกลายเสมือนเป็นเพลงประจำชาติและชาวต่างชาติร้องได้ (เช่น รำวงลอยกระทง ลอยเรือ นางฟ้าจำแลง อาลัยลา) เพลงประจำเทศกาลต่างๆตลอดทั้งปี เพลงชมธรรมชาติและสถานที่บ้านเมือง (กรุงเทพราตรี ภูกะดึง ฯลฯ)
สรุปสั้นๆ ว่า ภาษาของครูแก้วเป็นภาษากวี มีสัมผัสพราว แต่ทรงความหมายทุกคำ คำทุกคำคมคาย แม้ในเรื่องเดียวกัน ครูก็เลี่ยงใช้ศัพท์ต่างๆ แสดงว่าครูมี "คลังคำ" ในสมองมากมาย แสดงความเป็นคลังภาษาที่ร่ำรวยคำเพราะ อ่านมาก รู้เห็นมาก และเข้าใจลึกซึ้งในความหมายของภาษา สำนวนโวหาร มีทั้งเลียนของกวีโบราณ และที่ครูคิดประดิษฐ์ แล้วจับวางให้เหมาะแก่เนื้อเรื่อง โวหารจึงสละสลวย ลึกซึ้งกินใจ ศักดิ์ของคำเหมาะทุกรสทุกบท ทุกตอน ไม่เฟ้อ หรือฝืนบรรจุคำให้เต็มๆ หากแต่มีภาพพจน์อันงดงามในการเรียงร้อยถ้อยคำได้อารมณ์ ความรู้สึก
ในวาระฉลอง 100 ปี ในเดือนพฤษภาคมนี้ ผู้เขียนได้รับมอบหมายให้วิเคราะห์เพลงของครูหลายเพลง แต่ที่ผู้เขียนชอบมากที่สุดเพลงหนึ่ง คือจันทน์กะพ้อร่วง ซึ่งประพันธกรเอกคนหนึ่งของไทย "แม่อนงค์" หรือ
ครูมาลัย ชูพินิจ ได้ประพันธ์ตอนขึ้นต้นเรื่อง "แผ่นดินของเรา" ไว้ด้วยความประทับใจบาดอารมณ์ว่า
"ดอกจันทน์กะพ้อร่วงพรู แต่มิได้หล่นลงสู่พื้นดินทีเดียว กลีบสีขาวของมันน้อยๆ และอ่อนนุ่ม ปลิวกระจายตามลมเหมือนฝูงผึ้งแตกรัง ไปตกที่นั่นนิดที่นี่หน่อย บนพื้นสีเขียว ในลำคู เกลื่อนกลาดอยู่รอบโคนต้นอย่างที่เคยหล่นมาแล้วในชีวิตของมัน ต่างแต่ในวันนี้ไม่มีใครเขาจะเหลียวแล ไม่มีใครจะเอาใจใส่ ไม่มีแม้แต่เด็กจะคอยเก็บไปร้อยเป็นพวงมาลัยเล่นหรือใส่พานบูชาพระ บางกลีบเคราะร้ายปลิวไปตกลงกลางทางเดิน ก็รังแต่จะถูกเหยียบย่ำแหลกเหลวไปใต้ฝ่าเท้าที่โหดร้ายของผู้ที่ไม่รู้จักคุณค่าของมัน ทำนองเดียวกับหัวใจอันบริสุทธิ์ของหญิงสาวถูกขยี้โดยชายผู้ไม่รู้จักคุณค่าของความรัก"
แล้วครูแก้ว ก็ใช้หัวใจและอารมณ์อันละเอียดอ่อนของกวีร้อยเรียงออกมาจนกลายเป็นเพลงอมตะ ได้ฟังเสียงร้องของคุณมัณฑนา โมรากุล ศิลปินแห่งชาติคราวใดก็บาดอารมณ์ลึกๆ ชวนสะอื้นยิ่งว่า
"ดอกจันทน์กะพ้อร่วงพรู เจ้ามิใช่ร่วงสู่แผ่นดินแห่งไหนโดยง่าย ลมพาเอากลีบกระจาย ร่วนปลิวพร่างพลิ้วพราย ไม่มีที่หมายใด ดูดังฝูงผึ้งแตกรัง เมื่อไร้กำลัง หล่นก็ลงฝังทั่วไป ไร้ผู้จะเหลียวใส่ใจ ไม่มีใครที่ไหน เก็บเอาไปเพื่อไว้บูชา บางกลีบเขาเหยียบลง แหลกเป็นผงอย่างไร้เมตตา กลีบจมแผ่นดินสิ้นสูญราคา กลิ่นนั้นหนายังหอมมีค่าผูกพัน จันทน์กะพ้อคือเหล่าสตรี มีราคีเพราะชายขยี้พรหมจรรย์ ความสาวแหลกเหลวสิ้นพลัน ไร้ค่าผูกพันเหมือนจันทน์กะพ้อร่วงพรู"
หวังว่า "ฟอร์มูลา" ฉบับนี้ออกจำหน่าย ท่านที่นิยมความอัจฉริยะของกวีแก้ว จะยังตามไปชมและฟังคอนเสิร์ท ร้อยปีกวีแก้วได้ทัน
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร 399 ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2558
คอลัมน์ Online : ชีวิตคือความรื่นรมย์
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://autoinfo.co.th/article/12651