ไม่หายไข้

เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2015/2014

ตลาดโดยรวม	- 12.5 %
รถยนต์นั่ง	- 25.3 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV)	20.1 %
รถอเนกประสงค์ (MPV)	- 28.6 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ	- 9.2 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ	28.0 %
อื่นๆ	- 14.8 %

เปรียบเทียบยอดจำหน่ายรถยนต์ประจำเดือนมกราคม-สิงหาคม 2015/2014

ตลาดโดยรวม	- 15.8 %
รถยนต์นั่ง	- 21.4 %
รถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV)	- 7.3 %
รถอเนกประสงค์ (MPV)	- 11.9 %
กระบะขับเคลื่อน 2 ล้อ	- 15.2 %
กระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ	- 7.6 %
อื่นๆ	2.2 %

  ผลงานการขายรถยนต์เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สรุปได้ความว่า สภาพเศรษฐกิจประเทศไทย ยังไม่สร่างไข้ เพราะการขายเพียงเดือนเดียว ยังลดลงเหลือเพียง 60,863 คัน ลด 12.5 % ก็ยังเป็นตัวฉุดยอดรวมให้ลดอยู่ 15.8 % ขายกันเพียง 429,972 คัน ด้วยสาเหตุเดิมๆ ที่รัฐบาลแก้กันไม่ตก ยังวุ่นวายเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจกันอยู่ ก็ได้แต่หวังว่าเปลี่ยนกันเสร็จแล้ว ประเทศไทยน่าจะสร่างไข้ได้ไม่เกินสิ้นปีนี้   มาตรวัด ฯ รอบนี้ ขอรายงานอภิมหาพโรเจคท์ ที่จะกระจายเม็ดเงินให้เข้าสู่สาธารณะด้วยวิธีการต่างๆ เพราะจะเป็นโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่มากมาย เริ่มกันที่โครงการรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางที่เลื่อนการประกวดราคาออกไป ได้แก่ 1. ฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ระยะทาง 106 กม. วงเงิน 1.13 หมื่นล้านบาท 2. เส้นทาง จิระ-ขอนแก่น ระยะทาง 185 กม. วงเงิน  2.60 หมื่นล้านบาท และ 3. เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 1.79 หมื่นล้านบาท   และยังมีรถไฟฟ้า 3 เส้นทางประกอบด้วย สายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี) วงเงิน 9.9 หมื่นล้านบาทสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท และสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) วงเงิน 5.6 หมื่นล้านบาท ที่คาดว่าจะประกวดราคาในราวปลายนี้ หรือต้นปีหน้า รวมวงเงินราว 2.5 แสนล้านบาท   ยังมีโครงการที่เตรียมเสนอ ครม. อนุมัติเปิดประมูล ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีชมพู เส้นทาง แคราย-มีนบุรี และสายสีเหลือง เส้นทาง ลาดพร้าว-สำโรง ซึ่ง 2 เส้นทางนี้จะเป็นโครงการร่วมทุนลักษณะ PPP นอกจากนี้สายสีม่วง ช่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ ซึ่งนำเสนอต่อกระทรวงคมนาคมไปแล้ว โครงการรถไฟฟ้าทุกเส้นทางถึงแม้ ครม. มีมติอนุมัติให้ดำเนินการแล้วก็ตาม แต่ยังมีกระบวนการต้องดำเนินการ เช่น การจัดทำงบประมาณการเวนคืนที่ดิน และงบก่อสร้าง ซึ่งขณะนี้ได้ปรับมาทำควบคู่กันไป และให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน ฉะนั้นในปีนี้เม็ดเงินก้อนใหญ่ที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอาจจะไม่ได้เห็น แต่จะไปเกิดขึ้นในปี 2559   ส่วนโครงการขนาดใหญ่ที่จะประกวดราคาในเร็วๆ นี้ ได้แก่ มอเตอร์เวย์ เส้นทาง พัทยา-มาบตาพุด วงเงิน 2 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะประกวดราคาในเดือนสิงหาคมนี้ ส่วนโครงการขยายสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าจะประกวดราคาในเดือนตุลาคมนี้เช่นกัน และยังมีโครงการ 4 จี ที่ตั้งเป้าจะประกวดราคาในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ วงเงินเริ่มต้น 1.3 หมื่นล้านบาท   นั่นก็หมายความว่า นับแต่ต้นปี 2559 เป็นต้นไป เม็ดเงินมหาศาล สำหรับหลากหลายโครงการอภิมหาพโรเจคท์ของภาครัฐ ก็จะเริ่มทยอยดำเนินการ เรียกว่าตลอดทั้งปี ผลพวงของเม็ดเงินเหล่านี้ ก็จะช่วยกระตุ้นสภาวะเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี แทบเรียกได้ว่า ไม่ต้องคอยคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่เลย และที่สำคัญ ค่ายรถจากญี่ปุ่นต่างก็มีการลงทุนในบ้านเรามากมาย ตอนนี้นับว่ามากที่สุดก็เป็นค่ายเพชรสามเม็ด ที่ให้คำยืนยันหนักแน่นว่า จะไม่มีการลดขนาดธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนแน่นอน โดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นฐานการผลิตสำคัญของ มิตซูบิชิ ดังจะเห็นจากการลงทุนสนามทดสอบมูลค่ากว่า 500 ล้านบาทที่เพิ่งเปิดไป หรือล่าสุดได้แนะนำรถรุ่นใหม่ มิตซูบิชิ ปาเจโร สปอร์ท ที่ผลิตจากโรงงานในไทยเป็นครั้งแรกในโลก ซึ่งบทบาทของไทยจะสำคัญในระดับสากล จากการเป็นฐานการผลิตส่งออกกว่า 100 ประเทศทั่วโลก ส่วนอินโดนีเซียจะเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของ มิตซูบิชิ ในภูมิภาคนี้ เนื่องจากมองทิศทางตลาดอาเซียนมีศักยภาพและจะขยายตัวต่อเนื่องในอนาคต   ก็ได้แต่ภาวนาให้เศรษฐกิจบ้านเรา หายสร่างจากไข้เพราะพิษเศรษฐกิจได้ในเร็ววัน จะได้ฉลอง 3 ล้านคันกันเร็วๆ