ญี่ปุ่น-ค่าย เลกซัส ก้าวล้ำนำยุคไปอีกหนึ่งก้าว นำรถพันทางสุดหรู เลกซัส แอลเอส 600 เอช (LEXUS LS600H) และ เลกซัส แอลเอส 600 เอชแอล (LEXUS LS600HL) ออกจำหน่ายแล้วในเมืองปลาดิบ

รถพันทางสุดหรู ออกขายแล้วในญี่ปุ่น ผลงานค่าย เลกซัส ญี่ปุ่น-ค่าย เลกซัส ก้าวล้ำนำยุคไปอีกหนึ่งก้าว นำรถพันทางสุดหรู เลกซัส แอลเอส 600 เอช (LEXUS LS600H) และ เลกซัส แอลเอส 600 เอชแอล (LEXUS LS600HL) ออกจำหน่ายแล้วในเมืองปลาดิบ หลังจากนำรถออกแสดงในงานมหกรรมยานยนต์รายการสำคัญ ทั้งในสหรัฐอเมริกา และในญี่ปุ่น มาแล้วหลายครั้ง ในที่สุด เลกซัส ผู้ผลิตรถยนต์ในเครือข่ายของยักษ์ใหญ่ โตโยตา มอเตอร์ คอร์พอเรชัน (TOYOTA MOTOR CORPORATION) ก็นำรถพันทางสุดหรู เลกซัส แอลเอส 600 เอช และ เลกซัส แอลเอส 600 เอชแอล ออกขายแล้วในญี่ปุ่น ด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ระดับ 9.70 และ 13.30 ล้านเยน หรือเท่ากับประมาณ 2.72 และ 3.72 ล้านบาท ตามลำดับ คือ แพงกว่า รถประกอบด้วยมือ โตโยตา เซนทูรี (TOYOTA CENTURY) ที่เคยครองตำแหน่งรถญี่ปุ่นค่าตัวแพงที่สุดติดต่อกันมานานหลาย 10 ปี ความแตกต่างประการสำคัญของรถพันทาง 2 รุ่นนี้อยู่ที่ตัวถัง กล่าวคือ เลกซัส แอลเอส 600 เอช อยู่ในตัวถังเดียวกับรถ เลกซัส แอลเอส 460 (LEXUS LS460) รุ่นล่าสุด ซึ่งเริ่มจำหน่ายในญี่ปุ่นเมื่อเดือนกันยายน 2006 เป็นตัวถัง 4 ประตู ซีดาน 5 ที่นั่ง ยาว 5.030 ม. กว้าง 1.875 ม. สูง 1.475 ม. และมีช่วงฐานล้อ 2.970 ม. ส่วน เลกซัส แอลเอส 600 เอชแอล อยู่ในตัวถังแบบเดียวกัน แต่ขยายช่วงฐานล้อเป็น 3.090 ม. คือ เพิ่มขึ้น 12.0 ซม. ซึ่งส่งผลให้ขนาดความยาวของตัวถังเพิ่มขึ้นเป็น 5.150 ม. คือ ยาวขึ้น 12.0 ซม. เช่นกัน ที่เหมือนกันทุกประการ คือ ขุมพลังขับเคลื่อน ระบบขับแบบพันทาง หรือ HYBRID DRIVE ที่ค่าย โตโยตา พัฒนาขึ้นเอง และนำมาติดตั้งใช้งานในรถพันทาง 2 แบบนี้ ใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ 4,968 ซีซี ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งรับพลังไฟฟ้าจากแบทเตอรี นิกเคิล เมทัล ไฮดไรด์ (NICKEL METAL HYDRIDE) ให้กำลังสูงสุดรวม 445 แรงม้า กล่าวโดยสรุป ก็คือ เป็นระบบพลังที่ให้กำลังสูงพอๆ กับเครื่องยนต์ วี 12 สูบ ขนาด 6.0 ลิตร แต่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และปล่อยไอเสียเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ขนาด 3.0 ลิตร ที่น่าสนใจไม่น้อยกว่าระบบขับเคลื่อนพันทางดังกล่าวข้างต้น คือ การที่ โตโยตา ผนวกระบบขับแบบพันทางนี้ เข้ากับระบบเกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดต่อเนื่อง (เกียร์ CVT) ควบคุมการทำงานด้วยระบบอีเลคทรอนิค และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบถาวร (FULL-TIME 4WD) ซึ่งส่งผลให้รถพันทางแบบนี้ มีตีนต้นที่เยี่ยมยอดมาก คือ อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ในเวลา 5.5 วินาที และอัตราเร่ง 40-70 กม./ชม. ทำได้ในเวลาแค่ 2.5 วินาที เท่านั้นเอง แต่สำหรับนักอนุรักษ์ธรรมชาติ ประเด็นที่น่าสนใจที่สุดคงหนีไม่พ้นตัวเลขการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ในญี่ปุ่น มีมาตรฐานวัดอัตราบริโภคเชื้อเพลิงซึ่งรู้จักกันในชื่อ 10.15 MODE FUEL CYCLE ปรากฏว่า รถพันทาง เลกซัส แอลเอส 600 เอช ผ่านการทดสอบนี้ด้วยตัวเลข 12.2 กม./ลิตร ซึ่งนับเป็นตัวเลขที่ต่ำมาก เมื่อเปรียบเทียบกับรถเบนซิน เลกซัส แอลเอช 460 ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์ วี 8 สูบ 4,608 ซีซี 385 แรงม้า และทำได้ 9.1 กม./ลิตร ในส่วนของปริมาณไอพิษ เลกซัส ยืนยันว่า