รถใหม่
-
เป็นอีกครั้งหนึ่ง และครั้งที่เท่าไรก็จำไม่ค่อยจะได้แล้ว ที่ "ฟอร์มูลา" ยกขบวนไปเยือนงานแสดงรถยนต์ระดับ
"อินเตอร์" ที่เรียกขานกันในชื่อ "มหกรรมยานยนต์เจนีวา" เพื่อนำเรื่องราวและข่าวคราวของรถรุ่นใหม่ๆ มา
เล่าขานผ่านหน้ากระดาษของคอลัมน์ "มหกรรมยานยนต์ต่างประเทศ" และรายการโทรทัศน์อีกหลายช่อง
ครั้งนี้ คณะของเรารวม 6 ชีวิตไม่มีตกไม่มีหล่น ออกเดินทางจากดอนเมือง ด้วยนกเหล็กปีกยักษ์ของสาย
การบินเจ้าจำปี เมื่อกลางดึกของวันอาทิตย์ที่ 29 กุมภาพันธ์ แล้วไปลงดินที่สนามบินของกรุงโรมเมือง
มะกะโรนี ตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ใช้เงินยูโรซึ่งมีค่าเหมือนทองคำซื้อหาอะไรรองท้องแก้หิว แล้วเดิน
บ้างนั่งบ้างอยู่ 2 ชั่วโมงเต็ม จึงได้เวลาบินต่อ คราวนี้จุดหมายปลายทางของเราคือนครเจนีวาของสวิท
เซอร์แลนด์
การหาโรงแรมที่พักสำหรับการทำข่าว "มหกรรมยานยนต์เจนีวา" สร้างปัญหาให้เราแทบทุกครั้ง ปีนี้
ทั้งๆ ที่เตรียมการล่วงหน้าไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มปีใหม่ คือก่อนวันเริ่มงานเกือบ 3 เดือน แต่ผลลัพธ์ก็คือ
เราจองโรงแรมในเจนีวาไม่ได้ ที่สุดก็จำเป็นต้องเลือกใช้บริการของโรงแรมในเมืองโลซานน์ ซึ่งอยู่
ห่างออกไปเกือบ 1 ชั่วโมงเมื่อเดินทางด้วยรถไฟ
พูดถึงรถไฟ ก็ต้องขอบอกกล่าวกันไว้ตรงนี้ว่า บริการรถไฟของเมืองสวิส ซึ่งมีชื่อย่อว่า SBB CFF FFS
(ย่อจาก 3 ภาษา คือ เยอรมนี/ฝรั่งเศส และอิตาลี) นับเป็นบริการขนส่งทางบกที่เยี่ยมยอดมาก ไม่ว่าจะ
ในเรื่องความสะดวกสบาย และความสะอาดสะอ้านของตู้โดยสาร หรือการตรงต่อเวลา เรียกว่าเทียบกันไม่
ได้เลยกับบริการประเภทเดียวกันในบ้านเรา และก็ยุติธรรมแล้วที่ไม่เทียบ เพราะสนนราคาของรถไฟเมือง
สวิสนั้นแพงน้องๆ ค่าเครื่องบิน
ไปเมืองสวิสครั้งนี้ เราจำเป็นต้องเดินทางระหว่างเจนีวากับโลซานน์อยู่ 2 วัน จึงเลือกซื้อตั๋วรถไฟแบบ
พิเศษ ราคาย่อมเยากว่าปกติ มีชื่อเรียกในภาษาอังกฤษว่า REGIONAL PASS ขนาดเลือกตั๋วราคา
ย่อมเยา และเลือกนั่งชั้น 2 ซึ่งถูกกว่าชั้น 1 เกือบครึ่งต่อครึ่ง ปรากฏว่า เดินทางไปกลับรวม 2 วัน คิด
เป็นระยะทางรวมแล้วก็คงไม่เกิน 500 กิโลเมตร เราต้องจ่ายเงินไปคนละ 79 สวิสฟรองศ์ หรือราวๆ
2,500 บาท ในบ้านเรา เดินทางระยะเดียวกันนี้ คงใช้เงินไม่เกิน 200 บาท เมื่อราคาแตกต่างกันเป็น
10 เท่าอย่างนี้ จะเอาคุณภาพมาเทียบกันได้อย่างไร
น่าจะเคยบอกไปหลายครั้งแล้วว่า สถานที่จัดงาน "มหกรรมยานยนต์เจนีวา" มีชื่อว่า PALEXPO เป็นศูนย์
นิทรรศการขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับสนามบินของนครเจนีวา เราใช้เวลาเดินกลับไปกลับมาในอาคารอัน
ใหญ่โตมโหฬารนี้อยู่ 2 วันเต็ม คือวันอังคารที่ 2 และวันพุธที่ 3 มีนาคม ซึ่งเป็นวัน PRESS DAY ที่จัดไว้
โดยเฉพาะสำหรับสื่อมวลชน ทั้งของเมืองสวิสเอง และที่เดินทางไปจากทั่วโลก ในเดือนนี้จะเล่าให้ฟังว่า
ในแต่ละฮอลล์ มีอะไรน่าสนใจบ้าง ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายมีอะไรใหม่ๆ มาให้ชมกัน แล้วเดือนหน้า จะคัด
เฉพาะ CONCEPT CAR หรือ "รถแนวคิด" มากล่าวกันในรายละเอียด ส่วน PRODUCTION CAR
หรือ "รถตลาด" ซึ่งปรากฏตัวให้เห็นเป็นครั้งแรกในงานนี้มากมาย จะเก็บไว้รายงานใน "ระเบียงรถใหม่"
เดือนถัดๆ ไป
ฮอลล์ 1
เอาดี * เบนท์ลีย์ * บูกัตตี * แคดิลแลค * เชฟโรเลต์
* แฟร์รารี * ลัมโบร์กินี * โลทัส * มาเซราตี * ซาบ
เอาดี เจ้าของเครื่องหมายการค้า "สี่ห่วง" ใช้เวทีขนาดยักษ์ในงานนี้เป็นที่เปิดตัว เอาดี เอ 6 (AUDI
