ท่องเที่ยว
เสน่ห์แห่งธรรมชาติ มีมนต์ขลังเสมอ แม้ก่อนได้สัมผัสกับความงาม จะต้องผ่านอุปสรรคมากมาย แต่ก็ไม่ทำให้นักเดินทางย่อท้อ ในโอกาสที่ 4 WHEELS ฉลองปีที่ 25 เราขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวทั่วไทย สำหรับผู้รักชีวิตอิสระ และแสวงหาความท้าทาย
เสน่ห์แห่งธรรมชาติ มีมนต์ขลังเสมอ แม้ก่อนได้สัมผัสกับความงาม จะต้องผ่านอุปสรรคมากมาย แต่ก็ไม่ทำให้นักเดินทางย่อท้อ ในโอกาสที่ 4 WHEELS ฉลองปีที่ 25 เราขอแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวทั่วไทย สำหรับผู้รักชีวิตอิสระ และแสวงหาความท้าทาย
4 เส้นทาง ม่วนคักๆ สายอีสาน
รับตะวันก่อนใคร ที่ผาชะนะได
"พระอาทิตย์ขึ้นเช้าวันพรุ่งนี้ ที่ผาชะนะได อ. โขงเจียม จ. อุบลราชธานี เวลา..." ประโยคนี้ได้ยินเสมอ ในข่าววิทยุช่วงรายงานสภาพอากาศ
ผาชะนะได ตั้งอยู่ในบริเวณป่าดงนาทาม เขตอุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ. อุบลราชธานี เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นแห่งแรกของประเทศไทย เนื่องจากอยู่ทางทิศตะวันออกสุดของแผ่นดินสยาม และเป็นตำแหน่งที่กรมอุตุนิยมวิทยาใช้เป็นจุดคำนวณการมองเห็นลำแสงเริ่มแรกของดวงอาทิตย์ในเขตประเทศ
เมื่อยืนอยู่บนหน้าผา จะเห็นภูเขาทะมึนสลับซับซ้อนทางฝั่ง สปป. ลาว (มีลำน้ำโขงเป็นเขตแดน) เป็นฉากอยู่ตรงกลางตัดกับท้องฟ้าที่ด้านบน และลำน้ำโขงที่ด้านล่าง ด้วยวิวแบบพาโนรามา
การมาชมพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า (พระอาทิตย์ขึ้นประมาณ 5.30 น.) ต้องวางแผนให้ดี เพราะเส้นทางไปนับว่าโหดเอาเรื่อง ระยะทางแค่ 12 กม. ใช้เวลาเดินทางจริงเกือบ 2 ชม. สภาพเส้นทางเป็นลานหิน ดินกรวด ทราย และห้วยลำธาร ต้องใช้รถขับเคลื่อน 4 ล้อขับขึ้นมาเท่านั้น
ชื่มชม มอหินขาว คลายร้อนยาวๆ ที่ตาดโตน
กลุ่มหินทรายทรงตั้งขนาดใหญ่ เจ้าของฉายา "สโตนเฮนจ์เมืองไทย" หรือ "มอหินขาว" ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา อ. เมือง จ. ชัยภูมิ ประกอบด้วยกลุ่มหินทรายสีขาวขนาดใหญ่วางเรียงรายกันดูคล้าย "สโตนเฮนจ์" ในประเทศอังกฤษ
มอหินขาว ประกอบไปด้วยประชากรกลุ่มหินหลายชุด กลุ่มหินชุดแรก คือ "เสาหิน 5 ต้น" แต่ละต้นมีความสูงประมาณ 12 ม. เสาหินที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเท่ากับ 22 คนโอบ ถัดไปจะเป็นกลุ่มหินชุดที่ 2 และ 3 มีชื่อว่า หินโขลงช้าง และหินต้นไทร ตามลำดับ อยู่ห่างจากกลุ่มแรกประมาณ 500 ม. หินกลุ่มนี้เรียกว่า "ดงหิน" มีลักษณะเป็นแท่งหินทรงแปลกตา รูปร่างคล้ายโขลงช้าง, กระดองเต่า หรือรองเท้าบูท
ถ้าเดินทางต่อไปอีกประมาณ 1,500 ม. จะเจอกับจุดชมวิว "ผาหัวนาค" เป็นกลุ่มหน้าผาหินที่ยื่นออกไปเล็กน้อย ใครที่กลัวความสูง จะเสียวจี๊ดๆ ที่หัวใจ
ขากลับแนะนำให้แวะคลายร้อนที่น้ำตกตาดโตน อยู่ห่างจากมอหินขาวประมาณ 20 กม. เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอีกแห่ง ที่มีความสวยงาม โดยเฉพาะในฤดูฝนจะงดงามเป็นพิเศษ ด้านบนเป็นธารน้ำไหลผ่านลานหิน 2 ฝั่ง ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่
ยลดอกกระเจียว ท้าความเสียวที่ผาหำหด
ทุ่งดอกกระเจียว ซึ่งเป็นไฮไลท์สำคัญในช่วงฤดูฝน เกิดจากดอกกระเจียวป่า หลากหลายสายพันธุ์ ที่ขึ้นหนาแน่นในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ. เทพสถิต จ. ชัยภูมิ
ทุ่งดอกกระเจียวสีชมพูปนขาว ลำต้นสีเขียว และก้านใบเป็นสีเขียวสด เมื่อประกอบกับสีเขียวเข้มของพืชหญ้า จะงดงามประดุจสรวงสวรรค์เลยทีเดียว
การชมทุ่งดอกกระเจียวควรมาช่วงเช้า จะมีสายหมอกบางๆ ปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ นอกจากนี้ยังมีลานหินงาม ที่มีรูปลักษณ์สวยงามแปลกตา จากการกัดเซาะของดินและหินทรายมาเป็นเวลานับล้านปี
