ธุรกิจ
-
เผยโฉม ซีรีส์-5 รุ่นใหม่
ตัวถังโตกว่ารถรุ่นเดิม
จะออกขายไตรมาสสาม
เยอรมนี-เปิดเผยโฉมหน้าและรายละเอียดของรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 (BMW
5-SERIES) รุ่นใหม่กันไปเรียบร้อยแล้วในยุโรป กำหนดออกจำหน่ายในไตรมาสสาม
ของปี 2003 นี้ โดยที่ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกใช้เพียงสามโมเดล ด้วยสนนราคา
ค่าตัวที่สูงกว่ารถรุ่นเดิมเพียงเล็กน้อย
หลังจากปล่อยให้รถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 รุ่นเดิม ซึ่งเคยได้รับการยกย่องว่าเป็น
รถยนต์นั่งระดับนักบริหารที่เยี่ยมยอดที่สุดในโลก อยู่ในตลาดยาวนานถึงแปดปี นับแต่
ปี 1995 ในที่สุด ผู้ผลิตรถยนต์แห่งแคว้นบาวาเรียก็ยุติการรอคอยอันยาวนาน โดยนำ
รถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 รุ่นใหม่ ซึ่งมีรหัสโรงงานว่า E60 ออกอวดตัวแล้วในยุโรป
รวมทั้งมีการเชื้อเชิญให้บรรดาผู้สื่อข่าวของนิตยสารรถยนต์ชั้นนำ ไปทำการทดสอบรถ
ที่เกาะซาร์ดีเนียในอิตาลีอีกต่างหาก ทำให้ข่าวคราวการเปิดตัวของรถรุ่นนี้ดังระเบิด
ไปทั่วภาคพื้นทวีปยุโรป
ตัวถังสี่ประตูทรงสามกล่องของ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 รุ่นใหม่นี้ มีขนาดโตกว่ารถรุ่น
เดิมในทุกมิติ คือ ยาว 4.841 ม. กว้าง 1.846 ม. และสูง 1.468 ม. ซึ่งเมื่อเทียบ
ขนาดกับตัวถังของรถรุ่นเดิมที่ ยาว 4.775 ม. กว้าง 1.800 ม. และสูง 1.435 ม.
แล้ว ก็จะพบว่า ความยาวเพิ่มขึ้น 66 มม. ความกว้างเพิ่มขึ้น 46 มม. และความสูง
เพิ่มขึ้น 33 ม. ในขณะที่ช่วงฐานล้อก็ขยายยาวขึ้นถึง 58 มม. คือ จาก 2.830 เป็น
2.888 ม.
รูปทรงองค์เอวของตัวถังภายนอก เป็นผลงานรังสรรค์ของทีมออกแบบ บีเอมดับเบิลยู
ในยุคที่มี คริส เบงเกิล (CHRIS BANGLE) ยอดนักออกแบบสัญชาติอังกฤษเป็นผู้นำ
เป็นการออกแบบในลักษณะ CUTTING-EDGE ที่เห็นกันมาแล้วในรถธง บีเอมดับเบิลยู
ซีรีส์-7 รุ่นล่าสุด นิตยสารรถยนต์ฉบับหนึ่งในยุโรปให้ความเห็นว่า คนจำนวนมากชอบ
รูปทรงแบบนี้ และรับประกันได้ว่า จะมีคนจำนวนไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันที่ไม่ชอบเอาเลย
รถพวงมาลัยขวา จะเริ่มออกจำหน่ายในอังกฤษเดือนกันยายนนี้ โดยที่ในระยะแรกจะ
มีรถให้เลือกใช้เพียงสามโมเดล คือ 520I ติดตั้งเครื่องเบนซิน 6 สูบเรียง 2.2
ลิตร 170 แรงม้า 530I เครื่องเบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร 231 แรงม้า และ
530D เครื่องเทอร์โบดีเซล 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร 218 แรงม้า ส่วนระบบเกียร์ จะ
มีให้เลือกระหว่าง เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ
อีกสองโมเดลที่จะตามในอีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้นคือ 525I เครื่องเบนซิน 6 สูบเรียง
2.5 ลิตร กับ 545I เครื่องเบนซิน วี 8 สูบ 4.4 ลิตร ส่วนผู้ที่ต้องการใช้รถตัวถัง