A6) รุ่นใหม่ ในภาพ 11-12 ซึ่งกำลังจะออกตลาดแทนที่รถรุ่นเดิมที่ผู้ใช้รถในบ้านเราคงคุ้นเคยกันดี
ตัวถังทรง 3 กล่องที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง มีขนาดโตกว่ารถรุ่นเดิมในทุกมิติ แต่
น้ำหนักตัวกลับลดลง เพราะใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นที่ทำจากอลูมิเนียม เช่น กันชนหน้า ฝากระโปรงหน้า
และหลัง ฯลฯ ค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศซึ่งบ่งบอกความลื่นลมก็ลดลงด้วยเช่นกัน คือจาก 0.31
เป็น 0.28
เบนท์ลีย์ ผู้ผลิตรถระดับสุดหรูของเมืองผู้ดีซึ่งขณะนี้กลายสภาพเป็นผู้ผลิตรถยนต์ในร่มเงาของ
โฟล์คสวาเกน กรุพ ไปแล้ว ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว เบนท์ลีย์ อาร์นาจ (BENTLEY ARNAGE) รุ่น
FACELIFT หรือ "ยกหน้า" ในภาพ 13 ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงมากมายหลายจุดทั้งภายนอกและภายใน
เพื่อให้เข้าแถวเข้าแนวและสอดรับกับรถธงในสายการผลิต คือ เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล จีที (BENTLEY CONTINENTAL GT)
ลัมโบร์กินี ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทกระทิงดุ ซึ่งก็เป็นผู้ผลิตในเครือข่ายของ โฟล์คสวาเกน กรุพ เช่นกัน เรียก
ผู้คนเข้าบูธชนิด "หัวกระไดไม่แห้ง" ด้วยรถเปิดประทุน ลัมโบร์กินี มูร์ซีเอลาโก โรดสเตอร์
(LAMBORGHINI MURCIELAGO ROADSTER) ที่เห็นในภาพ 14 รถรุ่นนี้มีกำหนดออกจำหน่าย
ตอนกลางปี ด้วยค่าตัวระดับ 13 ล้านบาทไทย ส่วน เชฟโรเลต์ ซึ่งตั้งบูธอยู่ใกล้ๆ กัน นำยอดรถสปอร์ท
เมืองมะกัน คือ เชฟโรเลต์ คอร์เวทท์ (CHEVROLET CORVETTE) รุ่นใหม่ล่าสุด ทั้งตัวถังคูเป และ
ตัวถังเปิดประทุน ที่เห็นในภาพ 15 ให้ผู้ใช้รถในยุโรปได้ยลโฉมเป็นครั้งแรก หลังจากเพิ่งเปิดตัวรถรุ่นนี้
ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์เมื่อตอนต้นปี
แฟร์รารี นำรถสปอร์ทม้าลำพองตัวล่าสุด คือ แฟร์รารี 612 สกาลเญตตี (FERRARI 612 SCAGLIETTI)
ในภาพ 16-17 ซึ่งอวดโฉมเป็นครั้งแรกที่ดีทรอยท์เมื่อตอนต้นปี มาฉายซ้ำที่งานนี้ แต่ก็ยังเรียกความสนใจ
ได้อย่างล้นหลาม พอๆ กับ มาเซราตี ผู้ผลิตรถสปอร์ทร่วมเครือ ซึ่งใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวผลงานใหม่ 2 ชิ้น
คือ มาเซราตี แกรนด์สปอร์ท (MASERTI GRANDSPORT) ในภาพ 18 กับ มาเซราตี เอมซี 12
(MASERATI MC12) ในภาพ 19 คันแรกเป็นรถตลาดแบบใหม่ ที่ค่าย "สามง่าม" จะนำออกสู่ตลาดกลางปีนี้
พัฒนาจากรถ มาเซราตี คูเป (MASERATI COUPE) ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใน
หลายๆ จุด รวมทั้งเพิ่มเติมเขี้ยวเล็บด้วยการปรับแต่งเครื่องยนต์ DOHC วี 8 สูบ 32 วาล์ว 4,244 ซีซี
จนทำให้กำลังสูงสุดพุ่งจาก 390 เป็น 400 แรงม้า ส่วนคันหลังเป็นรถสปอร์ทซูเพอร์คาร์ ซึ่งพัฒนาจากรถ
ของผู้ผลิตร่วมเครือคือ แฟร์รารี เอนโซ (FERRARI ENZO) และจะจำกัดจำนวนผลิตไว้เพียง 50 คัน
โลทัส ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทของเมืองผู้ดีซึ่งมีเจ้าของเป็นคนมาเลเซีย ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถแบบใหม่ล่า
สุดที่กำลังจะออกตลาดด้วยค่าตัว 30,000 ปอนด์ หรือประมาณ 2.1 ล้านบาทไทย คือ โลทัส เอกซีจ
(LOTUS EXIGE) รุ่นใหม่ ในภาพ 20 รถรุ่นนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ 192 แรงม้า บลอคเดียวกับที่ใช้อยู่ในรถ
โตโยตา เซลิคา (TOYOTA CELICA) และสามารถทำความเร็วสูงสุดระดับ 240 กม./ชม.