ทุ่งดอกกระเจียวยังมีอีกหลายแห่งในอุทยานแห่งชาติไทรทอง แถมที่นี่ดอกเป็นสีขาวด้วย ในช่วงเทศกาลดอกกระเจียวบาน ทุ่งดอกกระเจียวที่อุทยานแห่งชาติไทรทอง จะบานช้ากว่าอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม ประมาณ 1 เดือน
หนึ่งในจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุทยานแห่งชาติไทรทอง คือ "ผาหำหด" ที่มีลักษณะเป็นแผ่นหินยื่นออกไปติดกับหน้าผา มีความสูงประมาณ 864 ม. จากระดับน้ำทะเล สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของ อ. ภักดีชุมพล ได้อย่างชัดเจน เมื่อขึ้นไปยืนจะรู้สึกหวาดเสียวสมชื่อ ช่วงเวลาน่าเที่ยวที่สุด คือ ช่วงฤดูฝน และฤดูหนาว
เที่ยวบุรีรัมย์ ความยิ่งใหญ่ที่ลงตัว
บุรีรัมย์ เป็นจังหวัดทางภาคอีสานตอนใต้ที่มีผู้คนสนใจมากจังหวัดหนึ่ง จากสนามฟุตบอลและสนามแข่งรถมาตรฐานระดับเวิร์ลด์คลาสส์ รวมถึงโบราณสถานที่ทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์
ปราสาทเมืองต่ำ ตั้งอยู่ อ. ประโคนชัย จ. บุรีรัมย์ เป็นศาสนสถานที่สร้างตามคติความเชื่อทางศาสนาฮินดู แบบศิลปะขอมโบราณ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 16-17 เพื่อถวายพระศิวะ มีลักษณะเป็นปราสาทอิฐ 5 องค์ ตั้งอยู่บนศิลาแลงอันเดียวกัน เรียงเป็น 2 แถวตามแนวทิศเหนือ/ใต้ มีสระน้ำ (บาราย) กรุด้วยศิลาแลง ทั้ง 4 ทิศ
สถานที่ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของบุรีรัมย์ คือ "ปราสาทพนมรุ้ง" ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว ใน อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. บุรีรัมย์ สร้างด้วยหินทรายสีชมพู ความงดงาม และยิ่งใหญ่อยู่ที่งานสถาปัตยกรรม ภาพแกะสลักลวดลายรูปเทพเจ้า และเรื่องราวทางศาสนา รวมถึงการจัดสรรพื้นที่ที่มีแผนผังชัดเจน
สิ่งที่ดึงดูดผู้คนต่างถิ่น ให้มาเยือนบุรีรัมย์เป็นจำนวนมาก คือ "นิว ไอ-โมบาย สเตเดียม" สนามฟุตบอลประจำสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเทด จุผู้ชมได้ถึง 24,000 คน ทุกวันจะมีการจัดทัวร์เดินชมสนาม ยกเว้นวันที่มีแข่งนัดเหย้า (เป็นเจ้าบ้าน) ใครที่สนใจสามารถเข้าชมได้ "ฟรี"
4 เส้นทางวิถีบูรพา
ท่องทะเลตะวันออก ความงดงามไร้ขีดจำกัด
เกาะสาก ห่างจากชายฝั่งพัทยาเพียง 10 กม. นั่งเรือขนส่งคนละ 150 บาท ใช้เวลาไม่เกินชั่วโมง หากเหมาเรือเร็วไป/กลับ ราคาจะพุ่งสูงถึง 3 ถึง 4 พันบาท ใช้เดินทางเพียง 20 นาทีก็ถึง นอกจากชายหาดที่สวยงามแล้ว บนเกาะยังมีรอยประทับพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพระบรมวงศานุวงศ์ คราวเสด็จพระราชดำเนินมายังเกาะ
รอบๆ เกาะสาก ยังคงมีสัตว์น้ำ โดยเฉพาะม้าน้ำ และแนวปะการังอยู่พอสมควร แต่เนื่องจากขาดการดูแลป้องกัน จึงทรุดโทรมไปตามกาลเวลา อย่างไรก็ตาม สำหรับนักดำน้ำแล้ว ที่นี่ถือเป็นสถานที่ดำน้ำที่ใกล้กรุงเทพ ฯ ที่สุด และเป็นเสมือนสนามสอบของนักดำน้ำทั้งหลายในเมืองไทย
ในระดับความลึก 9-12 ม. บริเวณอ่าวของเกาะสาก มีปลาซีมอธปากแหลม ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นตัวปลิงสั้นๆ ที่กางแขนออกมาจับพวกพแลงค์ตอนกิน และม้าน้ำที่เกาะอยู่บนตัวของหอยเม่น
นมัสการพระพุทธบาทพลวง เขาคิชฌกูฏ
เชื่อกันว่าหากได้ขึ้นไปสักการะขอพรกับพระพุทธบาทพลวง บนเขาคิชฌกูฏ จ. จันทบุรี แล้วจะสำเร็จสมปรารถนาทุกประการ แต่มีข้อแม้ว่า ขอพรได้เพียง "อย่างเดียว" เท่านั้น
ประเพณีเดินขึ้นยอดเขาคิชฌกูฏ สืบทอดกันมานาน เชื่อว่าผู้เข้าร่วมจะได้บุญสูง และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทน ความเพียร และความศรัทธา แม้ปัจจุบันจะมีรถบริการระยะทาง 8 กม. ให้ประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทได้สะดวกขึ้น แต่ก็ยังมีช่วงที่ต้องเดินเท้าขึ้นเขาไปอีก 1.2 กม. ซึ่งรอยพระพุทธบาทพลวง ที่ประดิษฐานอยู่บนเขาคิชฌกูฏ มีลักษณะเป็นรอยบนหินแผ่นใหญ่ กว้าง 1 ม. ยาว 2 ม. สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1,000 ม.
