ธุรกิจ
พรเทพ พรประภา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกมอเตอร์เวอคส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนัก และสินค้าอุตสาหกรรม "โคมัตสุ" 1 ในเครือสยามกลการ ฯ เปิดเผยว่า บริษัทในกลุ่ม โคมัตสุ 5 บริษัท ที่ประกอบด้วย 1. บริษัท บางกอกมอเตอร์เวอคส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถขุด และรถยก โคมัตสุ 2. บริษัท บางกอกโคมัตสุ อินดัสตรีส์ จำกัด ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายเหล็กหล่อชิ้นส่วนรถยก โคมัตสุ 3. บริษัท บางกอกโคมัตสุ จำกัด ผู้ผลิต และส่งออกรถขุด โคมัตสุ 4.บริษัท โคมัตสุ บางกอกลิสซิ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อ และจัดทำลีซิง 5. บริษัท โคมัตสุ อินดัสตรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องปั๊มโลหะชิ้นส่วน โดยบริษัทตั้งเป้ามีรายได้รวมไว้ทั้งสิ้น 11,373 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอันดับที่ 2 ของบริษัทในเครือสยามกลการ ฯ
โคมัตสุ
ทุ่มลงทุนเพิ่มในเมืองไทย
พรเทพ พรประภา ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางกอกมอเตอร์เวอคส์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลหนัก และสินค้าอุตสาหกรรม "โคมัตสุ" 1 ในเครือสยามกลการ ฯ เปิดเผยว่า บริษัทในกลุ่ม โคมัตสุ 5 บริษัท ที่ประกอบด้วย 1. บริษัท บางกอกมอเตอร์เวอคส์ จำกัด ผู้แทนจำหน่ายรถขุด และรถยก โคมัตสุ 2. บริษัท บางกอกโคมัตสุ อินดัสตรีส์ จำกัด ผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายเหล็กหล่อชิ้นส่วนรถยก โคมัตสุ 3. บริษัท บางกอกโคมัตสุ จำกัด ผู้ผลิต และส่งออกรถขุด โคมัตสุ 4.บริษัท โคมัตสุ บางกอกลิสซิ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจเช่าซื้อ และจัดทำลีซิง 5. บริษัท โคมัตสุ อินดัสตรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้แทนจำหน่ายเครื่องปั๊มโลหะชิ้นส่วน โดยบริษัทตั้งเป้ามีรายได้รวมไว้ทั้งสิ้น 11,373 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นอันดับที่ 2 ของบริษัทในเครือสยามกลการ ฯ
นอกจากนี้ยังได้มีการลงทุนเพิ่มอีกประมาณ 1,253 ล้านบาท ประกอบด้วย 1. การขยายโรงงานผลิตเหล็กหล่อ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในกลางปีหน้า 2. ขยายโรงงานผลิตรถขุด โดยเพิ่มกำลังผลิตจาก 3,000 เป็น 6,000 คัน/ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีหน้า 3. ขยายสาขาศูนย์บริการจาก 14 เป็น 21 แห่ง 4. ปรับปรุงสำนักงานของ โคมัตสุ
สำหรับการขยายกำลังผลิตรถขุดที่เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นการรองรับตลาดส่งออก ซึ่งปัจจุบันบริษัทส่งออกอยู่ประมาณ 80 % ของกำลังการผลิต โดยฐานการผลิตรถขุด โคมัตสุ ในเอเชียจะมีเฉพาะที่เมืองไทยกับอินโดนีเซียเท่านั้น ส่วนแผนงานด้านยอดขายปีนี้บริษัตั้งเป้ายอดขายรถขุดไว้ 525 คัน ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 30 % จากตลาดรวมรถขุดใหม่ในปีนี้ที่คาดการณ์ไว้ 1,700-1,800 คัน ซึ่งหดตัวลงจากปีที่ผ่านมา 17 % ทั้งนี้เนื่องจากภาครัฐได้เลื่อนงานด้านระบบสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ออกไป ทำให้การขยายตัวของงานก่อสร้างบางส่วนหดตัวลง มีผลถึงตลาดรถขุดโดยตรง นอกจากนี้ยังมีรถขุดเก่าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ โดยมีอยู่ในตลาดถึงปีละ 3,000 คัน
นอกจากนี้ บริษัทได้เปิดตัวรถขุดรุ่นใหม่ "PC200-8" ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ คอมมอนเรล เป็นรายแรกของเมืองไทย บริษัทตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 3.65 ล้านบาท และยังมีรุ่นที่ไม่ใช่เครื่องยนต์คอมมอนเรล ราคา 3.45 ล้านบาท ซึ่งคาดว่ารถรุ่นนี้จะสามารถเพิ่มยอดขายให้กับบริษัทในปีหน้าได้มากขึ้น
