ทั่วไป
ขณะที่เขียนต้นฉบับเดือนนี้ เป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548 ซึ่งเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ เท่าที่ระลึกได้ในขณะนี้ 2 เรื่องคือ
ขณะที่เขียนต้นฉบับเดือนนี้ เป็นวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2548 ซึ่งเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ เท่าที่ระลึกได้ในขณะนี้ 2 เรื่องคือ
หนึ่ง เป็นวันคล้ายวันเสด็จพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระผู้ทรงเป็นอัครศิลปิน รัฐบาลโดยสำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม (เดิมกระทรวงศึกษาธิการ) จึงเห็นสมควรประกาศให้เป็นวันศิลปินแห่งชาติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ในการพระราชทานเข็ม-โล่และเกียรติบัตรเชิดชูเกียรติศิลปินแห่งชาติทุกๆ ปี
สำหรับผู้ได้รับประกาศเกียรติยศ (ไม่ใช่ได้รับรางวัลอย่างที่สื่อมวลชนบางสาขาเรียก) เป็นศิลปินแห่งชาติประจำปี 2547 รับพระราชทานเข็มและโล่เชิดชูเกียรติ สาขาวรรณศิลป์ ได้แก่ คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ (ผู้ใช้นามปากกา ว.วินิจฉัยกุล แก้วเก้า และอื่นๆ) กับคุณชาติ กอบจิตติ (นักเขียนรางวัลซีไรท์ 2 ปี ประเภทนวนิยาย และได้รับรางวัล "ศิลปาธร" ครั้งที่ 1 ในปี 2547) สาขาศิลปะการแสดง ได้แก่ คุณไพรัช สังวริบุตร (กำกับภาพยนตร์) กับคุณจินตนา ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา (หรือที่เราทั่วไปรู้จักเสียงเพลงอันไพเราะในนาม จินตนา สุขสถิตย์ นามสกุลเดิมของเธอ) นอกจากนี้ก็มี ครูราฆพ โพธิเวส ครูนาฏศิลป์แห่งกรมศิลปากร และสาขาอื่นอีกประมาณ 3-4 คน (ขออภัยที่จำนามของท่านไม่ได้)
สอง เหตุการณ์สำคัญอีกเรื่องหนึ่งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีนี้ กรมประชาสัมพันธ์ประกาศว่าเป็นวันครบรอบปีที่ 75 ของการวิทยุกระจายเสียงในประเทศไทย
การวิทยุกระจายเสียงนั้น เริ่มขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน (หรือพระนามเดิม พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร ต้นราชสกุล "ฉัตรชัย" ) ซึ่งทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์หนึ่งที่ทรงเป็นกำลังสำคัญยิ่งในการนำสิ่งใหม่ๆ มาสู่สยามในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้นหลายประการ
ขอกล่าวแต่สั้นๆ ว่า ทรงเป็นผู้ประทานกำเนิดการรถไฟ ทรงตั้งธนาคารออมสิน การประปา และการวิทยุกระจายเสียง ก็เป็นเรื่องที่มากเกินพอแก่การยกย่องว่า "ทรงเป็นบิดา" ของการต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว
หม่อมเจ้าพิริยดิศ ดิศกุล อดีตอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ซึ่งทรงเป็นพระชามาดา (ลูกเขย) ของเสด็จในกรมพระองค์นี้ เคยรับสั่งกับผู้เขียน (ฐานะที่เคยอยู่บริษัทเชลล์แห่งประเทศไทย)ว่า "ทำงานอยู่ในบริษัทน้ำมัน เคยรู้ไหมว่าเสด็จในกรมเคยทรงชี้ (ไม่ใช่ปรารภเฉยๆ นะ) ว่าที่บริเวณจังหวัดกำแพงเพชรน่ะ มีแหล่งน้ำมันดิบนะ แต่สมัยโน้นยังไม่มีใครเอาใจใส่จริงจัง เพราเห็นเป็นเรื่องไกลตัวมาก"
พอบริษัท ไทยเชลล์เอ็กซพลอเรชั่น แอนด์ โปรดักชั่น จำกัด สำรวจพบน้ำมันดิบที่ตำบลประดู่เฒ่า อำเภอกงไกรลาส หม่อมเจ้าพิริยดิศ ก็รับสั่งย้ำว่า "เราบอกแล้วเห็นไหม ว่าเสด็จในกรมท่านทรงเห็นการณ์ไกลล่วงหน้านานมาแล้ว"
ที่กำแพงเพชรมีต้นสักใหญ่ที่เสด็จในกรมพระองค์นั้น ทรงปลูกไว้ เป็นสัญลักษณ์ในคราวเสด็จที่นั่น ในฐานะที่พระองค์ ทรงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ทรงกรมในพระนามว่า "กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน"