การขึ้นเขาคิชฌกูฏ ไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวขึ้น ต้องนั่งรถที่จัดเตรียมไว้เท่านั้น เนื่องจากเป็นทางแคบคดเคี้ยว และลาดชัน คนขับขึ้นได้ต้องฝึกฝนมาเป็นอย่างดี สามารถขึ้นไปท่องเที่ยวได้ตลอด 24 ชม.
เลาะเลียบทะเลตราด ตามเส้นทางสายบูรพา
ตราด เป็นจังหวัดสุดท้ายทางภาคตะวันออกริมฝั่งอ่าวไทย มีชายแดนติดกับประเทศกัมพูชา ที่ อ. คลองใหญ่ ตราด มีชื่อเสียงด้านการค้าชายแดน
ถ้าใช้เส้นทางจากตัวเมืองไป อ. คลองใหญ่ จะพบกับหาดต่างๆ มากมาย เช่น หาดทรายงาม หาดทรายแก้ว เป็นต้น แต่หากชอบเล่นน้ำแล้วละก็ "หาดบานชื่น" คงเป็นคำตอบสุดท้าย เพราะมีจุดเด่นที่น้ำทะเลใส และหาดทรายขาวเนื้อละเอียด
ช่วงก่อนสิ้นสุดถนนสุขุมวิท (3) บริเวณหลัก กม. ที่ 81 จะได้พบกับพื้นที่ส่วนที่แคบสุดของประเทศไทย วัดจากชายฝั่งทะเลเข้าไปจรดกับสันเขาบรรทัด มีความกว้างเพียงแค่ 450 ม. เท่านั้น
ขับเลยไปอีกนิดก็จะถึงชายแดนประเทศไทย ที่ ต. บ้านหาดเล็ก อ. คลองใหญ่ จ. ตราด ตลาดบ้านหาดเล็กมีสินค้าราคาถูกจากกัมพูชา เช่น เสื้อผ้า แว่นตา น้ำหอม เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ จากจุดนี้ถ้าใครอยากข้ามไปเที่ยวเกาะกง สามารถนั่งรถแทกซีจากพรมแดนฝั่งประเทศกัมพูชาได้เลย
จากตัวเมืองเลี้ยวขวาไป อ. แหลมงอบ จะเจอกับ "หาดทรายดำ" ทรายสีดำนี้ มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า ไลโมไนท์ (LIMONITE) ลักษณะเป็นสีน้ำตาลแดงไปจนถึงดำ เป็นแร่ที่เกิดจากการยุบตัวของเศษเหมือง และเปลือกหอย
ท้าทายความเงียบด้วยการส่องกระทิง ที่ตาพระยา
อุทยานแห่งชาติตาพระยา นอกจากกิจกรรมส่องกระทิง บนเนื้อที่กว่า 300,000 ไร่ ที่นี่ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกมากมาย อาทิ ป่าสลักได ป่าที่ถูกปกคลุมด้วยพืชที่มีลักษณะคล้ายต้นกระบองเพชร สูงประมาณ 10-15 ม.
เขายักษ์ ชื่อนี้มีที่มาจากก้อนหินขนาดใหญ่สูงประมาณ 2 ม. แกะสลักรูปฤาษีโบราณ สมัยอาณาจักรขอม ซึ่งมีเรื่องราวเร้นลับซ่อนอยู่ และเป็นบ้านอีกแห่งหนึ่งของกระทิงป่าฝูงใหญ่
ถัดจากป่าสลักไดประมาณ 1 กม. จะพบกับ "ละลุ" ประติมากรรมที่ธรรมชาติสร้างขึ้น มีอยู่ทั่วบริเวณอุทยานแห่งชาติตาพระยา เกิดจากการบิดตัวของเปลือกโลก ลักษณะเดียวกับแพะเมืองผี ที่ จ. แพร่
หรือจะขึ้น จุดชมวิวผาแดง สามารถนำรถขึ้นไปจอดบนยอดสุด ชมวิวทิวทัศน์ของกัมพูชาได้อย่างชัดเจน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยาน ฯ ประมาณ 2 กม. แล้วจึงแวะไปกินอาหารอีสานรสดั้งเดิมกับบรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำห้วยยาง อยู่ห่างจากจุดชมวิวผาแดง ระยะทางประมาณ 30 กม.