ฮอลล์ 2
แบร์โตเน * แดวู * อิตัลดีไซจ์น จูจาโร * โอเพล *
เซอัต * สโกดา * ซูบารุ * โฟล์คสวาเกน * ซากาโต
โอเพล เจ้าของเครื่องหมายการค้า "สายฟ้า" มีผลงานใหม่มาอวดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ
"ครั้งแรกในโลก" 2 ชิ้น คือ โอเพล ทีกรา ทวิน ทอพ (OPEL TIGRA TWIN TOP) ในภาพ 21 กับ โอเพล
ทริกซ์ (OPEL TRIXX) ในภาพ 22-23 คันแรกเป็นรถเปิดประทุน 2 ที่นั่งที่ค่ายฟ้าจะนำออกสู่ตลาดในเดือน
กันยายนปีนี้ เพื่อสู้กับรถสไตล์เดียวกันของค่ายสิงห์เผ่น คือ เปอโฌต์ 206 เซเซ (PEUGEOT 206 CC)
ที่กำลังขายดิบขายดีอยู่ในขณะนี้ ส่วนคันหลังเป็น CONCEPT CAR หรือ รถแนวคิด ในรูปลักษณ์ของรถนาคร
ขนาด 3+1 ที่นั่ง ที่มีประตูข้างปิด/เปิดด้วยระบบไฟฟ้า และติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลฉีดตรง 1.3 ลิตร
ที่ประหยัดเชื้อเพลิงเป็นเยี่ยม คือมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยแค่ 40 กม./ลิตร
แดวู ผู้ผลิตรถยนต์เมืองโสมซึ่งเพิ่งกลายสภาพเป็นผู้ผลิตในเครือข่ายของยักษ์ใหญ่ เจเนอรัล มอเตอร์ส ใช้
งานนี้เป็นที่เปิดตัวรถตรวจการณ์ แดวู นูบีรา แวกอน (DAEWOO NUBIRA WAGON) ในภาพ 24 รถ
แบบนี้หากเข้ามาขายในบ้านเรา ชื่อที่ใช้ก็คงจะเป็น เชฟโรเลต์ ออพทรา แวกอน (CHEVROLET
OPTRA WAGON)
เซอัต สมาชิกอีกรายหนึ่งของ โฟล์คสวาเกน กรุพ วางจุดโฟคัสความสนใจไว้ที่ เซอัต อัลเตอา (SEAT
ALTEA) รถอเนกประสงค์ขนาด 5 ที่นั่ง ซึ่งพัฒนาจากรถแนวคิดชื่อเดียวกัน ที่ปรากฏตัวในงานมหกรรมยาน
ยนต์ฟรังค์ฟวร์ทครั้งล่าสุดเมื่อเดือนกันยายนปีกลาย รถแบบนี้จะออกจำหน่ายในยุโรปตอนกลางปี
สโกดา ซึ่งก็เป็นสมาชิกของ โฟล์คสวาเกน กรุพ เช่นกัน ใช้เวทีหมุนขนาดยักษ์ที่ตกแต่งอย่างโอ่อ่าตระการ
ตาเป็นที่เปิดตัว สโกดา อกตาวีอา (SKODA OCTAVIA) รุ่นใหม่ ที่เห็นในภาพ 26 ในระยะแรกรถรุ่นใหม่
นี้จะมีตัวถังเพียงแบบเดียว ส่วนตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์จะตามมาในปี 2005
แบร์โตเน สำนักออกแบบตัวถังของเมืองมะกะโรนี มีงานใหม่มาโชว์ในงานนี้เพียงชิ้นเดียว คือ แบร์โตเน
เจท 2 (BERTONE JET 2) ในภาพ 27 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถตรวจการณ์ 3 ประตู ซึ่งดัดแปลง
จากตัวถัง 2 ประตูคูเปของรถ แอสตัน มาร์ทิน แวนควิช (ASTON MARTIN VANQUISH) ส่วนคู่แข่งราย
สำคัญคือ สำนักออกแบบ อิตัลดีไซจ์น จูจาโร มีผลงานใหม่ยั่วน้ำลาย 2 ชิ้น คือ อัลฟา โรเมโอ วิสคนติ
(ALFA ROMEO VISCONTI) ในภาพ 28 กับ โตโยตา โวลตา (TOYOTA VOLTA) ในภาพ 29 คันแรก
เป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถตลาดรุ่นใหม่ คือ อัลฟา โรเมโอ 157 (ALFA ROMEO 157) ซึ่งมีกำหนด
ออกตลาดในเดือนพฤษภาคมปีหน้า ส่วนคันหลัง เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ท 2 ที่นั่ง ขับเคลื่อน
ด้วยระบบพันทาง (HYBRID DRIVE) ที่ใช้อยู่ในขณะนี้กับรถ โตโยตา ปรีอุส (TOYOTA PRIUS)