เมื่อถึงวันที่ระลึกครบรอบวันวิทยุกระจายเสียง ที่กรมประชาสัมพันธ์จะมีกิจกรรมด้านวิทยุกระจายเสียงหลายอย่าง ที่ผู้เขียนขอยกมากล่าววันนี้ คือ กิจกรรมการสอบเป็นผู้อ่านข่าว-พิธีกรและผู้ดำเนินรายการ ซึ่งไม่มีใครเป็น "เจ้าภาพ" จริงๆ (ภาษายุคบูรณาการ) ทั้งๆ ที่กองงานบริหารวิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์หรือ "กบว." ของกรม ฯ นี้เคยดูแลมาก่อน
ที่อยากจะกล่าวถึงเพราะได้ฟังจากข่าวว่า ในการจัดกิจกรรมในวันนี้ มีคนมาสมัครทดสอบการเป็นผู้ประกาศในโอกาสพิเศษนี้เป็นจำนวนมาก ตามธรรมดา กรมประชาสัมพันธ์จะมีการอบรมและสอบให้ประกาศนียบัตรการอ่านข่าว การเป็นพิธีกร หรือผู้ดำเนินรายการอยู่คราวละไม่น้อย แสดงว่าคนที่ใฝ่อยากทำอะไรดีๆ และถูกต้องนั้น ยังมีอีกมาก ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์น่าจะเหมาะและน่าทำได้ดี เพราะเคยทำมาแล้ว เพียงแต่ผู้ใหญ่ในกรม ฯ น่าจะเหลียวแลและให้กำลังใจ โดยเฉพาะงบประมาณ
ผู้เขียนคิดว่า ไหนๆ จะทำแล้ว น่าจะรวมการฝึกอบรมการผลิตละครด้วย ไม่ต้องเอาคุณภาพเลิศลอยมากพิเศษอะไรนักหรอก เอาแค่ผลิตละครธรรมดาที่มีเนื้อหาและการแสดงที่พอสมเหตุสมผลอย่างที่คนธรรมดาเขาประพฤติปฏิบัติกัน พอให้เป็นตัวอย่างแก่เยาวชนธรรมดาๆ "บ้าง" ก็น่าจะพอใจแล้ว เพราะทุกวันนี้การละครโทรทัศน์ของไทยนั้น "เน่า" สุดๆ อย่างที่คนธรรมดาไม่น่าจะเป็นอย่างในละครนั้น (จนได้ข่าวว่า ประเทศด้อยพัฒนาด้วยกันได้กลิ่นฟุ้งจนอยากให้คณะละครโทรทัศน์ไทยร่วมผลิตหรือผลิตส่งออกให้ ...โอ้อนิจจา !)
วันก่อนนั่งชมการแจกรางวัลภาพยนตร์ไทยซึ่งหนังสือพิมพ์ "ทีวีพูล" จัดขึ้น แม้ว่าถูกใจบ้างไม่ถูกใจบ้าง แต่ที่ภาพยนตร์เรื่อง "โหมโรง" ได้รับรางวัล 5 ประเภทแล้ว ก็น่ายินดี โดยเฉพาะเสียงมหาชนออกเสียงว่า "เป็นภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี" นั้น ผู้เขียนปรบมือให้เต็มที่
เลยมีความคิดว่า น่าจะมีองค์กรใด จัดให้รางวัลภาพยนตร์และละคร "ยอดแย่แห่งปี" บ้าง ซึ่งผู้เขียนจะขอเสนอ เรื่อง "ระเบียงรัก" ที่ช่อง 3 เข้าประกวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทบทละครยอดแย่ และ ผู้กำกับยอดแย่แห่งปี ทั้งสองประเภท
ถ้าเป็นรางวัล "ไข่เน่า" เหมือนในต่างประเทศได้ก็จะดีมากๆ
ในฐานะคนที่ไม่ได้เรียนวิชาศิลปะการละครมา แต่ดูละครด้วยสายตาชาวบ้านธรรมดา ผู้เขียนอยากเสนอให้เรื่อง "ระเบียงรัก" ทาง ช่อง ๓ (เฉพาะละครเท่านั้นนะ เพราะบทประพันธ์ดั้งเดิมของ อุปถัมภ์ กองแก้ว นักเขียนหญิงอาวุโส ไม่ได้เขียนเลวร้ายอย่างที่ปรากฏในละคร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ราชาศัพท์ที่วิบัติที่สุด) เป็นเรื่องที่ได้รับรางวัลบทละครยอดแย่และการกำกับยอดแย่แห่งปี เพราะอะไร
เพราะสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการทำลายภาษา-กิริยาและมารยาท ในเรื่องนี้ น่าจับคนเขียนบท ซึ่งดัดแปลงจากต้นเรื่องเดิมจนคนดูละครรู้สึกว่า ผู้เขียนทำไมเขียนเรื่องราชาศัพท์และการแสดงกิริยา-มารยาทได้แย่อย่างนั้น
แค่เห็นหม่อมเจ้า 2 องค์ รับสั่ง "ครับ"/"ผม" กัน ก็ฝืนความรู้สึกคนไทยทั่วๆ ไปแล้ว ยังใช้สรรพนามบุรุษที่สามว่า "ฝ่าบาท" เหมือนพวกแปลเรื่องจีน และบทภาพยนตร์จีนใช้กันมาผิดๆ ก็รู้สึกว่า "ชีวิต (ของภาษาและมารยาทไทย)ไม่น่ารื่นรมย์" เอาเสียแล้ว ...เฮ้อ
เรื่องโดย : ประยอม ซองทอง
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน เมษายน ปี 2548
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/8002