ปริมาณแกสคาร์บอนไดออกไซด์ที่ปล่อยออกมามีค่าเพียงครึ่งเดียวของรถขนาด 6.0 ลิตร ทั่วๆ ไป คือ อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 190.3 กรัม/กม. หรือ กล่าวได้ว่า เป็นรถที่ "สะอาดกว่ามาก" เมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกันอย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส 600 แอล (MERCEDES-BENZ S600L) ของค่ายเยอรมัน ย่อยข่าว * ญี่ปุ่น-นิสสัน มอเตอร์ นำรถใหม่อีกหนึ่งแบบ ออกจำหน่ายแล้วในเมืองปลาดิบ คือ นิสสัน ดูอัลอิสต์ (NISSAN DUALIST) ที่เห็นในภาพ เป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งขนาด MIDSIZE ที่ออกแบบในยุโรป โดยมีภูมิภาคยุโรปเป็นตลาดเป้าหมาย ตัวถังทรง 2 กล่อง ขนาด 4.315x1.780x1.615 ม. วางตัวอยู่บนช่วงฐานล้อยาว 2.630 ม. มีทั้งแบบขับล้อหน้าและขับ 4 ล้อ แต่มีเครื่องยนต์ขนาดเดียว คือ เครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,997 ซีซี 317 แรงม้า (รหัสเครื่องยนต์ MR20DE) ระบบเกียร์ก็มีแบบเดียว คือ เกียร์อัตโนมัติปรับอัตราทดเนื่อง (เกียร์CVT) สนนราคาค่าตัวที่ซื้อขายกันในเมืองปลาดิบ อยู่ระหว่าง 1.95-2.44 ล้านเยน หรือเท่ากับประมาณ 0.55-0.68 ล้านบาทไทย * สวีเดน-ซาบ (SAAB) ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับ 2 ของเมืองฟรีเซกซ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในร่มเงาของยักษ์ใหญ่ จีเอม (GM) เปิดเผยโฉมหน้า และรายละเอียดของรถ ซาบ 9-3 (SAAB 9-3) รุ่น FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ออกมาแล้ว มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งภายนอกและภายใน โดยเฉพาะส่วนหน้ารถ ซึ่งออกแบบใหม่หมดดังที่เห็นในภาพ ในส่วนของเครื่องยนต์กลไก ความเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจ คือ จะมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และเครื่องยนต์ วี 6 สูบ 2.8 ลิตร ที่ให้กำลังสูงถึง 300 แรงม้า ให้เลือกใช้ด้วย * สหรัฐอเมริกา/เยอรมนี-ผู้ผลิตรถยนต์ทวิสัญชาติ ไดมเลร์ ไครสเลอร์ (DAIMLER CHRYSLER) ซึ่งกำเนิดขึ้นเมื่อ 9 ปีก่อน จากการรวมตัวกันระหว่าง ไดมเลร์-เบนซ์ (DAIMLER-BENZ) แห่งเยอรมนี กับ ไครสเลอร์ กรุพ (CHRYSLER GROUP) แห่งสหรัฐอเมริกา กำลังจะเปลี่ยนแปลงฐานะไปอีกแล้ว เมื่อบริษัทประกาศการตัดสินใจเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าได้ตัดสินใจขายหุ้นร้อยละ 80.1 ของ ไครสเลอร์ ให้แก่ กลุ่มธุรกิจ เซอร์เบรัส แคพิทอล แมเนจเมนท์ (CERBERUS CAPITAL MANAGEMENT) ของสหรัฐอเมริกา เป็นมูลค่า 7,400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับประมาณ 259,000 ล้านบาทไทย และจะยังคงถือหุ้นร้อยละ 19.9 ที่เหลืออยู่ แต่จะเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น ไดมเลร์ อาเก (DAIMLER AG) * สหรัฐอเมริกา-มีรายงานข่าวในนิตยสารธุรกิจชั้นนำฉบับหนึ่งของเมืองมะกัน อ้างแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับ บีเอมดับเบิลยู (BMW) ระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์ของเยอรมนีรายนี้กำลังบรรลุข้อตกลงที่จะรับซื้อกิจการของ โวลโว (VOLVO) จากผู้เป็นเจ้าของ คือ ฟอร์ด (FORD) แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ทันทีที่ข่าวนี้แพร่ออกไป ฟอร์ด ก็ประกาศยืนยันอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า "ไม่มีการพูดคุยกับ บีเอมดับเบิลยู หรือผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นใด" คำวิจารณ์ที่ตามมา ก็คือ ปฏิเสธอย่างนี้แปลว่า มีโอกาสเป็นไปได้มากที่จะขาย