ซากาโต อีกสำนักออกแบบของเมืองมะกะโรนี อุทิศพื้นที่เกือบทั้งหมดให้แก่ แอสตัน มาร์ทิน แวนควิช โรด
สเตอร์ (ASTON MARTIN VANQUISH ROADSTER) ในภาพ 30 ซึ่งเป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของ
รถเปิดประทุน 2 ที่นั่งระดับสุดหรูสุดแรง พัฒนาจากรถคูเปชื่อเดียวกัน ซึ่งค่าตัวในตลาดเมืองอังกฤษ แพงระยับ
ระดับ 158,000 ปอนด์ หรือ 11 ล้านบาทไทย
ฮอลล์ 4
ไดฮัทสุ * ฮอนดา * เลกซัส * นิสสัน *
เรอโนลต์ * รินสปีด * ซูซูกิ * โตโยตา
เรอโนลต์ ยักษ์ใหญ่ของเมืองน้ำหอม อวดฝีมือผู้ผลิต "คิดใหม่ทำใหม่" โดยนำรถแนวคิดออกอวดตัวเป็นครั้ง
แรกในงานนี้ถึง 2 คัน คันแรก เรอโนลต์ วินด์ (RENAULT WIND) ในภาพ 31-32 เป็นรถเปิดประทุน
2 ที่นั่งวางตัวอยู่บนแพลทฟอร์มที่ขอยืมมาจากรถ นิสสัน ไมครา (NISSAN MICRA) มีรูปทรงองค์เอวที่
ระบุว่า ได้แรงบันดาลใจจาก "ก้อนกรวดในลำธาร" ส่วนคันหลังคือ เรอโนลต์ โมดุส (RENAULT MODUS)
ในภาพ 33 เป็นต้นแบบของรถอเนกประสงค์ขนาด 5 ที่นั่ง ที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดในเดือนตุลาคมปีนี้
หุ้นส่วนจากเมืองปลาดิบอย่าง นิสสัน ก็ไม่ยอมน้อยหน้า นำรถแนวคิดออกอวดตัวในงานนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน
คือ นิสสัน แคชไค (NISSAN QASHQAI) ในภาพ 34 เป็นรถแนวคิดที่ผสมผสานคุณลักษณะของรถแฮทช์แบค
และรถ 4x4 ขับ 4 ล้อเข้าด้วยกัน ในตัวถังที่มีประตูข้างเปิดแยกออกจากกันโดยไม่มีเสาค้ำยันกลาง
ฮอนดา ยักษ์รองของเมืองปลาดิบ สร้างความผิดหวังเล็กๆ ให้แก่แฟนขาประจำ เพราะนอกจากรถแนวคิด
2-3 คัน ซึ่งเคยเห็นกันมาแล้วที่งานมหกรรมยานยนต์โตเกียวครั้งล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปีกลาย งานใหม่
เพียงชิ้นเดียวที่เห็นได้ในงานนี้ คือ ฮอนดา ซีวิค (HONDA CIVIC) รุ่น "ยกหน้า" ที่เห็นในภาพ 35
เลกซัส นำรถ เลกซัส จีเอส (LEXUS GS) รุ่นใหม่ ในภาพ 36 ไปเปิดตัวให้ผู้ใช้รถในยุโรปได้ยลโฉม
เป็นครั้งแรก ในขณะที่บริษัทแม่คือ โตโยตา มีแม่เหล็กดึงดูดผู้คนเข้าบูธถึง 2 ชิ้น คือ โตโยตา โคโรลลา
เวอร์โซ (TOYOTA COROLLA VERSO) ในภาพ 37 และ โตโยตา เอมทีอาร์ซี (TOYOTA MTRC) ใน
ภาพ 38-39 คันแรก เป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 7 ที่นั่งที่ยักษ์ใหญ่เมืองปลาดิบกำลังจะนำออกสู่ตลาดใน
ยุโรป ส่วนคันหลังเป็นรถแนวคิด ในรูปลักษณ์ของรถบักกี 2 ที่นั่ง ล้อหน้าแต่ละล้อขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
ซึ่งรับพลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิง (FUEL CELL)
รินสปีด ผู้ชำนัญการพิเศษของเมืองสวิส มีงานแปลกๆ เพื่ออวดฝีมืออยู่เป็นประจำในงานมหกรรมยานยนต์
เจนีวา ปีนี้ ผลงานที่เรียกความฮือฮาได้ไม่น้อยกว่าปีก่อนๆ คือ รินสปีด สแปลช (RINSPEED SPLASH)
ในภาพ 40 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถที่วิ่งได้บนบกและในน้ำ ขับเคลื่อนด้วยพลังงานจากเชื้อเพลิง
แกสธรรมชาติ มีปีกแบบพับได้ที่ช่วยให้ว่ายหรือร่อนไปในนำด้วยความเร็วระดับ 80 กม./ชม.
