ทั่วไป
ฉบับนี้เราจะคุยกันต่อเรื่อง ทำไมต้องทำประกันภัยรถยนต์ (ภาคสมัครใจ) ซึ่งฉบับที่แล้วได้ยกตัวอย่างปัญหาอุบัติเหตุจากรถยนต์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละวัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดหวังให้มันเกิด แต่มันก็เกิดให้เห็นกันอยู่ทุกวัน
ฉบับนี้เราจะคุยกันต่อเรื่อง ทำไมต้องทำประกันภัยรถยนต์ (ภาคสมัครใจ) ซึ่งฉบับที่แล้วได้ยกตัวอย่างปัญหาอุบัติเหตุจากรถยนต์ที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละวัน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดหวังให้มันเกิด แต่มันก็เกิดให้เห็นกันอยู่ทุกวัน
โดยเฉพาะช่วงเทศกาลที่เป็นช่วงเวลาวันหยุดติดต่อกันหลายวันได้แก่ เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ มักจะมีอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกันสูงมาก แต่ละช่วงเทศกาลจะมีคนเสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากรถ 500-1,000 คน บาดเจ็บอีกนับหมื่นคน ต่อเทศกาลหนึ่ง รวมแล้วใน 1 ปี มี 3 เทศกาลสำคัญที่จะมีผู้เสียชีวิตจากรถประมาณ 1,500-3,000 คน และบาดเจ็บรวมหลายหมื่นคน ซึ่งนับเวลารวมกันอาจเท่ากับ 10-15 วันเอง (ยังไม่ได้นับรวมความสูญเสียในเวลาปกติทุกๆ วัน) แต่ความสูญเสียของชีวิตและบาดเจ็บ มีมากกว่าการทำสงครามของหลายๆ ประเทศ ที่สู้รบกันเป็นเวลาแรมปีเสียอีก
ความสูญเสียดังกล่าวเกิดขึ้นทุกปี ซึ่งทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้องก็จะต้องออกมารณรงค์ลดอุบัติเหตุกันทุกครั้ง เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง มีผลต่อเนื่องอีกมากมายทั้งชีวิต ร่างกาย ของผู้ประสบภัยเอง อีกทั้งความเดือดร้อนที่มีผลกระทบไปยังครอบครัวผู้อยู่ในอุปการะของผู้ประสบภัย หน้าที่การงานและธุรกิจการค้าก็ได้รับความเสียหายไปด้วย รวมไปถึงผลกระทบต่อสังคมประเทศชาติ ต้องมาขาดกำลังสำคัญไป และยังมีภาระค่าใช้จ่ายในการเยียวยารักษาช่วยเหลือ รวมถึงการจัดการดำเนินการ กับปัญหาที่เกิดขึ้นและเกี่ยวข้องต่อเนื่องอีกมากมาย
ในแง่ของตัวรถคันที่เกิดอุบัติเหตุและทรัพย์สินอื่นๆ ที่เสียหาย ก็ยังคงมีปัญหาตามมาในการจัดการให้คืนสภาพดังเดิมหรือจัดหามาทดแทน ลองดูจากตัวอย่างของผู้ประสบอุบัติเหตุต่อไปนี้
คำถาม : จะขอเรียกร้องค่าเสียเวลาจาก บริษัทประกันภัยได้ไหมครับ เรื่องมีอยู่ว่า ได้มีการนำรถที่ได้รับอุบัติเหตุ ไปเคลมประกันซ่อม ตั้งแต่เดือน ตุลาคม 2548 แล้วได้รับการประเมินคร่าวๆ ว่าไม่เกิน 2 เดือน แต่เวลานี้รถยังไม่เสร็จเรียบร้อยเลย เมื่อติดต่อสอบถามไปยังบริษัทประกัน ก็อ้างว่ารอเรื่องราคา เพราะอู่ยังไม่จัดส่งเอกสารเรื่องอะไหล่มาให้ แล้วบอกว่าจะตามเรื่องให้ก็เงียบหายไป พอติดต่อสอบถามทางอู่ในเครือของบริษัทประกัน ก็ได้รับคำตอบว่า รออะไหล่จากทางบริษัทประกัน เหตุการณ์มันเกิดขึ้นประมาณนี้ ไม่ทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น มันทำให้เดือดร้อนมาก รถก็ไม่มีใช้ ทำงานก็ลำบากไปไหนมาไหนไม่คล่องตัว เงินค่างวดก็ต้องจ่ายทุกเดือนๆ ดังนั้นขอสอบถามหน่อยครับว่า เราสามารถทำอะไรกับบริษัทประกันได้บ้าง ทั้งเรื่องรถ และค่าชดเชยต่างๆ ในส่วนที่สมควรจะได้รับจากเหตุการณ์แบบนี้ หรือจะให้ติดต่อประสานงานในส่วนไหนได้อีกบ้างครับ ขอบคุณมากที่ช่วยตอบคำถามครับ