ส่วนของรถยก โฟร์คลิฟท์ ปีนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 650 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 21 % จากตลาดรวมที่คาดการณ์ในปีนี้ไว้ 4,700 คัน โคมัตสุ ถือเป็นอันดับที่ 2 ของตลาดรถยกในเมืองไทย ส่วนปีหน้าคาดว่าจะมีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 20 % ขณะที่ตลาดรวมคาดว่าจะโตเพียง 10 % เท่านั้น เนื่องจากตลาดมีความต้องการถยกที่ใช้พลังงานแบทเตอรีมากขึ้น ซึ่งมีมลพิษน้อยถ้าเทียบกับรถยกที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง
ส่วนตลาดเครื่องจักรกลขนาดใหญ่นั้น โคมัตสุ สามารถครองอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 29 %ทั้งนี้มาจากแผนการพัฒนาคุณภาพสินค้า รวมทั้งการบริการที่บริษัทได้จัดตั้งสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ เพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้า รวมทั้งก่อตั้งบริษัทลีซิง เพื่อทำการเช่าซื้อเป็นของตัวเอง ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
โตโยต้ามหานคร ฯ
ทุ่มงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท
บดินทร์ บุญวิสุทธิ์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้ามหานคร จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมลงทุนอีกกว่า 400 ล้านบาท ขยายโชว์รูมและศูนย์บริการเพิ่มอีก 2 แห่ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในย่านชานเมือง โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาสถานที่ว่าจะเป็นที่ใด นอกจากนี้ยังเตียมลงทุนศูนย์ทำสีแบบครบวงจรเพิ่มขึ้นอีก 2 แห่ง คาดว่าจะใช้งบประมาณแห่งละ 20 ล้านบาท
ส่วนปีนี้บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดการจำหน่ายโดยรวม 15,000 คัน จากโชว์รูมของ โตโยต้ามหานคร ฯ และโตโยต้าอยุธยา ฯ ซึ่งบริษัทจะมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้บริษัทได้จับมือกับบริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เปิดบริการจุดเคาน์เตอร์เซอร์วิศ ให้บริการรับชำระค่าสินค้าและบริการ รวมทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ ภายใต้คอนเซพท์ "จ่ายสะดวก จ่ายสบาย ที่ โตโยต้ามหานคร ฯ" ในโชว์รูมทั้ง 12 สาขาทั่วกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล เพื่อให้บริการลูกค้าของ โตโยต้ามหานคร ฯ ที่มีกว่า 1 แสนรายตลอดระยะเวลา 27 ปีของการทำธุรกิจนี้
การเปิดบริการรูปแบบใหม่ภายใต้คอนเซพท์ "จ่ายสะดวก จ่ายสบาย ที่โตโยต้ามหานคร" ได้รับความร่วมมือจาก บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด ในการรับชำระค่าสินค้าและบริการ ตลอดจนสาธารณูปโภคต่างๆ โดยเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 8.30-17.00 น. ทุกวัน ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งบริการรูปแบบนี้ถือได้ว่าเป็นแห่งแรกในวงการรถยนต์ที่เกิดจากแนวคิดในการต่อยอดการสร้างความพึงพอใจสูงสุดด้วยรูปแบบการบริการ ที่เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า โตโยต้ามหานคร ฯ
ด้าน ภูเมธ มณูพิบูลย์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า โตโยต้ามหานคร ฯ มีความตั้งใจจริงในการให้บริการลูกค้า โดยมีการปรับปรุงพัฒนาเทคโนโลยี และระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ลูกค้าเกิดความพึงพอใจในการเข้ารับการบริการสูงสุด รวมไปถึงการจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีแก่ลูกค้า สำหรับการส่งเสริมและเผยแพร่การรับรู้ให้ลูกค้ามาใช้บริการเคาน์เตอร์เซอร์วิศที่โชว์รูม บริษัทจะมีการประชาสัมพันธ์ ผ่านเวบไซท์ www.toyotametro.co.th สื่อไดเรคเมล์ โพสเตอร์ และนิตยสารภายในของ โตโยต้ามหานคร ฯ METROPOLITAN รวมทั้งจะร่วมเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายของ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด อีกด้วย