ฤดูกาลที่เหมาะสมกับการส่องกระทิง คือ ช่วงฤดูร้อน (ตั้งแต่เดือน กพ.-พค.) เนื่องจากความแห้งแล้งจะทำให้มันออกจากป่ารกทึบมายัง "โป่งเทียม" แหล่งอาหารที่เจ้าหน้าที่ทำไว้ให้ และบ่อน้ำที่ขุดขึ้นเป็นระยะตลอดสองข้างทาง
4 เส้นทางแอ่วอุดร
ย่ำหนาวบนดอยเหนือ ชมกุหลาบพันปี ที่เชียงราย
เชียงราย จังหวัดใหญ่ที่อดีตเคยอยู่ในอาณาจักรล้านนา ด้วยความหลากหลายทางภูมิศาสตร์ ทำให้เมืองนี้มีจุดท่องเที่ยวที่เย้ายวน อากาศอันหนาวเหน็บกลับกลายเป็นเสน่ห์
หากใครจะเดินทางมาสัมผัสไอหนาวที่เชียงราย "ภูชี้ฟ้า" คงเป็นจุดมุ่งหมายหลักจากบรรยากาศอันสุดแสนโรแมนทิค ที่ธรรมชาติสรรค์สร้างขึ้น แต่ถ้าต้องการไปถึงคำว่า "ที่สุด" เราขอแนะนำสถานที่อีกแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ห่างกัน นั่นคือ "ดอยผาตั้ง" สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของเชียงราย ยอดภูที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 1,635 ม. ด้านบนมองเห็นทัศนียภาพแบบพาโนรามาของเขตแดนทั้งฝั่งไทย และ สปป. ลาว นอกจากทัศนียภาพที่งดงามบนยอดดอยผาตั้ง ยังมี ต้นพระยาเสือโคร่ง หรือ ดอกซากุระเมืองไทย ที่จะบานสะพรั่งในช่วงต้นปี
จุดหมายต่อไป คือ "สวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง" ด้วยระยะทางเพียง 30 กม. จากดอยผาตั้ง แต่สภาพเส้นทางกลับสาหัสเอาการ ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 1 ชม. พระเอกของที่นี่ต้องยกให้กับ กุหลาบพันปี ในปีหนึ่งมีให้ชมเพียงแค่ฤดูหนาวเท่านั้น
752 โค้ง ก่อนถึงปาย...มีอะไรให้แวะ !?
ปาย เมืองท่องเที่ยวอีกหนึ่งแห่งในเขตพื้นที่ จ. แม่ฮ่องสอน เมืองเล็กๆ แห่งนี้ มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบ โอบล้อมด้วยป่าเขา และมีแม่น้ำปายตัดผ่านตัวเมือง หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวบ้านมานานแสนนาน
บนเส้นทางแม่มาลัย-ปาย ระยะทางประมาณ 100 กม. มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ "โป่งเดือดป่าแป๋" ลักษณะเป็นน้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดิน ที่บางครั้งสูงกว่า 2 ม. อุณหภูมิน้ำบนผิวดินสูงประมาณ 90-99 องศาเซลเซียส ถูกควบคุมดูแลโดยหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ภายในยังมีห้องอาบน้ำแร่ไว้บริการ และยังมีบ้านพัก และจุดกางเทนท์ไว้บริการอีกด้วย
ห่างจากโป่งเดือดประมาณ 20 กม. จะมีป้ายอุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "ดอยกิ่วลม" ทางขึ้นชมดอยจะมีความลาดชันอยู่พอสมควร ต้องใช้ความระมัดระวัง บนยอดดอยสามารถมองเห็นทัศนียภาพแบบพาโนรามาของ จ. เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และพื้นที่ของประเทศเพื่อนบ้านได้
ก่อนถึง อ. ปาย ประมาณ 40 กม. จะพบกับ "โป่งน้ำร้อนท่าปาย" ที่มีลักษณะเป็นโป่งน้ำร้อน 2 บ่อใหญ่ ที่ห้อมล้อมด้วยป่าไม้สัก บริเวณโป่งถูกปกคลุมด้วยหมอกควันบางๆ และมีกลิ่นฉุนเล็กน้อยของกำมะถัน
ภารกิจสุดหิน พิชิตดอย "ผ้าห่มปก" จ. เชียงใหม่
อุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีชื่อเสียงเรื่องความงดงามของธรรมชาติ และอากาศที่หนาวเหน็บ อุณหภูมิตลอดทั้งปีเฉลี่ยที่ 25 องศาเซลเซียส กลางวัน 14-19 องศาเซลเซียส แต่ถ้าดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า จะต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส
"ผ้าห่มปก" เป็นยอดดอยที่มีความสูงถึง 2,285 ม. ซึ่งเตี้ยกว่ายอดดอยอินทนนท์ที่สูงที่สุดในประเทศเพียงไม่กี่เมตร นับเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของไทย
จากปากทางเข้าขึ้นไปยังจุดกางเทนท์กิ่วลม ระยะทางประมาณ 20 กม. ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณ 1 ชม. ที่นี่เป็นลานกางเทนท์ที่สูงที่สุดในประเทศไทยกับความสูงประมาณ 1,900 ม. จากระดับน้ำทะเล การเดินทางต้องผ่าน "ม่อนวัดใจ" ซึ่งเป็นเส้นทางที่ชันสุดของทางเดินพิชิตยอดดอย
บริเวณใกล้ๆ ยังมี "บ่อน้ำพุร้อนฝาง" เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อ ภายในที่ทำการของอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก มีบ้านพัก และลานกางเทนท์ ที่รองรับนักท่องเที่ยวได้กว่า 500 คน ในส่วนของบ่อน้ำพุร้อนนั้น ได้จัดให้มีห้องแช่และอาบน้ำแร่ธรรมชาติเป็นห้องส่วนตัว และมีจักรยานเสือภูเขาให้เช่าขี่ลุยน้ำที่ "ห้วยแม่ใจ" ก็สนุกดีเหมือนกัน
