ธุรกิจ
ยุโรป-นิตยสารรถยนต์ชั้นนำของเมืองฝรั่งชี้ สิบสองเดือนของคริสต์ศักราช 2005 ที่เพิ่งตั้งต้น อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก จะเผชิญภาวะลำบากลำบน เพราะผู้ผลิตรถยนต์ระดับ "บิ๊ก" หลายๆ ราย กำลังถูกรุมเร้าด้วยสารพัดปัญหาที่รอคอยการแก้ไข
ยุโรป-นิตยสารรถยนต์ชั้นนำของเมืองฝรั่งชี้ สิบสองเดือนของคริสต์ศักราช 2005 ที่เพิ่งตั้งต้น อุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลก จะเผชิญภาวะลำบากลำบน เพราะผู้ผลิตรถยนต์ระดับ "บิ๊ก" หลายๆ ราย กำลังถูกรุมเร้าด้วยสารพัดปัญหาที่รอคอยการแก้ไข
บทวิเคราะห์ของนิตยสารรถยนต์ชั้นนำฉบับดังกล่าว เริ่มต้นด้วยสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกา โดยระบุว่า ในรอบปี 2004 ที่เพิ่งผ่านพ้นไป มีเหตุการณ์ที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า RECALL หรือการเรียกรถกลับมาตรวจสอบถึง 598 ครั้ง คือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 จากตัวเลขในปี 2000 และมีรถที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่ถึง 30.6 ล้านคัน
ในทวีปยุโรปโดยรวม ยังไม่มีการรวบรวมตัวเลขในเรื่องนี้ แต่เฉพาะในอังกฤษซึ่งเป็นตลาดใหญ่ติดอันดับ "ทอพไฟว์" ก็เห็นกันอยู่แล้วว่า ในรอบปี 2004 มีการเรียกรถกลับมาตรวจสอบถึง 269 กรณี และเกี่ยวข้องกับรถยนต์ไม่น้อยกว่า 887,000 คัน
สิ่งที่เรียกกันว่า RECALL สร้างความสิ้นเปลืองและสูญเสียเหลือคณานับ เป็นอาการ"ปวดหัวตัวร้อน" ที่เกิดขึ้นไม่หยุดไม่หย่อนกับผู้ผลิตรถยนต์ หรือแม้แต่ผู้ใช้รถยนต์เอง
การอ่อนตัวของค่าเงินเหรียญสหรัฐ เป็นเรื่องน่าปวดหัวอีกเรื่องหนึ่งของผู้ผลิตรถยนต์ โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปทุกราย ที่ส่งรถไปขายในเมืองมะกัน และนี่คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ยุโรปอย่าง แจกวาร์ (JAGUAR) ต้องขาดทุนมหาศาลในรอบปีที่ผ่านมา เป็นสาเหตุที่ทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง โฟล์คสวาเกน (VOLKSWAGEN) ต้องนำรถ โบรา (BORA) ซึ่งเป็นรถ โฟล์คสวาเกน ที่ขายดีที่สุดในเมืองมะกัน ไปผลิตในเมกซิโก และทำให้ยักษ์ใหญ่อย่าง เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) ต้องเพิ่มการผลิตรถในสหรัฐอเมริกาเป็นสองเท่า
แต่ผู้ผลิตรถยนต์อย่าง แฟร์รารี (FERRARI) โพร์เช (PORSCHE) โวลโว (VOLVO) แจกวาร์ (JAGUAR) และ แลนด์ โรเวอร์ (LAND ROVER) ไม่มีทางเลือกอย่างนั้น สิ่งที่ทำได้คือการประกันค่าเงินไว้ล่วงหน้า และหันมาพึ่งพิงตลาดในยุโรป โดยพยายาม
ขายรถในตลาดนี้ให้ได้มากกว่าเดิม เป็นเรื่องที่น่ากระอักกระอ่วนใจของผู้ผลิต แต่อาจจะเป็นเรื่องดีของผู้ซื้อ เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือ การลดแลกแจกแถมอย่างหั่นแหลก
เมื่อวิเคราะห์ผู้ผลิตเรียงกันไปเป็นรายๆ บทวิเคราะห์ให้ความเห็นว่า ในขณะที่ ฟอร์ด (FORD) และ โอเพล/วอกซ์ฮอลล์ (OPEL/VAUXHALL) สามารถก้าวกระโดดในด้านคุณภาพ กลุ่ม PSA ของฝรั่งเศส ซึ่งหมายถึงผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำสองราย คือ เปอโฌต์ (PEUGEOT) กับ ซีตรอง (CITROEN) กลับกำลังย่ำแย่สุดๆ เพราะรถ 307 ของค่าย"สิงห์เผ่น" มีปัญหากับระบบไฟฟ้า ในขณะที่ เซตรัวส์ ปลือรีแอล (C3 PLURIEL) ของค่าย "จ่าโท" ก็มีเสียงบ่นหนาหูว่า ประทุนกันลมไม่อยู่ ยุทธวิธีแก้เกมของค่ายนี้ คือความพยายามที่จะปรับปรุงคุณภาพการผลิตของผู้ป้อนชิ้นส่วน