คำตอบ : หากการซ่อมล่าช้า อันเกิดจากความผิดของบริษัท ก็สามารถเรียกร้องได้ โดยร้องเรียนต่อกรมการประกันภัย
คำถาม : รถซ่อมทางประกันใช้อะไหล่แท้หรือเปล่าครับ ประกันประเภท 1 นำรถไปซ่อมที่อู่ ทางบริษัททิพยประกันภัย ฯ จะใช้อะไหล่แท้ของแต่ละยี่ห้อรถหรือเปล่า เช่น ไฟหน้า ไฟท้ายแตก ของผมเป็นประกันชั้น 1 แล้วการพิจารณาอะไหล่ที่จะเปลี่ยน เป็นการพิจารณาทางอู่ที่ซ่อมหรือทางบริษัทประกัน ช่วยกรุณาตอบด้วย ขอบคุณมากครับ ถ้าของไม่แท้มีฟ้องร้องได้ไหมครับ
คำตอบ : ปกติบริษัทจะทดแทนอะไหล่ด้วยอะไหล่แท้ เว้นแต่กรณีที่ไม่ใช่รถใหม่ จะมีการเปลี่ยนอะไหล่มือสองสภาพดีให้ หรือกรณีหาอะไหล่มือสองไม่ได้ ก็มักเปลี่ยนอะไหล่เทียมให้ ซึ่งทั้งนี้ สามารถแจ้งขออะไหล่มือสองต่อบริษัทได้นะครับ หรือกรณีมีปัญหาก็สามารถร้องเรียนต่อกรมการประกันภัยได้
คำถาม : รถของผมได้ประกันชั้น 1 จอดอยู่ริมฟุทบาธ แล้วมีรถคู่กรณีได้วิ่งออกมาจากซอยฝั่งตรงข้ามมาชนทางด้านข้างคนขับของรถผม ทำให้ได้รับความเสียหายทั้งแถบ และยางระเบิด 3 เส้น ประกันมาทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงกันว่านำรถไปซ่อมที่อู่ทางประกันฝ่ายเรา ทางอู่แจ้งว่าต้องประมาณ 2 เดือน และทางเราจะต้องเป็นออกค่ายาง 50 % ขอถามว่า 1. ทำไมยางเราจึงต้องออกเอง 50 % ทั้งๆ ที่รถเราก็จอดอยู่เฉยๆ 2. ประกันทางเราบอกว่าถ้าเปลี่ยนยางเป็นเปอร์เซนต์ก็ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม 50 % (เราจะให้ทางประกันรับประกันยางเปอร์เซนต์ให้เราเป็นระยะเวลา 1 ปีได้หรือไม่ เกิดนำรถมาขับไม่กี่เดือนแล้วยางระเบิดชนคนตายก็แย่) 3. ทางเราจะเรียกร้องค่าขาดประโยชน์การใช้รถได้หรือไม่ ถ้าเรียกร้องได้ เรียกร้องจากใคร วิธีใด ขอบพระคุณครับ
คำตอบ : 1. ยางมีอายุการใช้งาน โดยปกติมักหัก 50 % แต่หากปรากฏว่ายางเพิ่งใช้งานไม่นานก็สามารถเจรจาต่อรองเพิ่มจำนวน % ได้ 2. ไม่เคยปรากฏว่ามีการกระทำดังกล่าว 3. สามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันภัยคู่กรณีได้ โดยตั้งเรื่องขอค่าขาดประโยชน์จากบริษัทคู่กรณีโดยตรง ถ้ามีปัญหาสามารถร้องเรียนต่อกรมการประกันภัยได้
คำถาม : คู่กรณีเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน ลูกจ้างของดิฉันขับรถ 6 ล้อเฉี่ยวชนเด็กอายุ 6 ขวบเสียชีวิตจากความประมาทเลินเล่อของเด็กเอง (เด็กปั่นจักรยานแข่งกับเพื่อนออกมาจากซอย) ทางเรามี พรบ. และประกันภัยชั้น 3 ให้ครอบครัวเด็ก แต่พ่อเด็กไม่ยอมต้องการฟ้องศาลเรียกร้องเงินทดแทน/เงินค่าทำขวัญจากเราจำนวน 200,000 บาท จากเราผู้เป็นเจ้าของรถและผู้เอาประกัน ดิฉันจึงเรียนมาเพื่อขอความกระจ่างว่า พ่อเด็กมีสิทธิ์เรียกร้องค่าสินไหมจากเราหรือขึ้นอยู่กับความสมัครใจของเราผู้เป็นเจ้าของรถ และจำนวนเงินเท่าไหร่จึงถือว่าเหมาะสม