มุดถ้ำ ย่ำน้ำตก ลิ้มรสอาหารอร่อย ที่เมืองสองแคว
พิษณุโลก จังหวัดใหญ่ทางภาคเหนือตอนล่าง ถูกขนาบด้วยแม่น้ำ 2 สาย คือ แม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำน่าน เป็นที่มาของสมญา "เมืองสองแคว"
เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าถ้ำผาท่าพล อยู่ใน อ. เนินมะปราง มีลักษณะเป็นภูเขาหินปูนอายุราว 360 ล้านปี ซึ่งหินปูนเหล่านี้เกิดจากเปลือกหอย พลับพลึงทะเล และปะการัง ทับถมกันนานหลายล้านปี จากการศึกษาของนักโบราณคดี ยืนยันว่าบริเวณนี้ในอดีตกาลเคยเป็นทะเลมาก่อน ที่นี่ยังเคยมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ชุกชุม อาทิ เลียงผา หมีควาย แต่ที่พบหนาตา คือ ลิงอ้ายเงี๊ยะ รูปลักษณ์ละม้ายกับลิงวอก และเป็นลิงป่าหายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว
แหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่า ฯ แห่งนี้ คือ ถ้ำ ที่มีอยู่ถึง 6 แห่ง ได้แก่ ถ้ำนเรศวร, ถ้ำเรือ, ถ้ำลอด, ถ้ำเต่า, ถ้ำค้างคาว และถ้ำผาแดง นอกจากนี้ยังมี "เพิงผาฝ่ามือแดง" เป็นหน้าผาที่มีภาพวาดผนังเพิงผาเป็นรูปมือและลายเส้นชัดเจนถึง 35 ภาพ รวมถึง "อักษรญี่ปุ่น" ชาวบ้านเชื่อกันว่าบริเวณนี้เคยเป็นเส้นทางเดินทัพของทหารญี่ปุ่น เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2
นอกจากนี้ยังมี ปอย และสกุโณทยาน 2 น้ำตกดัง ในวันน้ำแดง ซึ่งเป็นสายน้ำของแม่น้ำวังทอง มีต้นน้ำมาจากอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง แต่ไหลลดหลั่นลงมาจนทำให้เกิดสถานที่เที่ยว
4 เส้นทางล่องทักษิณ
เที่ยวเมืองระนอง ท่องสองแผ่นดิน
"ระนอง" เมืองที่ได้ชื่อว่า "ฝนแปดแดดสี่" แม้จะเป็นเพียงจังหวัดเล็กๆ แต่แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และประวัติศาสตร์ของที่นี่มีมากมายเหลือเกิน
ก่อนถึงตัวเมืองประมาณ 30 กม. เราจะเจอจุดชมวิว "เขาฝาชี" สถานที่ที่เคยเป็นค่ายทหารญี่ปุ่น เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บนยอดเขานี้เป็นสถานที่ชมทิวทัศน์และพระอาทิตย์อัสดงที่สวยงาม สามารถมองเห็นประเทศเมียนมาร์ และแม่น้ำกระบุรีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำละอุ่นได้อย่างชัดเจน
สถานที่ที่ต้องมาให้ได้ คือ "จวนเจ้าเมืองระนอง" อยู่ในตัวเมืองระนอง ซึ่งเป็นที่พักของเจ้าเมืองระนองคนแรก (พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี หรือคอซู้เจียง) สร้างขึ้นเมื่อปี 2420 จากอิฐสอปูนสดแบบจีน โครงด้านบนทำด้วยไม้
ถ้าเมื่อยล้า แนะนำให้พักร่างกายด้วยการแช่น้ำแร่ "บ่อน้ำร้อน สวนสาธารณะรักษะวาริน" เป็นบ่อน้ำร้อนที่ใกล้เมืองที่สุด มีอุณหภูมิสูงประมาณ 65 องศาเซลเซียส
ถ้าอยากไปเที่ยวเมืองนอกอย่าง "เกาะสอง" หรือ วิคทอเรียพอยท์แห่งเมียนมาร์ สามารถนั่งเรือจาก จ. ระนอง ข้ามไปเที่ยวชมวิถีชีวิตชาวเมียนมาร์ได้ เกาะสอง เป็นแหลมปลายสุดแผ่นดินทางตอนใต้ของเมียนมาร์
ลุยทางโหด ชมทะเลหมอก ที่ภูตาจอ พังงา
ภูตาจอ ชื่อนี้ตั้งตาม ตาจอ หรือ นายจอ ผู้บุกเบิกทำเหมืองแร่ดีบุกตั้งแต่ยุค 30 ปีก่อน ต่อมาในปี 2536 ได้มีการบุกเบิกจัดสรรสถานที่นี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดย อบต. เหล สภาพเส้นทางโหด และดิบ ต้องใช้รถโฟร์วีลดไรฟ เป็นพาหนะเท่านั้น
ระยะทางจากปากทางถึง ภูตาจอ ประมาณ 13 กม. ช่วง 6 กม. เป็นดินลูกรังธรรมดา แต่หากฝนตกเมื่อไหร่ งานเข้าแน่ๆ บางช่วงมีธารน้ำให้ข้ามผ่านเป็นระยะ เส้นทางช่วง 5 กม. สุดท้าย ก่อนถึงยอดของภูตาจอ สภาพเส้นทางในช่วงนี้จะมีเนินหินที่สูงชันผิดปกติ เรียกว่าโหดที่สุดในเส้นทางก็ว่าได้ เป็นเนินหินชัน ที่มีก้อนหินมากมาย ก้อนเล็กสุด ยังขนาดเท่ากำปั้น ถือว่าสาหัสพอสมควร
เมื่อถึงยอดภูตาจอ จะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 12-15 องศาเซลเซียส แต่ที่แปลกกว่าดอยอื่นๆ คือ ดินขาว ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ มันเกิดขึ้นเพราะการทำเหมืองดีบุก ก่อนหน้านี้เคยมีชาวมาเลย์ มาลงหลักปักฐานเพื่อจะทำเหมืองดินขาว แต่ถูกชาวบ้านคัดค้านไว้ จึงถอยทัพกลับประเทศไป คงเหลือไว้เพียงซากปรักหักพังของสิ่งปลูกสร้าง จนเรียกกันติดปากว่า ลานมาเลย์