โดยกำหนดว่า ภายในสามปีข้างหน้านี้ จะต้องลดจำนวนจุดตำหนิได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 25 ในทุกๆ หกเดือน กลยุทธ์นี้คงช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง แต่ที่ต้องทำไปพร้อมๆ กันก็คือ การปรับปรุงด้านการออกแบบ รถแบบใหม่ล่าสุดของค่าย "จ่าโท" คือ ซีตรอง เซกัตร์ (CITROEN C4) บ่งชี้ให้เห็นว่า ค่ายนี้กำลังเดินไปถูกทางแล้ว จริงหรือไม่ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์
เมร์เซเดส-เบนซ์ (MERCEDES-BENZ) เป็นผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่อีกรายหนึ่ง ที่กำลังประสบภาวะวิกฤติเมื่อพูดถึงคุณภาพ เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานี้ เจ้าของเครื่องหมายการค้า "ดาวสามแฉก" เป็นข่าวในหน้าหนึ่งของนิตยสาร ไฟแนนเชียล ไทม์ส (FINANCIAL TIMES) และผู้ผลิตรถยนต์ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกยกให้เป็นมาตรฐานเมื่อพูดถึงคุณภาพ ก็ถูกบังคับให้ยอมรับโดยดุษณีว่า เดี๋ยวนี้คุณภาพของตนอยู่ต่ำกว่ามาตรฐาน และกำลังทำงานอย่างหนัก เพื่อเรียกชื่อเสียงเก่าๆ กลับคืน ใครเลยจะเชื่อว่า ภายใน
เวลาแค่สิบปีเท่านั้น เมร์เซเดส-เบนซ์ ตกอันดับ จากเครื่องหมายการค้าที่น่าเชื่อถือที่สุด เป็นตรงกันข้าม นาย จืร์เกน ชเรมพพ์ (JUERGEN SCHREMPP) นายใหญ่ของค่าย "ดาวสามแฉก" กล่าวยืนยันในเยอรมนีเมื่อไม่นานมานี้ว่า "ภายในหนึ่งปี เราจะกลับมายืนที่เก่าอีกครั้งหนึ่ง" ก็น่าจะเป็นข่าวดี ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ซื้อรถยี่ห้อนี้มาแล้ว
ปี 2003 นับเป็นปีที่แย่เอามากๆ สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่รู้จักกันทั่วโลกในชื่อ แจกวาร์ (JAGUAR) ในรอบปีดังกล่าว เจ้าของเครื่องหมายการค้า "แมวป่า" ขาดทุนยับเยินมากกว่า 600 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 42,000 ล้านบาท ปรากฏว่า ปี 2004 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี้ กลับแย่กว่า แย่ถึงขนาดต้องปิดโรงงาน บราวน์ส เลน (BROWNS LANE) อันโด่งดัง ต้องประกาศถอนตัวจากการแข่งรถ ฟอร์มูลา วัน ต้องลืมความทะเยอทะยานที่จะเพิ่มกำลังผลิตเป็น 200,000 คัน/ปี ให้เหลือแค่ 120,000 คัน/ปี รวมทั้งต้องประกาศเมื่อไม่นานมานี้ว่า จะไม่ทำรถรุ่นใหม่มาแทนที่รถ แจกวาร์ เอกซ์-ไทพ์ (JAGUAR X-TYPE) รุ่นปัจจุบันอีกแล้ว เข็ดจริงๆ ให้ดิ้นตาย อย่างไรก็ตาม วิจารณ์กันว่า ในความมืดก็ยังมีแสงสว่าง และแสงสว่างของค่าย "แมวป่า" ในปี 2005 นี้ ก็คือ รถ แจกวาร์ เอกซ์เค (JAGUAR XK) รุ่นใหม่ ซึ่งจะต้องดีจริง เพราะถ้าไม่ดีจริง เครื่องหมายการค้า "แมวป่า" มีปัญหาแน่
ผู้ผลิตรถยนต์ระดับ"ยักษ์ใหญ่" ของยุโรปอีกรายหนึ่ง ที่บทวิเคราะห์นี้กล่าวถึง คือ เฟียต (FIAT) ในรอบปี 2004 ส่วนแบ่งตลาดของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ตกต่ำเป็นประวัติการณ์ ต่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ และความพยายามที่จะขายกิจการผลิตรถยนต์นั่งให้แก่หุ้นส่วนคือ เจเนอรัล มอเตอร์ส (GENERAL MOTORS) ก็ยังตกลงกันไม่ได้ เพราะฝ่ายหลังแสดงทีท่าว่า ไม่ต้องการ เฟียต เสียแล้ว สิ่งที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ และจะเป็นดัชนีบ่งบอกว่า ยักษ์ใหญ่ของเมืองมะกะโรนี จะอยู่หรือจะไป ? คือ การออกตลาดของรถ อัลฟา 157 (ALFA 157) และรถรุ่นใหม่ซึ่งจะเป็นตัวตายตัวแทนของรถ เฟียต ปุนโต (FIAT PUNTO)