ฮอลล์ 5
อัลฟา โรเมโอ * แอสตัน มาร์ทิน * เฟียต * ฟอร์ด *
เกีย * ลันชา * มาซดา * เอมจี โรเวอร์ * ทาทา
เฟียต ผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขหนึ่งของเมืองมะกะโรนี ซึ่งเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เพิ่งได้ CEO
คนใหม่ซึ่งมีชื่อว่า เฮอร์เบิร์ต เดเมล (HERBERT DEMEL) ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับมหกรรมยานยนต์
เจนีวาครั้งนี้ โดยนำผลงานชิ้นใหม่ๆ ออกแสดงในงานจนดูลานตาไปหมดทั้งรถทั้งคน ในจำนวนนี้ ที่จำเป็น
ต้องกล่าวถึงมีอยู่ 2 ชิ้น
ชิ้นแรกคือ เฟียต มัลทิปลา (FIAT MULTIPLA) ในภาพ 41-42 เป็นรถรุ่น FACE LIFT หรือ "ยกหน้า"
ที่ยักษ์ใหญ่เมืองมะกะโรนีกำลังจะนำออกจำหน่ายแทนที่รถรุ่นเดิมซึ่งอยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 1998 ในส่วน
ของตัวถังภายนอก รถรุ่นนี้ได้รับการปรับปรุงมากมายในหลายๆ จุด โดยเฉพาะส่วนหน้า ที่เห็นได้ชัด คือการ
ถอยหลังเข้าคลอง หรือยึดหลักอนุรักษนิยม โดยเปลี่ยนไฟหน้า จากไฟกลมหกดวงติดตั้งที่สามระดับ (ซึ่งเรียก
เสียงวิจารณ์ได้อย่างอึงคะนึงตอนที่ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก) เป็นไฟเหลี่ยมธรรมดาๆ อย่างที่เห็นในภาพ
ส่วนชิ้นที่สองคือ เฟียต ตเรปิอูโน (FIAT TREPIUNO) ในภาพ 13 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถนาคร
ขนาดกระจิ๋วหลิว มีตัวถังยาวแค่ 3.300 ม. ผลงานรังสรรค์ของทีมงานภายใต้การนำของ โรแบร์โต โจลีโต
(ROBERTO GIOLITO) ซึ่งเคยฝากผลงานในการออกแบบรถแนวคิด เฟียต อีโคเบสิค (FIAT ECOBASIC)
มาก่อนแล้ว หลังจากปรากฏโฉมให้เห็นเป็นครั้งแรกในงานนี้ ผู้คนเรียกร้องให้ เฟียต ทำรถแบบนี้ออกขาย
อัลฟา โรเมโอ ไม่ยอมน้อยหน้าผู้ผลิตรถยนต์ร่วมเครือ นำรถตลาดแบบใหม่ล่าสุด ออกอวดตัวแบบ WORLD
PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เช่นกัน คือ อัลฟา 156 ครอสส์แวกอน (ALFA 156 CROSS
WAGON) ที่เห็นในภาพ 44 ซึ่งเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบแรกของค่ายนี้ในช่วงเวลาเกือบหนึ่งทศวรรษ ส่วน
ผู้ผลิตรถยนต์อีกรายหนึ่งซึ่งก็อยู่ในเครือข่ายของยักษ์ใหญ่ เฟียต คือ ลันชา ก็ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว รถแบบ
ใหม่ล่าสุด คือ ลันชา มูซา (LANCIA MUSA) ในภาพ 45 เป็นรถอเนกประสงค์ขนาด 5 ที่นั่ง พัฒนาจากรถ
ร่วมเครือ คือ เฟียต ไอเดอา (FIAT IDEA) โดยเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนหลายชิ้น ร่วมทั้งนำชิ้นส่วนบางชิ้น
จากรถในสายการผลิตเดียวกันคือ ลันชา อิพซีลอน (LANCIA YPSILON) มาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิต
ฟอร์ด ซึ่งกำลังพยายามเป็นผู้นำของยุโรปในด้านเทคโนโลยี "INSTRUMENT PANEL WITHOUT INSTRU
MENTS" หรือ "แผงหน้าปัดอุปกรณ์ซึ่งไม่มีอุปกรณ์" นำรถใหม่ออกแสดงในงานนี้สองคัน คือ ฟอร์ด ฟิเอสตา
เอสที (FORD FIESTA ST) และ ฟอร์ด ฟิเอสตา อาร์เอส คอนเซพท์ (FORD FIESTA RS CONCEPT)
ในภาพ 46-47 คันแรก เป็นรถ ฟิเอสตา ที่ทรงพลังที่สุด (ติดตั้งเครื่องยนต์ 150 แรงม้า) ซึ่งจะออกขาย
ตอนปลายปีนี้ ส่วนคันหลังเป็นรถที่ออกแบบสำหรับการแข่งแรลลี และคาดว่าจะออกขายได้ภายใน 2 ปี