สู่ขุนเขาแห่งป่าฝนสุราษฎร์ธานี
อุทยานแห่งชาติเขาสก ถือเป็นศูนย์กลาง "ขุนเขาแห่งป่าฝน" เป็นผืนป่าดิบชื้นผืนใหญ่ที่สุดของภาคใต้ ด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และอุดมไปด้วยพืชพรรณที่หายาก ได้แก่ บัวผุด ปาล์มเจ้าเมืองถลาง หรือปาล์มหลังขาว และปาล์มพระราหู นอกจากนี้ ยังเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด โดยเฉพาะสัตว์ป่าสงวน เก้งหม้อ เลียงผา สมเสร็จ และแมวลายหินอ่อน
ทิวทัศน์โดยรอบของอุทยาน ฯ มีความสวยงามและน่าอัศจรรย์ ทั้งน้ำตก หน้าผา ถ้ำ และรูปทรงของเขาหินปูน และถ้ามาช่วงฤดูฝน (พค.-ธค.) โชคดีอาจได้เห็นดอกบัวผุด นอกจากนี้ยังมีเขื่อนรัชชประภา หรือเขื่อนเชี่ยวหลาน เป็นเขื่อนที่มีความงดงามโดยรอบ ถ้าพอมีเวลา อยากให้ลองนั่งเรือไปอีกนิด จะพบยอดเขาหินปูนที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย จนได้รับฉายาว่า "กุ้ยหลินเมืองไทย" ที่งดงามไม่แพ้เมืองจีน
ระหว่างทางที่ อ. คีรีรัฐนิคม จะมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าอัศจรรย์อย่าง คลองน้ำใส มีลักษณะเป็นลำธารเล็กๆ ยาว 5 กม. ที่มีต้นกำเนิดจากตาน้ำที่ผุดขึ้นจากใต้ดิน กลางสวนปาล์มน้ำมัน น้ำที่พุ่งออกมามีความใสมาก สามารถมองเห็นลำธารได้ชัดเจน แต่สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็คือ ก้อนหินในลำธารจะมีสีดำ เมื่อใดที่มีคนผิวดำลงไปเล่นน้ำ ตัวเขาจะขาวนวลขึ้นในทันตา
ตะลอนเมืองประจวบ ฯ กับคนรู้ใจ
ประจวบคีรีขันธ์ ไม่ได้มีดีแค่ อ. หัวหิน แท้จริงแล้ว จังหวัดที่มีรูปร่างยาวเรียวแห่งนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมาก
ประจวบคีรีขันธ์ ได้ชื่อว่าเป็น "เมือง 3 อ่าว" เพราะพื้นที่ติดทะเลอ่าวไทยนั้นมีอยู่ด้วยกัน 3 อ่าว ที่ทอดตัวยาวติดกันโดยมี "อ่าวน้อย" อยู่ตอนเหนือสุด ต่อด้วย "อ่าวประจวบคีรีขันธ์" ซึ่งยาวโค้งมาจนจรดกับเขาล้อมหมวก ซึ่งก็คือ "อ่าวมะนาว" เป็นอ่าวสุดท้าย ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขตทหาร กองบินที่ 5
การชมอ่าวที่ง่าย และสวยงามที่สุดต้องขึ้นไปบน "เขาช่องกระจก" ซึ่งเป็นเขาที่สูงตระหง่านอยู่ริมทะเล มีความสูงถึง 245 ม. จากระดับน้ำทะเล ต้องเดินผ่านบันไดคอนกรีท จำนวน 396 ขั้น โดยมีฝูงลิงแสมคอยต้อนรับตลอดทาง ด้านบนสุดเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระบรมสารีริกธาตุ
ด้านบนยอดเขาสามารถเห็นอ่าวประจวบ ฯ ที่มีความยาวของชายหาดกว่า 8 กม. ได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเกาะเล็กเกาะน้อยอีกมากมาย ถ้าหันหลังไปทางแผ่นดินจะเห็นวัดธรรมิการาม ศาลากลางจังหวัด และตัวเมืองประจวบ ฯ อยู่เบื้องล่าง
4 เส้นทางเชื่อมภาคกลาง
นั่งเรือเที่ยวบึงบอระเพ็ด
บึงบอระเพ็ด เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ มีเนื้อที่กว่า 130,000 ไร่ ครอบคลุมพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อ. เมือง อ. ชุมแสง และ อ. ท่าตะโก ชาวบ้านหรือผู้เฒ่าผู้แก่นิยมเรียกกันในนาม "จอมบึง" หรือ ทะเลเหนือ ภายในบึงน้ำมีสัตว์น้ำจืดอาศัยอยู่ประมาณ 140 ชนิด พันธุ์พืชประมาณ 44 ชนิด และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกหลายอย่าง รวมถึงนกน้ำนานาพันธุ์ที่อพยพเข้ามาหากินทั่วบริเวณนี้ เป็นพันเป็นหมื่นตัว รวมถึงสัตว์ดุร้ายอย่าง จระเข้ ที่ชาวบ้านยืนยันว่ายังมีอยู่จริง แต่จะออกมาหากินในช่วงค่ำ
หลังจากชื่นชมความงามแล้ว แนะนำให้ขึ้นไปไหว้พระที่วัดคีรีวงศ์ ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ เขต อ. เมือง ภายในมีพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของประเทศไทย ไว้ให้สักการะบูชา เช่น พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร พระพุทธชินราช พระพุทธโสธร และพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง
ถ้ายังพอมีเวลาเหลือ ก่อนพลบค่ำอยากให้ไป "เขาหน่อ-เขาแก้ว" ซึ่งห่างจากตัวเมืองเกือบ 50 กม. ที่นี่เป็นที่อยู่ของค้างคาวนับล้านตัว พวกมันออกหากินตอนช่วงพลบค่ำ เริ่มต้นออกจากถ้ำ จนถึงตัวสุดท้าย ใช้เวลาหลายสิบนาที
สัมผัสสมุทรสงคราม หาความสุขแบบบ้านๆ ที่มีอยู่จริง !