ห้าประตูตรวจการณ์ ก็คงต้องอดใจไปอีกอีกหนึ่งปี เพราะตอนปลายปี 2004 นั่นแหละ
บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 ทัวริง (BMW 5-SERIES TOURING) รุ่นใหม่ จึงจะออกตลาด
สนนราคาค่าตัวของรถรุ่นใหม่นี้ จะสูงกว่ารถรุ่นเดิมประมาณร้อยละ 3 แต่เมื่อคิดถึง
บรรดาสรรพเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เจ้าของเครื่องหมายการค้าใบพัดเครื่องบินสีฟ้าขาว
บรรจุไว้ให้ คำนวณแล้วจะได้ผลลัพธ์ว่า รถรุ่นใหม่นี้กลับมีค่าตัวย่อมเยากว่ารถรุ่นเก่า
ร้อยละ 2 นิตยสารรถยนต์ยุโรปฉบับหนึ่งว่าไว้
บีเอมดับเบิลยู ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับรถ ซีรีส์-5 รุ่นเก่า ชนิดได้ทั้งเงิน
ได้ทั้งกล่อง สำหรับรถรุ่นใหม่นี้ ในส่วนของยอดขาย เป้าหมายที่ตั้งไว้ก็คือ อย่างน้อย
น่าจะทำได้ไม่น้อยหน้ารถรุ่นเก่า นั่นคือ 1.4 ล้านคัน ในช่วงเวลาเจ็ดปี ที่จะจำหน่าย
อยู่ในตลาดทั่วโลก
ย่อยข่าว
* ฝรั่งเศส-ตลาดรถยนต์เมืองน้ำหอมกำลังอยู่ในภาวะซบเซา ในช่วงสี่เดือนแรก
ของปีนี้ (มกราคม-เมษายน 2003) ตลาดรถใหม่ทำยอดขายได้แค่ 702,435 คัน
หรือลดลงจากช่วงเดียวกันเมื่อปีกลายถึงร้อยละ 8.9 แต่มีจุดที่น่าสังเกตก็คือ ในขณะ
ที่รถยนต์ยุโรปแทบทุกยี่ห้อล้วนมียอดขายลดลง รถญี่ปุ่นคือ นิสสัน และ โตโยตา กลับ
มียอดขายพุ่งพรวดพราดถึงร้อยละ 31.6 และ 14.5 ตามลำดับ
เมื่อแยกตามยี่ห้อ รถที่ทำยอดขายสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ (ตัวเลขต่อท้ายชื่อคือ
จำนวนคันที่ขาย ส่วนตัวเลขในวงเล็บคือยอดขายเพิ่มหรือลดจากช่วงเดียวกันปีก่อน)
1. เรอโนลต์ 187,965 (-12.9 %)
2. เปอโฌต์ 135,395 (-16.2 %)
3. ซีตรอง 104,237 (+ 1.9 %)
4. โอเพล 40,818 (- 3.1 %)
5. โฟล์คสวาเกน 39,638 (-17.7 %)
6. ฟอร์ด 34,297 (+ 0.4 %)
7. โตโยตา 23,657 (+14.5 %)
8. เมร์เซเดส 19,208 (- 5.6 %)
9. เฟียต 18,682 (-25.5 %)
10. นิสสัน 12,751 (+31.6 %)
และเมื่อแยกตามรุ่นของรถ ปรากฏว่ารถที่ขายได้มากที่สุด 10 อันดับแรก ล้วนเป็น
รถสัญชาติฝรั่งเศสทั้งสิ้น ได้แก่
1. เรอโนลต์ กลีโอ 58,953 คัน
2. เปอโฌต์ 206 53,597 คัน
3. เปอโฌต์ 307 51,872 คัน
4. เรอโนลต์ เมกาน 38,913 คัน
5. ซีตรอง เซตรัวส์ 27,485 คัน
6. ซีตรอง ปิกัสโซ 26,179 คัน
7. เรอโนลต์ ลากูนา 25,586 คัน
8. เรอโนลต์ เซนิก 24,266 คัน
9. เรอโนลต์ ทวิงโก 17,955 คัน
10. ซีตรอง ซารา 16,880 คัน
* สหรัฐอเมริกา-ในช่วงหกเดือนแรกของปีโมเดล 2002 (ตุลาคม 2001-มีนาคม
2002) โตโยตา (TOYOTA) ยักษ์ใหญ่ของเมืองปลาดิบ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่
ให้แก่วงการรถยนต์ของเมืองมะกัน โดยสามารถทำยอดขายรถยนต์นั่งในตลาดสหรัฐ
อเมริกาได้สูงกว่า เชฟโรเลต์ (CHEVROLET) รถขายดีที่สุดของค่าย จีเอม (GM)