นอกจากปรากฏตัวให้เห็นตามบูธต่างๆ ในรูปลักษณ์ของรถแนวคิดแล้ว ในบูธของ แอสตัน มาร์ทิน เอง ก็ยัง
มีผลงานชิ้นใหม่ที่เรียกร้องความสนใจจากผู้ชมงานได้เช่นเดียวกัน คือ แอสตัน มาร์ทิน ดีบี 9 โวลันเต
(ASTON MARTIN DB9 VOLANTE) ในภาพ 48-49 เป็นรถสปอร์ทเปิดประทุนระดับสุดหรู ซึ่งเปิดตัวแบบ
"ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา และอวดโฉมให้คนรักรถในยุโรป
ได้สัมผัสตัวจริงอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรกที่งานนี้
ทาทา ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังของเมืองภารตะ เรียกความสนใจได้ไม่น้อยด้วย ทาทา อินดีโก แอดเวนท์ (TATA
INDIGO ADVENT) ในภาพ 50 เป็นรถตรวจการณ์แบบใหม่ที่ค่ายนี้กำลังจะส่งไปจำหน่ายในยุโรป โดยมี
เครื่องยนต์ให้เลือกใช้ 2 ขนาด คือเครื่องเบนซิน 85 แรงม้า กับเครื่องเทอร์โบดีเซล 70 แรงม้า
มาซดา ขนผลงานใหม่ออก "ซูม-ซูม" ในงานนี้ 2 คัน คือ มาซดา เอมเอกซ์-ไมโคร สปอร์ท (MAZDA MX-
MICRO SPORT) กับ มาซดา เอมเอกซ์-ฟเลกซา (MAZDA MX-FLEXA) ในภาพ 51-53 คันแรกซึ่งเคย
ปรากฏตัวที่ดีทรอยท์มาครั้งหนึ่งแล้ว เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถ 5 ประตูแฮทช์แบค ที่ใช้แพลทฟอร์มร่วม
กับรถตลาด มาซดา 2 ที่เพิ่งออกจำหน่ายในยุโรป ส่วนคันหลังเป็นรถแนวคิดซึ่งเป็นต้นแบบของรถอเนกประ
สงค์ขนาด 7 ที่นั่ง ซึ่งในปีหน้าค่ายนี้จะนำออกจำหน่ายในชื่อ มาซดา 4 (MAZDA 4)
เกีย ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองของเมืองโสม วางจุดศูนย์รวมความสนใจไว้ที่ เกีย เชราโต (KIA
CERATO) รถขนาดเล็กกะทัดรัดแบบใหม่ ที่จะมีจำหน่ายทั้งตัวถังห้าประตูแฮทช์แบคและตัวถัง 4 ประตูซีดาน
ดังที่เห็นในภาพ 55
ฮอลล์ 6
บีเอมดับเบิลยู * ไครสเลอร์ * ซีตรอง * ฮันเด *
แจกวาร์ * จีพ * แลนด์ โรเวอร์ * มายบัค *
เมร์เซเดส-เบนซ์ * มีนี * มิตซูบิชิ * เปอโฌต์ *
โพร์เช * โรลล์ส-รอยศ์ * สมาร์ท * โวลโว
บีเอมดับเบิลยู ยอดผู้ผลิตรถยนต์ระดับคุณภาพของแคว้นบาวาเรีย เรียกผู้คนเข้าบูธชนิด "หัวกระไดไม่แห้ง"
ด้วย บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 ทัวริง (BMW 5-SERIES TOURING) ในภาพ 56-57 ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็น
ทางการในงานนี้ หลังจากเป็นข่าวและปรากฏโฉมตามหน้านิตยสารรถยนต์ทั่วโลกมาแล้ว 2-3 เดือน รุ่น
ที่เริ่มจำหน่ายแล้วในเดือนพฤษภาคมนี้ มีรถให้เลือกใช้รวม 4 โมเดล คือ 525I (192 แรงม้า) 545I
(333 แรงม้า) 525D (177 แรงม้า) และ 530D (218 แรงม้า)
ที่เรียกความสนใจได้ไม่แพ้กัน แม้ว่ารถจะยังไม่มีจำหน่ายจนกว่าจะถึงปีหน้า คือ บีเอมดับเบิลยู เอม 5
(BMW M5) ในภาพ 58-59 รถหัวกระทิโมเดลนี้ จะอัดแน่นไปด้วยเทคโนโลยีที่ได้มาจากประสบการณ์ใน
การแข่งขันรถ ฟอร์มูลา วัน และติดตั้งเครื่องยนต์หายใจอากาศธรรมดา วี 10 สูบ 5.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูง
สุดไม่ต่ำกว่า 500 แรงม้า ในด้านสมรรถนะความเร็ว คาดหมายกันว่า บีเอมดับเบิลยู เอม 5 รุ่นนี้ น่า
จะทำ 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลา 4.8 วินาที คือเร็วกว่ารุ่นเดิมถึง 0.5 วินาที นั่นเทียว
