X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
รู้ไว้ใช่ว่า
1 Jan 2016
"ต่อมไม่รับรู้ !"
"ต่อมรับรู้" ของคนบ้านเราในสองกรณี คือ หนึ่ง ขี่มอเตอร์ไซค์ทางไกล ควบแข่งกับรถเก๋ง โดยไม่สวมหมวกกันนอค สอง นั่งเอ้อระเหยที่ด้านท้ายของรถกระบะ ชนิดเปลือยเปล่า นั่นคือการท้าทายมฤตยูอย่างชัดๆ หัวกะโหลกหุ้มก้อนสมอง คือ จุดอ่อน หากรถจักรยานยนต์ล้มหรือเฉี่ยวชนเมื่อไหร่ ต่อให้เป็นนักกายกรรมบันลือโลก ก็ยากที่จะเอาตัวรอด ผลที่ปรากฏอยู่เสมอ คือ นักบิดนอนรอให้มูลนิธิมาห่อศพไป และถ้าใครเกี่ยวข้องซวยไปด้วย คางเหลืองไปด้วย การนั่งที่กระบะท้าย ขณะรถแล่น คนเหล่านั้นพร้อมที่จะกระเด็นไปไหนต่อไหน เมื่อรถเกิดอุบัติเหตุ พลิกคว่ำพลิกหงาย ชนหรือกระแทกกระทั้นกับสิ่งต่างๆ เห็นข่าวตลอดเวลาว่า "ตายหมู่" มูลนิธิตามเก็บศพบนถนนไม่รู้เท่าไร พาให้คนอื่นเดือดร้อนเช่นกัน ผมแปลกใจ ทำไมต่อมรับรู้ถึงภัยใกล้ตัวของ "คนไทย" จึงปิดสนิทในเรื่องเหล่านี้ ทำราวกับว่าชีวิตไม่มีความหมาย พร้อมที่จะตายโหงทุกเมื่อ แต่พอเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ พากันคร่ำครวญใจจะขาด ผมไม่เข้าใจ รวมทั้งไม่เข้าใจภาครัฐ ซึ่งเป็นผู้ปกครองดูแลประชาชน ไม่เห็นเขาใส่ใจแก้ไขใดๆ เลยก็ว่าได้ อยู่ใกล้โรงพัก ใกล้ด่านลอยด่านตรวจ อาจกวดขันเรื่องสวมหมวกกันนอค พ้นไปจากนั้น ดูได้เลย ตามถนนหนทางนอกเมือง แทบไม่มีใครใส่หมวกเหล่านี้ นั่งกระบะท้ายรถยนต์ก็อีหรอบเดียวกัน ตายโหงมาแล้วเป็นพันเป็นหมื่นราย รัฐยังปล่อยให้ชาวบ้านนั่งโด่ที่กระบะท้ายตามสบาย แล้วก็ตายโหงตามสะดวก ออกกฎบังคับควบคุมจริงจัง ล้วนทำได้ แต่กูไม่ทำ มีไรไหม เหลือเชื่อจริงๆ ประเทศไทย ท่านว่าไหม ตามไปดูคดีที่นำมาตบท้ายให้หายบ้า กับเรื่องท้าความตายของพวกเรา "นายแบกสมบัติ" เขาไม่ได้มีสมบัติของตัวเองให้แบกหรอก แต่เป็นของคนอื่นราคานับแสนนับล้าน พาตะลอนๆ ไปตามท้องถนน ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อส่งให้ถึงที่ นับว่าเป็นอาชีพที่น่าเห็นใจ อยู่ในวิสัยโดนจี้ปล้นโดนทำร้ายได้เสมอ คืนนั้นราวๆ 4 ทุ่ม นายแบกสมบัติ ขับรถบรรทุกยางแท่ง ราคาราว ๆ 1 ล้าน 5 แสนบาท มาจอดนอนรอหน้าบริษัทที่จะขนลงในตอนเช้า โดยอยู่นอกรั้ว ตามที่เขากำหนด ถ้าอยู่ในรั้วก็น่าจะไม่มีปัญหา และแล้วเหตุร้ายก็เกิดขึ้น มีชาย 4 คน ขี่มอเตอร์ไซค์และรถกระบะติดสัญญาณไฟฉุกเฉิน แต่งกายคล้ายๆ ตำรวจ มาขอตรวจค้น แล้วสวมกุญแจมือ นายแบกสมบัติ นำทั้งรถทั้งคนไปกักขังที่บ้านของพวกมัน แถวๆ พระนครศรีอยุธยา กวาดเอายางแท่งไปเกลี้ยง ยังดีที่ไม่ฆ่าแกง นายแบกสมบัติ ให้เป็นผี ตำรวจเก่ง คว้าคอพร้อมทั้งเนื้อตัวคนร้ายมาให้อัยการฟ้องไปที่ศาลรวม 4 คน ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ปล้นทรัพย์ และพกพาอาวุธปืน จำเลยพากันสู้คดี ให้การปฏิเสธ พวกตนบริสุทธิ์ผุดผ่องซะไม่มี ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นนั่งพิจารณาคดีที่ห้องพิจารณา สีหน้าขึงขัง น่าเกรงขามตามสไตล์ แล้วตัดสินเอาผิดจำเลยที่ 