ได้เป็นครั้งแรก พอถึงช่วงเดียวกันของปีโมเดล 2003 นี้ (ตุลาคม 2002-มีนาคม
2003) นอกจากทำดีกว่า เชฟโรเลต์ ได้อีกครั้งหนึ่ง ยักษ์ใหญ่ของเมืองปลาดิบ ยัง
มียอดขายหายใจรดต้นคอ ฟอร์ด (FORD) ซึ่งครองแชมพ์ติดต่อกันมาแล้วหลายปีได้อีก
ต่างหาก และที่น่าทึ่งไม่แพ้กันก็คือ ในช่วงเดียวกันนี้ ยักษ์รอง ฮอนดา (HONDA) ได้
กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นอีกรายหนึ่ง ที่สามารถทำยอดขายรถยนต์นั่งในตลาดเมือง
มะกันได้สูงกว่า เชฟโรเลต์
จากผลการสำรวจของ เจดี เพาเวอร์ แอนด์ แอสโซซิเอทส์ (JD POWER &
ASSOCIATES) ผู้ชำนัญการด้านวิเคราะห์วิจัยอุตสาหกรรมรถยนต์ของเมืองมะกันซึ่ง
มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก ในช่วงหกเดือนแรกของปีโมเดล 2003 นี้ (ตุลาคม
2002-มีนาคม 2003) รถใหม่ที่ขายดีที่สุดในตลาดสหรัฐอเมริกา 8 อันดับแรก แยก
ประเภทตามบริษัทผู้ผลิตได้ดังนี้
รถกระบะ ฟอร์ด 987,190 คัน
รถกระบะ เชฟโรเลต์ 833,067 คัน
รถกระบะ ดอดจ์ 419,523 คัน
รถยนต์นั่ง ฟอร์ด 401,224 คัน
รถยนต์นั่ง โตโยตา 398,234 คัน
รถยนต์นั่ง ฮอนดา 334,216 คัน
รถยนต์นั่ง เชฟโรเลต์ 332,095 คัน
รถกระบะ โตโยตา 313,740 คัน
* สหรัฐอเมริกา-ไครสเลอร์ ยักษ์เล็กของเมืองมะกัน นำรถยนต์นั่งแบบใหม่ล่าสุด
คือ ไครสเลอร์ ครอสส์ไฟร์ (CHRYSLER CROSSFIRE) ออกจำหน่ายแล้วในสหรัฐ
อเมริกา ในฐานะรถรุ่นปีโมเดล 2004 ซึ่งเริ่มต้นในเดือนตุลาคม 2003 นี้ รถแบบ
ดังกล่าว อยู่ในตัวถังสามประตูคูเปสองที่นั่ง หน้าตาโบราณ ติดตั้งเครื่องยนต์ SOHC
วี 6 สูบ 18 วาล์ว 3,199 ซีซี 215 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หลัง ผ่านเกียร์
ธรรมดา 6 จังหวะ อัตราเร่ง 0-96 กม./ชม.ทำได้ใน 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด
245 กม./ชม. สนนราคาค่าตัวที่กำหนดไว้ เริ่มต้นที่ 34,495 เหรียญสหรัฐ หรือ
เท่ากับประมาณ 1.4 ล้านบาทไทย
* อังกฤษ-บีเอมดับเบิลยู ประกาศสนนราคาค่าตัวของรถ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 รุ่น
ใหม่ ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายในอังกฤษกลางเดือนกันยายนนี้แล้วว่า โมเดลเริ่มต้นคือ 520I
จะติดป้ายราคา 25,455 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 1.78 ล้านบาท ส่วน 530I กับ
รถดีเซล 530D จะมีค่าตัวเท่ากัน คือ 30,950 ปอนด์ หรือประมาณ 2.17 ล้านบาท
บรรยายภาพ
1.บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 รุ่นใหม่ ตั้งเป้าหมาย ยอดขาย 1.4 ล้านคันในเจ็ดปี
7.ทั้งสามภาพนี้ คือรถ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เอโวลูชัน (MITSUBISHI LANCER
EVOLUTION) รุ่นใหม่ล่าสุด ที่ค่าย "สามเพชร" เพิ่งนำออกจำหน่ายในญี่ปุ่น เมื่อไม่กี่
เดือนที่ผ่านมา รถรุ่นนี้มีตัวถังยาว 4.470 ม. กว้าง 1.695 ม. และสูง 1.430 ม.