บทวิเคราะห์ กล่าวถึงผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นเพียงรายเดียว คือ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (MITSUBISHI MOTORS) โดยระบุว่า ผู้ผลิตรถยนต์เมืองปลาดิบรายนี้ กำลังเงินสดขาดมือ ถึงขนาดต้องขายอาคารสำนักงานใหญ่ในญี่ปุ่น และใช้วิธีเช่าจากผู้รับซื้อแทน เมื่อปีกลาย ตอนที่ ไดม์เลร์ ไครสเลอร์ (DAIMLER CHRYSLER) ถอนตัวจากการเป็นหุ้นส่วน มิตซูบิชิ ได้เงินสดมาประมาณ 210,000 ล้านบาท แต่ก็ต้องใช้เงินทั้งหมดนั้นในการใช้หนี้ เพื่อความอยู่รอด ตอนนี้ มิตซูบิชิ ต้องการเงินสดอีกประมาณ 36,000 ล้านบาท บทวิเคราะห์วิจารณ์ว่า ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายนี้ทำยอดขายได้ดีในตลาดยุโรป แต่ยอดขายนั้นทดแทนกันไม่ได้เลย กับยอดขายในตลาดสหรัฐอเมริกา ที่ลดลงถึงร้อยละ 37 เมื่อปีกลาย บรรดาเกจิอาจารย์หลายๆ คน จึงให้ความเห็นตรงกันว่า ไม่น่าจะรอด
* เยอรมนี-ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของรถ โฟล์คสวาเกน พัสสาท (VOLKSWAGEN PASSAT) รุ่นใหม่ออกมาแล้ว พร้อมประกาศว่าจะนำรถรุ่นนี้ออกแสดงต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรก ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ต้นเดือนมีนาคมนี้ รถรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรุ่นที่หก จะมีขนาดตัวถังโตกว่าเดิมเล็กน้อยในทุกๆมิติ คือยาวกว่าเดิม 62 มม. กว้างกว่าเดิม 74 มม. และสูงกว่าเดิม 10 มม. จะมีทั้งแบบขับล้อหน้าและขับสี่ล้อ โดยที่ในระยะแรกจะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้รวม 6 ขนาด ตั้งแต่ 113 จนถึง 197 แรงม้า สนนราคาค่าตัวของรถพวงมาลัยขวา ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในตลาดอังกฤษเดือนมิถุนายนปีนี้ คาดว่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 16,500 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 1.2 ล้านบาทไทย
* สหรัฐอเมริกา-ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ยักษ์รอง ฟอร์ด ทำเก๋ ด้วยการนำรถแนวคิดคันหนึ่งออกแสดงในงาน คือ ฟอร์ด ซีนัส (FORD SYNUS) ที่เห็นในภาพ รถแนวคิดคันนี้ วางตัวอยู่บนพแลทฟอร์มที่ขอหยิบขอยืมมาจากรถตลาด ฟอร์ด ฟิเอสตา (FORD FIESTA) ของ ฟอร์ด ยุโรป หน้าตาของตัวถังทรงสองกล่อง เห็นได้ชัดว่าน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากรถหุ้มเกราะและห้องเซฟเก็บเงินของธนาคาร แม้แต่ที่เปิดประตูบานหลังก็ยังออกแบบให้เหมือนที่เปิดประตูตู้เซฟ กระจกหน้าต่างทุกบานก็ทำจากกระจกกันกระสุน เวลาต้องการเปิดประตูเพื่อเข้าไปนั่งในรถ ก็ต้องใช้รหัสตัวเลข เหมือนประตูเซฟยังไงยังงั้น
* ฝรั่งเศส-มิเชอแลง (MICHELIN) ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตยางรถยนต์ของเมืองน้ำหอม อวดเทคโนโลยีก้าวล้ำนำสมัย โดยนำยางรถยนต์ที่รับประกันว่าไม่มีวันรั่ว เพราะไม่ต้องอาศัยแรงดันลม ออกแสดงเมื่อไม่นานมานี้ ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสตั้งชื่อยางแบบนี้ว่า มิเชอแลง แอร์เลสส์ (MICHELIN AIRLESS) และให้อรรถาธิบายว่า วงยางคงตัวอยู่ได้ ด้วยแถบโลหะและวัสดุผสม ที่ออกแบบให้มีลักษณะเหมือนซี่โครงของมนุษย์ โดยมีส่วนที่เป็นดอกยาง (สามารถถอดเปลี่ยนได้เมื่อหมดอายุใช้งาน) ห่อหุ้มอยู่ภายนอก
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7970