เราคุ้นเคยดีกับวิวนาเกลือสีขาว ที่มีฉากหลังเป็นกังหันลมขนาดใหญ่ตลอดสองข้างทางไปจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นกรรมวิธีผลิตเกลือแบบบ้านๆ ที่อาศัยหลักการหมุนเวียนน้ำในนาเกลือที่ต่างระดับกัน โดยใช้กังหันลมเป็นตัววิดน้ำเข้าบ่อ เมื่อน้ำทะเลระเหยไปเหลือแต่ผลึกเกลือเม็ดสีขาว จากนั้นนำมาตากและจำหน่าย
เมื่อถึงตัวเมือง ไฮไลท์ห้ามพลาด คือ "ตลาดหุบร่ม" หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ตลาดเสี่ยงตาย ! มีลักษณะเหมือนตลาดสดทั่วไป แต่วางขายชิดรางรถไฟ ที่สำคัญรถไฟยังใช้วิ่งอยู่ทุกวันด้วย ด้วยความที่พ่อค้าแม่ค้าวางสินค้าบนพื้นจนกินเนื้อที่บนรางรถไฟ ทันทีที่ได้ยินเสียงหวูด พ่อค้าแม่ค้าก็ต้องรีบหุบร่ม และเก็บสินค้าของตัวเองให้เร็วที่สุด
นอกจากตลาดน้ำอัมพวาแล้ว ยังมี "ตลาดน้ำท่าคา" ที่เป็นตลาดเก่าแก่แห่งแรกของสมุทรสงครามด้วย ตลาดนี้จะเปิดเพียงเดือนละ 6 วันเท่านั้น (ทุกๆ 5 วัน) เฉพาะในวันขึ้นหรือแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ ตลาดน้ำแห่งนี้ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้านอย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงวันที่ตลาดเปิด ชาวบ้านก็จะพายเรือนำผลผลิตจากสวนของตัวเองมาขาย เริ่มตั้งแต่ 8 โมง จนถึง 11 โมง
ดื่มด่ำทะเลสาบแก่งกระจาน เรียนรู้โครงการชั่งหัวมัน
ชั่งหัวมัน เป็นชื่อโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใน จ. เพชรบุรี พื้นที่แต่เดิมมีสภาพเสื่อมโทรม ด้วยความเอาพระทัยใส่ของพระองค์ท่าน ที่อยากเห็นราษฎรใช้ที่ดินของตัวเองให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซื้อที่ดินกว่า 250 ไร่ มีพระราชดำริให้ใช้พื้นที่เหล่านี้ เพื่อทดลองเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจต่างๆ โดยไม่พึ่งพาสารเคมีใดๆ
ในสมัยที่ตั้งโครงการ ฯ ขึ้นใหม่ ชาวบ้านมักแปลความหมายชื่อโครงการไปต่างๆ นานา บ้างก็ว่า "ช่างหัวมัน" หมายถึง ปล่อยวาง ตัดจากปัญหาต่างๆ แต่แท้จริงแล้วหมายถึง "ชั่งน้ำหนักหัวมันในตาชั่ง" นั่นเอง เนื้อที่สุดลูกหูลูกตาของโครงการ ฯ นี้ ถูกจัดสรรทำการเกษตรแบบผสมผสาน มีแปลงทดลองปลูกพืชเศรษฐกิจหลากหลายชนิด
พอเยี่ยมชมโครงการ ฯ เสร็จ แนะนำให้มุ่งสู่เขื่อนแก่งกระจานที่อยู่ถัดไปไม่ไกลนัก เขื่อนแก่งกระจาน ตั้งอยู่ใน อ. แก่งกระจาน จ. เพชรบุรี มีลักษณะเป็นเขื่อนดิน โดยมีความยาวของสันเขื่อน 760 ม. รอบๆ บริเวณเขื่อนเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือชมทัศนียภาพรอบเกาะได้ โดยเฉพาะการชมฝูงลิงว่ายน้ำ ถ้ามาช่วงน้ำลดมากๆ เราสามารถนำรถยนต์ส่วนตัวลงไปวิ่งเล่นริมชายหาดได้
ลุยแม่สอดไปพบพระ
"ตาก" เป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย ทั้งป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ ดอกไม้เมืองหนาว วัดวาอารามศิลปะเมียนมาร์ รวมถึงตลาดริมเมยที่เลื่องชื่อ ทั้งหมดนี้พบได้ที่ อ. แม่สอด และ อ. พบพระ
บนทางหลวงหมายเลข 12 มุ่งหน้าสู่ อ. แม่สอด จะมีสถานที่แวะเที่ยวชมมากมาย เช่น ตลาดมูเซอ ศาลเจ้าพ่อพะวอ วัดโพธิคุณ และเนินพิศวง เมื่อถึงตัวเมืองแม่สอด ก็มุ่งหน้าสู่ อ. พบพระ อีก 40 กม. ระหว่างทางจะเห็นสวนดอกกุหลาบมากมาย เพราะ อ. พบพระ เป็นแหล่งปลูกกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย เนื่องจากมีสภาพดินฟ้าอากาศและอุณหภูมิเหมาะสม