เป็นตัวถังเดียวกับรถ มิตซูบิชิ แลนเซอร์ เซดีอา (MITSUBISHI LANCER CEDIA)
ที่ผู้ใช้รถในบ้านเราคงคุ้นเคยกันดี แยกโมเดลให้เลือกใช้ตามรสนิยมรวมสามโมเดล
ทุกโมเดลติดตั้งเครื่องยนต์เทอร์โบ DOHC 4 สูบเรียง 16 วาล์ว ความจุ 1,997 ซีซี
(รหัสเครื่องยนต์ 4G63) ที่ปรับแต่งเป็นพิเศษและโดยเฉพาะสำหรับรถรุ่นนี้ ทำให้ได้
กำลังสูงถึง 280 แรงม้า ที่ 6,500 รตน. ส่วนระบบเกียร์เพื่อส่งทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้า
และคู่หลัง มีให้เลือกระหว่างเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ
สนนราคาค่าตัวที่ซื้อขายในตลาดญี่ปุ่น เริ่มต้นที่ 2.740 ล้านเยน หรือประมาณ 0.96
ล้านบาทไทยในรุ่นพื้นฐาน คือ LANCER EVOLUTION VIII ไปจนถึง 3.298 ล้าน
เยนหรือประมาณ 1.15 ล้านบาท ในรุ่นหัวกะทิ คือ LANCER EVOLUTION VIII GSR
8.เรอโนลต์ กลีโอ รถยอดนิยมของเมืองน้ำหอม ขายได้วันละ 491 คัน โดยเฉลี่ย
9.ไครสเลอร์ ครอสส์ไฟร์ ออกจำหน่ายแล้วในสหรัฐอเมริกา ด้วยค่าตัว 1.4 ล้านบาท
12.ภาพบนสุดคือ มิตซูบิชิ แอร์ทเรค (MITSUBISHI AIRTREK) รถกิจกรรมกลางแจ้ง
ที่ค่าย "สามเพชร" นำออกขายในตลาดญี่ปุ่นมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2001 เพื่อสู้กับรถ
โตโยตา รัฟโฟร์ (TOYOTA RAV4) ของค่ายยักษ์ใหญ่ และ ฮอนดา ซีอาร์-วี (HONDA
CR-V) ของค่ายยักษ์รอง ส่วนสองภาพล่าง เป็นรถแบบเดียวกันแต่หน้าตาไม่เหมือนกัน
ที่ค่าย "สามเพชร" เพิ่งนำออกจำหน่ายในตลาดเมืองมะกัน ในชื่อ มิตซูบิชิ เอาท์แลนเดอร์
(MITSUBISHI OUTLANDER) รถแบบนี้ติดตั้งเครื่องยนต์ DOHC 4 สูบเรียง 16 วาล์ว
ขนาด 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า ที่ 5,000 รตน. ถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์
อัตโนมัติ 4 จังหวะ มีทั้งแบบขับล้อหน้า และแบบขับ 4 ล้อ โดยแบ่งการตกแต่งและอุปกรณ์
เป็นสองระดับ กำกับด้วยรหัส LS และ XLS สนนราคาค่าตัวที่ซื้อขายกัน อยู่ระหว่าง
18,000-20,800 เหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับประมาณ 0.74-0.85 ล้านบาท เมื่อคิด
อัตราแลกเปลี่ยน 1 เหรียญสหรัฐ ต้องแลกด้วยเงินไทย 41 บาทถ้วน
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน สิงหาคม ปี 2546
คอลัมน์ Online : ธุรกิจ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/649