1 ถึง 3 ลงโทษข้อหาปล้น ลด 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปี ข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง ลดแล้วเหลือ 1 ปี รวมเป็น 11 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 4 อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษทุกคน จำเลยที่ 2 และ 3 มีทุน ยื่นอุทธรณ์ขอให้หลุด ศาลอุทธรณ์ส่องดูสำนวน แล้วพิพากษายืน จำเลยที่ 3 ยังมีแรงดิ้น ยื่นฎีกาขึ้นไป ศาลฎีกาหนีไม่พ้น ต้องออกเหงื่อ แล้วชี้ขาดออกมาว่า งานนี้จำเลยที่ 1 โดนศาลชั้นต้นลงโทษแล้วอยู่เฉยๆ ส่วนจำเลยที่ 2 พอศาลอุทธรณ์ตัดสินลงโทษ ก็อยู่นิ่งๆ ไม่ดิ้นรนยื่นฎีกา จำเลยที่ 4 ซึ่งโดนฟ้องมาด้วย เมื่อศาลชั้นต้นยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน อัยการไม่ติดใจยื่นฎีกา หมายความว่าคดีสำหรับจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 จึงถึงที่สุดไปแล้ว จบเห่ไปแล้วละ สำหรับจำเลยที่ 3 ก็จบ ในเมื่อเจ้าตัวอยากให้ยกฟ้องข้อหาหน่วงเหนี่ยวกักขัง เมื่อได้ความว่าศาลล่างลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จำเลยที่ 3 ฎีกาขึ้นมาในปัญหาข้อเท็จจริง ว่าไม่ได้ทำผิด เป็นการต้องห้าม ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย จบเห่อีกเช่นกัน แต่เอาเหอะ เพื่อไม่ให้เสียเที่ยว ศาลฎีกาขอออกเหงื่อนิดหนึ่งให้หายเปรี้ยวปาก โดยมองว่าการปล้นกับการหน่วงเหนี่ยวกักขังเป็นกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบท ศาลฎีกาใจดี เลือกลงโทษแค่บทเดียวข้อหาปล้น ว่าแล้วศาลฎีกาก็ยอมโป๊อีกหน พิพากษาแก้ ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1, 2, 3 คนละ 10 ปี โดยมีผลถึงจำเลยที่ 1 ที่ 2 ทั้งๆ ที่ไม่ได้กระเสือกกระสนฎีกาขึ้นมา และให้ร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ 1 ล้าน 5 แสนกว่าบาท แก่เจ้าของ หลุดออกจากเรือนจำ อย่าริอ่านทำชั่วอีกละ ศาลเมื่อยตุ้มกับการพิจารณาตัดสินเต็มที อ้อ อย่าลืมดูแลคุ้มครองบรรดาโชเฟอร์รถบรรทุก รถตู้คอนเทเนอร์ รถพ่วงด้วยนะครับ เขาคือผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศเชียวนะ จากคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 22741/2555
อ่านต่อ
เรื่องโดย : ณรงค์ นิติจันทร์
นิตยสาร 417 ฉบับเดือน มกราคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : รู้ไว้ใช่ว่า
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://autoinfo.co.th/article/112689
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th
บทความแนะนำ คอลัมน์
รู้ไว้ใช่ว่า
รู้ไว้ใช่ว่า
28 Mar 2017
ขนคนเข้าเมือง
รู้ไว้ใช่ว่า
3 Mar 2017
ไฟแนนศ์ปล้น
รู้ไว้ใช่ว่า
2 Feb 2017
ใช้รถอย่ารั่ว
รู้ไว้ใช่ว่า
31 Dec 2016
สนุกกับรถ
รู้ไว้ใช่ว่า
29 Nov 2016
ยุ่ยไปหน่อยมั้ง !
รู้ไว้ใช่ว่า
26 Oct 2016
จอดตะพึดตะพือ !
รู้ไว้ใช่ว่า
26 Sep 2016
ไม่รู้มันเรื่องใหญ่ ?
ดูต่อในคอลัมน์ รู้ไว้ใช่ว่า