มีนี ผู้ผลิตรถยนต์เมืองอังกฤษที่มีบริษัทเยอรมนีเป็นเจ้าของ ก็เรียกผู้คนเข้าบูธได้แน่นขนัดเช่นกัน ทั้งๆ ที่มี
ผลงานชิ้นใหม่ออกแสดงในงานนี้เพียงชิ้นเดียว แต่เป็นชิ้นที่ผู้คนทั่วโลกกำลังรอคอย คือ มีนี คอนเวอร์ทิเบิล
(MINI CONVERTIBLE) ในภาพ 60 รถแบบนี้ใช้ประทุนแบบอ่อน เปิดปิดด้วยระบบไฟฟ้า โดยใช้เวลาเปิด
หรือปิดแต่ละครั้งประมาณ 15 วินาที จะเริ่มจำหน่ายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยมีประทุนหลังคาให้เลือกรวม
สามสี คือ ดำ น้ำเงิน และเขียว
โรลล์ส-รอยศ์ ผู้ผลิตรถยนต์อังกฤษอีกรายหนึ่งซึ่งเจ้าของกลายเป็นคนเยอรมันไปแล้ว สร้างความประหลาด
ใจเพราะไม่มีใครระแคะระคายมาก่อน โดยนำ โรลล์ส-รอยศ์ 100 อีเอกซ์ (ROLLS-ROYCE 100EX)
ในภาพ 61-62 ออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานนี้ ทำไมจะไม่ประหลาดใจ เพราะนี่คือ
รถแนวคิดคันแรกในประวัติศาสตร์หนึ่งศตวรรษของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้ เป็นรถเปิดประทุนสี่ที่นั่งระดับสุดหรู
ออกแบบในแคลิฟอร์เนียโดยทีมงานที่มี มาเรค ดอร์ดเจวิช (MAREK DJORDJEVIC) เป็นผู้นำ และสร้าง
เสร็จเป็นคันในเยอรมนี โดยขอหยิบขอยืม โครงตัวถังซึ่งทำจากอัลลอย ระบบส่งกำลัง ระบบรองรับ และ
แผงหน้าปักอุปกรณ์จากรถตลาด โรลล์ส-รอยศ์ แฟนทอม (ROLLS-ROYCE PHANTOM) แต่ชิ้นส่วนอื่นๆ
นอกเหนือจากนี้ล้วนออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด
บูธของ โวลโว ผู้ผลิตรถยนต์หมายเลขหนึ่งของเมืองฟรีเซกซ์ ก็คับคั่งไปด้วยผู้คนเหมือนกัน เพราะมีทีเด็ด
คือ โวลโว วายซีซี (VOLVO YCC) ที่เห็นในภาพ 64 เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสี่ที่นั่งประตูปีกนก
นางนวล ผลงานรังสรรค์ของทีมออกแบบซึ่งเป็นผู้หญิงล้วนๆ และประกาศยืนยันอย่างชัดเจนว่า ทำให้ดูเท่า
นั้น ไม่มีเจตนาที่จะผลิตออกขาย
แลนด์ โรเวอร์ ยอดผู้ผลิตรถกิจกรรมกลางแจ้งของเมืองผู้ดี ซึ่งสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ โดยนำรถ
แนวคิดแบบแรกในประวัติศาสตร์ของตน คือ แลนด์ โรเวอร์ เรนจ์ สตอร์เมอร์ (LAND ROVER RANGE
STORMER) ในภาพ 65 ออกแสดงเป็นครั้งแรกที่ดีทรอยท์เมื่อตอนต้นปี นำรถแนวคิดคันดังกล่าวออกฉายซ้ำ
อีกครั้งหนึ่งที่งานนี้
ค่ายดาวสามแฉกของเมืองเบียร์ เอาจริงเอาจังกับงานนี้ โดยนำผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องออกอวดตัว
เป็นครั้งแรกที่งานนี้ถึงสามรายการด้วยกัน
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอสแอลเค (MERCEDES-BENZ SLK) ในภาพ 66-67 เป็นรถรุ่นที่สอง ซึ่งค่ายดาว
สามแฉกกำลังจะนำออกจำหน่าย แทนที่รถรุ่นแรกซึ่งอยู่ในตลาดมาตั้งแต่ปี 1996 และทำยอดขายทั่วโลกไป
แล้วมากกว่า 308,000 คัน ในระยะแรก รถรุ่นใหม่นี้จะมีรถให้เลือกใช้เพียงสามโมเดล คือ SLK 200
KOMPRESSOR (163 แรงม้า) SLK 350 (272 แรงม้า) และ SLK 55 AMG (360 แรงม้า)
เมร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ C-CLASS) ในภาพ 68 เป็นรถรุ่น FACELIFT หรือ
"ยกหน้า" ซึ่งได้รับการปรับปรุงทั้งตัวถัง 4 ประตูซาลูน ตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ และตัวถัง 2 ประตูคูเป