คำตอบ : หากกรณีข้อเท็จจริงปรากฏว่าเด็กเป็นฝ่ายประมาท พ่อแม่เด็กไม่สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ หากพ่อแม่เด็กฟ้องศาล ก็สามารถแจ้งให้บริษัทเข้าเป็นจำเลยร่วมในคดีได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ผลของคดีหากศาลพิพากษาให้ชดใช้เงินแก่พ่อแม่เด็ก บริษัทจะเป็นผู้ชดใช้ให้ทั้งหมดภายในวงเงินเอาประกันภัย
ตัวอย่างข้างต้นเป็นเหตุการณ์จริงที่มีผู้ประสบอุบัติเหตุพบเหตุและก็เป็นปัญหาในการจัดการที่ยุ่งยาก แม้จะมีการทำประกันภัยแล้วก็ยังพบปัญหากับบริษัทประกันภัยด้วย (ซึ่งจะกล่าวถึงในตอน วิธีเลือกบริษัทประกันภัย) แต่ที่จะชี้ให้เห็นคือ การทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจมีความสำคัญในการช่วยเหลือและสามารถบรรเทาความเสียหายให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถและผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นมาก
โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ได้มีการออกกฎหมายให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายของอุบัติเหตุที่ตนเองมีส่วนทำให้เกิดขึ้น คือ พระราชบัญญัติการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ปี 2548 ลงวันที่ 11 กรกฎาคม 2548 ซึ่งเริ่มมีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2548 โดยในพระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดให้ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง ต้องดำเนินการขอจดทะเบียนภายใน 60 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ นั่นคือภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2548 โดยการขอจดทะเบียน ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องที่เป็นนิติบุคคลไทย หรือผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องต่างประเทศ จะต้องยื่นหลักประกันสำหรับความรับผิดตามสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ หรือสำหรับความเสี่ยงอื่นใดตามสัญญาที่ทำขึ้น และดำรงสินทรัพย์ขั้นต่ำประมาณ 5 ล้านบาท
กรมการประกันภัยได้ดำเนินการเพื่อรองรับพระราชบัญญัติดังกล่าวโดยจัดทำรูปแบบกรมธรรม์ประกันภัยความรับผิดของผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่อง ไว้เป็นทางเลือกให้แก่ผู้ประกอบการขนส่งต่อเนื่องใช้เป็นหลักประกันในการจดทะเบียนแล้ว ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยดังกล่าวจะให้ความคุ้มครอง กรณีเกิดความสูญหาย หรือความเสียหาย หรือส่งมอบชักช้า สำหรับของที่รับขนตามสัญญาขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของผู้เอาประกันภัยที่เกี่ยวกับของที่รับขน
จะเห็นได้ว่านับวันการทำประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ ได้แทรกเข้าไปในทุกส่วนของชีวิตและธุรกิจการค้าเพราะมันเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นในการจัดการและบรรเทาความเสียหายอย่างเป็นระบบ ลดเวลาและความสูญเสียอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
เรื่องโดย : กฤชกมล นิติธรรมโกศล
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2549
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8445