โพร์เช
เปิดตัวรถใหม่
ปณิธชฏา โปษยานนท์ ผู้จัดการแผนกการตลาด และ นันทพล จันทน์แดง ผู้อำนวยการขายและการตลาด บริษัท เอเอเอส ออโต้เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ โพร์เช เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับสินค้า บริษัทได้เปิดตัวรถ โพร์เช เคย์แมน เครื่องยนต์บอกเซอร์ 6 สูบนอน ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ความจุ 2.7 ลิตร กำลังสูงสุด 245 แรงม้า ราคา 8.5 ล้านบาท ซึ่งถูกกว่ารุ่น เคย์แมน เอส ที่มีราคาจำหน่าย 10.99 ล้านบาท คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายรถรุ่นเล็กให้เพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ยังได้เปิดตัว โพร์เช บอกซ์สเตอร์ 2.7 ลิตรใหม่ ตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 7.6 ล้านบาท เครื่องยนต์ตัวใหม่ให้แรงม้าสูงสุดถึง 245 แรงม้า เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิมถึง 5 แรงม้า ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามากขึ้น รวมทั้งรุ่น บอกซ์สเตอร์ เอส ที่ให้กำลังเพิ่มขึ้นกว่าเดิม แต่ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และมีการพัฒนาระบบเกียร์ TIPTRONIC S และระบบ SPORT CHRONO PACKAGE ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย นอกจากนั้นจะมี โพร์เช จีที 3 กับ จีที 3 อาร์เอส ออกสู่ตลาด ซึ่งบริษัทตั้งราคาจำหน่ายไว้ที่ 16 ล้านบาท กับ 20 ล้านบาทตามลำดับ น่าจะเป็นตัวเลือกในระดับบนให้แก่ลูกค้าเพิ่มขึ้น
สำหรับยอดขายปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีทั้งสิ้น 80 คัน เพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้วที่มียอดขาย 60 คัน สาเหตุมาจากปีนี้มีรถใหม่เปิดตัวหลายรุ่น แต่ในปีหน้าบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ประมาณ 60-70 คัน ทั้งนี้เนื่องจากในปีหน้าจะไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ออกสู่ตลาด จึงน่าจะทำให้ยอดขายกลับไปใกล้เคียงกับปี 2548
อย่างไรก็ตาม ปีหน้าทางบริษัทแม่จะเปิดตัว กาเยนน์ ใหม่ รุ่นยกหน้าออกสู่ตลาด ซึ่งบริษัทคงต้องพิจารณาในรายละเอียดอีกครั้ง ว่าจะนำรถรุ่นนี้เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยหรือไม่ เนื่องจากภาษีสรรพสามิตสำหรับรถ เอสยูวี ที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ราคาจำหน่ายรถยนต์รุ่นนี้สูงขึ้นไปด้วย
มาซดา
แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการคนใหม่
บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศแต่งตั้ง จอห์น เรย์ ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนใหม่อย่างเป็นทางการแทน ฟูมิโอะ โทเนะ โดยให้มีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ เรย์ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและเลขานุการ คณะกรรมการบริหาร บริษัท มาสด้า ออสเตรเลีย จำกัด เป็นระยะเวลากว่า 25 ปี รับผิดชอบงานด้านการวางแผนและพัฒนากลยุทธ์ต่างๆ และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ มาซดา ออสเตรเลีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตำนานแห่งความสำเร็จของ มาซดา ทั่วโลก โดยปัจจุบัน มาซดา เป็นรถยนต์ที่มียอดขายเป็นอันดับ 4 ในออสเตรเลีย ซึ่งมากกว่า ฮอนดา มิตซูบิชิ และนิสสัน
จอห์น เรย์ กล่าวว่า การเข้ามาร่วมงานกับ มาซดา ประเทศไทย ถือเป็นอีกความท้าทายหนึ่ง เพราะประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญและมีการเติบโตอย่างมากในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของรถพิคอัพที่สำคัญ เป็นตลาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และที่ผ่านมา มาซดา ประสบความสำเร็จอย่างมากในการเปิดตัว มาซดา บีที-50 โดยมีอัตราการเติบโตร้อยละ 19.22 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และผมก็มีความตั้งใจที่จะทำให้ยอดขายของเราเติบโตอย่างต่อเนื่องต่อไป
"ผมขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะทำให้ มาซดา ประเทศไทย ประสบความสำเร็จ โดยนำเอากลยุทธ์ และประสบการณ์การทำงานที่ทำให้ มาซดา ออสเตรเลีย ประสบความสำเร็จตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผมทำงาน มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับประเทศไทย โดยจุดแข็งอยู่ที่ความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า อีกทั้งมีความเคารพและไว้ใจในตัวแทนจำหน่ายซึ่งเป็นบริษัทคู่ค้า และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในทีมงาน มาซดา ของเรา ซึ่งทั้งหมดเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จที่สำคัญที่มีอยู่ใน มาซดา ประเทศไทย และผมขอยืนยันว่าจะรักษาและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไปเพื่อความสำเร็จในอนาคต"
สยามนิสสัน พระนคร 2000 ฯ
เปิดตัวบัตรเครดิทดีเลอร์ 2 ใบรวด
ประวิตร พันธ์สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามนิสสัน พระนคร 2000 จำกัด (SNP 2000) ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ นิสสัน เปิดเผยว่า เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า บริษัทได้ร่วมกับ เคทีซี เปิดตัวบัตรเครดิทใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกของการออกบัตรเครดิทดีเลอร์ นิสสันรายแรก เพราะเห็นศักยภาพการเป็นผู้นำธุรกิจบัตรเครดิทในประเทศไทย ด้วยฐานสมาชิกขนาดใหญ่
สำหรับการออกบัตรร่วมกับ เคทีซี ครั้งนี้ จะออกพร้อมกัน 2 ใบ คือ "เคทีซี-เอสเอนพี 2000 วีซา พแลทินัม และ เคทีซี -เอสเอนพี 2000 ไททาเนียม มาสเตอร์คาร์ด โดยผู้ถือบัตรจะได้สิทธิประโยชน์ คือ 1. สิทธิ์ในการผ่อนชำระค่าแรง และค่าอะไหล่ ดอกเบี้ย 0 % นาน 6 เดือน 2. ส่วนลดค่าแรงสูงสุด 15 % และส่วนลดค่าอะไหล่ 10 % เมื่อเข้ารับบริการ ณ ศูนย์บริการของสยามนิสสัน พระนคร 2000 ที่มีเครือข่ายในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑลมากที่สุดถึง 15 สาขา 3. ส่วนลด 1 % เมื่อเติมน้ำมันเชื้อเพลิง ณ สถานีบริการปตท. ที่เข้าร่วมรายการ และ 4. บริการรถโมบายล์เซอร์วิศทั่วกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล
เฉลิมวงศ์ กัมปนาทแสนยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อะไหล่และวางแผนบริการ บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด เปิดเผยว่า การพัฒนางานด้านบริการหลังการขายถือเป็นนโยบายหลักของ นิสสัน เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใสูงสุดให้แก่ลูกค้า การร่วมมือระหว่าง สยามนิสสัน พระนคร 2000 ฯ กับ เคทีซี นับเป็นโครงการที่ดียิ่งสำหรับสมาชิกบัตร และลูกค้า นิสสัน
ด้าน ธวัชชัย ธิติศักดิ์สกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส สายธุรกิจบัตรเครดิท "เคทีซี" บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฐานสมาชิกในกลุ่มออโทยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เพราะรถยนต์ถือว่าเป็นปัจจัยที่จำเป็นในชีวิตปัจจุบันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปัจจุบัน เคทีซี มีฐานลูกค้าบัตรทั้งหมดกว่า 1.3 ล้านบาท และยังมีผู้สมัครเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงยังมียอดการใช้จ่ายบัตรที่เกี่ยวกับรถยนต์และการเติมน้ำมันสูงสุดติดอันดับ 1 ใน 3
อีซูซุ
แต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหม่
บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถ อีซูซุ ประกาศแต่งตั้ง โมริคาซุ ซกกิ เป็นกรรมการผู้จัดการ คนใหม่ ต่อจาก เรียว ซาคาตะ ซึ่งจะกลับไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสายงาน รับผิดชอบกลุ่มธุรกิจ อีซูซุ ที่ มิตซูบิชิคอร์พอเรชัน ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2549 เป็นต้นไป
สำหรับ ซกกิ ได้ทำงานร่วมกับ มิตซูบิชิคอร์พอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ ตรีเพชร ฯ ตั้งแต่ปี 2522 และเคยได้รับมอบหมายให้มาปฏิบัติหน้าที่ที่ ตรีเพชร ฯ ถึง 2 ครั้ง คือ ระหว่างปี 2527-2533 รับตำแหน่งรองผู้จัดการทั่วไป รับผิดชอบงานของกลุ่มขาย และระหว่างปี 2540-2545 รับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส รับผิดชอบงานของกลุ่มขาย และบริการ ครั้งนี้ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย ครั้งที่ 3
ทั้งนี้จากความรู้และความเชี่ยวชาญ รวมทั้งประสบการณ์อันยาวนานในตลาดรถยนต์เมืองไทย คาดว่า ซกกิ จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อ ตรีเพชร ฯ สำหรับความเจริญก้าวหน้าต่อไปในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษเนื่องจากในปี 2550 จะเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของการดำเนินงานของ อีซูซุ ประเทศไทย
เอส.อี.ซี. ฯ
เปิดโชว์รูมแห่งใหม่
บริษัท เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการขยายโชว์รูมและศูนย์บริการแห่งใหม่ ที่พระราม 2 มีทำเลใกล้ห้างสรรพสินค้า และแหล่งชุมชนที่เป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งนี้เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในเขตกรุงเทพ ฯ และปริมณฑล รวมถึงเพิ่มความสะดวกสบาย ทั้งยังประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ซึ่งโชว์รูม และศูนย์บริการแห่งใหม่นี้ประกอบไปด้วยรถยนต์นำเข้ารุ่นต่างๆ และทีมช่างผู้ชำนาญงาน ที่ครบครันด้วยอุปกรณ์ และเครื่องมือที่ทันสมัย
ฮอนดา
ลงทุนเพิ่ม 1,154 ล้านบาท
ฮิโรชิ โทดะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการลงทุนเพิ่มอีก 1,154 ล้านบาท เพื่อขยายสายการผลิตเพลาลูกเบี้ยว เพลาข้อเหวี่ยง และก้านสูบ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนประกอบหลักของเครื่องยนต์ที่โรงงานของ ฮอนดา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
สำหรับโรงงานแห่งนี้จะเริ่มการผลิตในเดือนเมษายน 2550 และจะผลิตชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องยนต์เพื่อแทนการนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น และจะสร้างรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นแก่ประเทศไทย โดยปีนี้ บริษัท ฯ ตั้งเป้าหมายว่าจะมีเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย 53,900 ล้านบาท จากการส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วน
อย่างไรก็ตามสำหรับการลงทุนใหม่นี้ จะทำให้ยอดการลงทุนรวมปีนี้ของ ฮอนดา เพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 1,400 ล้านบาท หรือรวมทั้งสิ้น 16,400 ล้านบาท นับตั้งแต่ ฮอนดา เข้ามาเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อ 12 ปีก่อน
ฮอนดา มุ่งมั่นที่จะสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งผู้นำในเอเชียด้านการผลิตและส่งออกรถยนต์ และชิ้นส่วนที่มีคุณภาพระดับโลก พร้อมทั้งมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับกลยุทธ์หลัก 3 ประการ คือ การลงทุน เทคโนโลยี และกิจกรรมสนับสนุนการบริการลูกค้ากลยุทธ์ทั้ง 3 ยังมีส่วนสนับสนุนให้ ฮอนดา บแรนด์ที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ไว้วางใจทั่วโลก
ABOUT THE AUTHOR
น
นุสรา เงินเจริญ
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มกราคม ปี 2550
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