ส่วน เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส (MERCEDES-BENZ CLS) ในภาพ 69 เป็นรถอนุกรมใหม่ล่าสุดที่ค่าย
นี้ออกแบบและพัฒนาเพื่อสู้กับรถสไตล์เดียวของคู่แข่ง คือ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-6 (BMW 6-SERIES) และ
แจกวาร์ เอกซ์เค (JAGUAR XK) โดยในระยะแรกจะมีรถให้เลือกใช้เพียง 2 รุ่น คือ CLS 350 (272
แรงม้า) กับ CLS 500 (306 แรงม้า)
เจ้าของเครื่องหมายการค้า"แมวป่า"ซึ่งรู้จักกันในชื่อ แจกวาร์ เติมสีสันให้แก่บูธของตนเอง ด้วยการนำ
แจกวาร์ เอส-ไทพ์ (JAGUAR S-TYPE) ติดตั้งเครื่องยนต์ วี 6 สูบ 2.7 ลิตร ของค่าย เปอโฌต์ ออก
อวดตัวเป็นครั้งแรกในงานนี้
เจ้าของเครื่องยนต์คือ เปอโฌต์ ก็ให้ความสำคัญกับงานนี้ โดยนำรถ เปอโฌต์ 407 (PEUGEOT 407)
ออกแสดงในงานนี้เป็นกองทัพ มีทั้ง เปอโฌต์ 407 ซาลูน (PEUGEOT 407 SALOON) ในภาพ 74 ซึ่งออก
จำหน่ายไปแล้วเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยตั้งเป้าหมายการขายไว้ที่ระดับ 300,000 คัน/ปี
มีทั้ง เปอโฌต์ 407 เอสดับเบิลยู (PEUGEOT 407 SW) ในภาพ 73 ซึ่งเป็นรถตัวถังห้าประตูตรวจการณ์
ที่ยังไม่มีจำหน่าย และปิดท้ายด้วย เปอโฌต์ 407 ซีลูเอตต์ (PEUGEOT 407 SILHOUETTE) ในภาพ 71-
72 ซึ่งยังมีฐานะเป็นเพียง รถแนวคิด
ซีตรอง เจ้าของเครื่องหมายการค้า "จ่าโท" เปิดเผยโฉมหน้าของรถรุ่นใหม่ คือ ซีตรอง เซกัตร์
(CITROEN C4) ที่จะออกตลาดแทนที่รถรุ่นปัจจุบันคือ ซีตรอง ซารา (CITROEN XSARA) ในปีหน้า โดย
นำรถแนวคิด ซีตรอง เซกัตร์ สปอร์ท (CITROEN C4 SPORT) ออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็น
ครั้งแรกที่งานนี้ และเห็นได้ชัดว่า รายละเอียดหลายจุดในรถคันนี้ ได้มาจากรถแนวคิด ซีตรอง แอร์ดรีม
(CITROEN AIRDREAM) และ ซีตรอง แอร์เลาจ์น์ (CITROEN AIRLOUNGE)
มิตซูบิชิ ใช้เวทีขนาดยักษ์ที่ตกแต่งอย่างอลังการ์เป็นที่เปิดตัว มิตซูบิชิ โคลท์ (MITSUBISHI COLT) ที่
เห็นในภาพ 76-77 เป็นรถอเนกประสงค์ขนาดซูเพอร์มีนี ที่ค่าย "สามเพชร" กำลังจะนำออกขายในตลาด
ยุโรป และเป็นผลงานจากความร่วมมือกับค่าย ไดมเลร์ ไครสเลอร์ โดยใช้ชิ้นส่วนถึงร้อยละ 60 ร่วมกับ
รถ สมาร์ท ฟอร์โฟร์ (SMART FORFOUR) ซึ่งจะออกจำหน่ายพร้อมๆกันในเดือนกันยายนนี้ โดยที่ในระยะ
แรกจะมีตัวถังเพียงแบบเดียว คือตัวถังห้าประตูแฮทช์แบค ที่เห็นในภาพ ส่วนที่จะตามมาในภายหลังเป็น
ตัวถังสามประตูแฮทช์แบค ซึ่งพัฒนาจากรถแนวคิด มิตซูบิชิ โคลท์ ซีเซด 3 (MITSUBISHI COLT CZ3)
ในภาพ 78 ซึ่งปรากฏตัวในงานนี้เช่นกัน
ปิดท้ายด้วยผลงานของ ฮันเด ซึ่งงานนี้นำผลงานใหม่เอี่ยมออกแสดงสองคัน คือ ฮันเด อี 3 (HYUNDAI
E3) ในภาพ 79 กับ ฮันเด ทัคสัน (HYUNDAI TUCSON) ในภาพ 80 คันแรกเป็นรถแนวคิดที่ออกแบบใน
เยอรมนี และเป็นต้นแบบของรถ ฮันเด แอคเซนท์ (HYUNDAI ACCENT) รุ่นใหม่ ที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาด
ในปี 2005 ส่วนคันหลังเป็นรถกิจกรรมกลางแจ้งแบบใหม่ล่าสุด ซึ่งเปิดตัวที่ชิคาโกในสหรัฐอเมริกา และ
นำมาฉายซ้ำในงานนี้ เพื่อให้ผู้ใช้รถในยุโรปได้สัมผัสตัวจริงเป็นครั้งแรก
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2547
คอลัมน์ Online : รถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/7592