ถ้าไปเที่ยวน้ำตกพาเจริญในช่วงเดือน สค.-ตค. นอกจากจะได้ชมความสวยงามของน้ำตกหินปูนแล้ว ยังได้พบกับทุ่งดอกกระเจียวสีส้มสดที่มีอยู่มากมายภายในอุทยาน ฯ แต่ถ้าใครชอบเดินป่าศึกษาธรรมชาติ แนะนำให้ขับรถไปอีก 20 กม. เพื่อไปยัง "น้ำตกป่าหวาย" ที่นี่มีทางเดินศึกษาธรรมชาติระยะสั้น เริ่มจากน้ำตกพิศวง ที่มีสายน้ำไหลบางๆ ลงไปในช่องลึก ถ้ำหนู ถ้ำค้างคาว ถ้ำงู เมื่อเดินไปอีกนิดจะเจอกับต้นกระบากยักษ์ที่ต้องใช้หลายคนโอบถึงจะมิด
หลังจากนั้นก็เดินทางมาถึงน้ำตกป่าหวาย น้ำตกหินปูนที่ตั้งชื่อตามสภาพที่มีต้นหวายขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยมีชั้นหลักๆ ถึง 7 ชั้น โดยมีต้นหวายขึ้นแซม ดูสวยงามไม่น้อย
5 เส้นทาง "โหด" สุดประจิมที่ริมขวาน
ปิเต็ง เจ้าของฉายา "เสือซ่อนเล็บ"
ถ้านึกถึงผืนป่าตะวันตก แค่เพียงกาญจนบุรีจังหวัดเดียว ก็สามารถสื่อความหมายถึงเส้นทางของภาคนี้ได้อย่างดี
ปิเต็ง เจ้าของฉายา "เสือซ่อนเล็บ" ในอดีตมีการทำเหมืองแร่ดีบุกและวุลแฟรม เส้นทางที่เคยใช้เป็นทางลำเลียงแร่แล้วก็ปล่อยร้าง ร่องที่ถูกน้ำกัดเซาะทุกปี นานวันเข้าเกิดเป็นร่องวีขนาดใหญ่ เส้นทางจึงบังคับให้รถต้องพิงผนังที่เต็มไปด้วยหินลูกรัง ทั้งซ้ายและขวาสลับกันไป
เส้นทางนี้ ได้ถูกยกขึ้นหิ้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความหฤโหดมีมากน้อยขนาดไหนก็ลองจินตนาการดูกันเอาเอง ว่าระยะทางประมาณ 6 กม. หากเป็นช่วงฤดูฝน ต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อย 2 วัน ส่วนขากลับก็คูณ 2 เข้าไป ในกรณีที่รถไม่พัง หากรถพัง ก็ต้องนอนรอให้เด็กกะเหรี่ยงแบกอะไหล่มาให้ จะใช้เวลาอีกสักกี่วันก็สุดแล้วแต่ว่าจะซ่อมเสร็จตอนไหน
ทุ่งใหญ่นเรศวร ความงามที่ต้องแลกด้วยความโหด
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร อ. สังขละบุรี จ. กาญจนบุรี บนพื้นที่กว่า 2 ล้านไร่ ที่ทอดตัวอยู่ระหว่างรอยต่อของเทือกเขาถนนธงชัยตอนปลาย เทือกเขาตะนาวศรีตอนต้น ที่ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าน้อยใหญ่จำนวนมาก
ผู้ที่ต้องการเดินทางไปเยือน ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ หรือขอหนังสือรับรองจากกรมป่าไม้ เพื่อนำไปยืนยันถึงวัตถุประสงค์ในการเดินทางก่อน ส่วนเส้นทางเข้ามีอยู่ 2 เส้นทาง คือ เข้าทางด่านสะเน่พ่อง-เกาะสะเดิ่ง-ทิไล่ป้า-พุจือ-จะแก-แม่กะสะ-เซซาโว่ และอีกเส้นทาง คือ ด่านทิคอง-ทินวย-แม่น้ำโจน-ซ่งไท้-ดงวี่-เซซาโว่
เส้นทางทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นดินลูกรังสลับหินลอย หากเข้าทางด่านสะเน่พ่องก็จะต้องข้ามลำห้วยก่อนถึงด่านเกาะสะเดิ่ง เกือบ 20 ลำห้วย หากฝนตกสภาพก็จะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที
เส้นทางในทุ่งใหญ่นเรศวร นั้นดูเหมือนไม่สาหัสนัก แต่ด้วยระยะทางในป่าที่มีความยาวเป็น 100 กม. ห้ามประมาทเด็ดขาด หากเผลอเพียงนิดเดียว รับรองว่าได้กินข้าวลิงแน่นอน โดยเฉพาะเนินเทวดา เหมือนที่หลายๆ คนเรียกสถานที่นี้ว่า "สุสานออฟโรด"
ตะเพินคี่ ต้นกำเนิดสายน้ำ 3 จังหวัด
"ตะเพินคี่" ที่นี่มีหมู่บ้านของชาวกะเหรี่ยงด้ายเหลือง ที่อาศัยมากว่า 200 ปี อยู่บนภูเขาสูง เป็นแนวเขาติดต่อกับเทือกเขาตะนาวศรี ตั้งอยู่ในเขต อ. ด่านช้าง บนรอยต่อพื้นที่ 3 อำเภอของ 3 จังหวัด ประกอบด้วย อ. ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี อ. บ้านไร่ จ. อุทัยธานี และ อ. ศรีสวัสดิ์ จ. กาญจนบุรี
ผืนป่า และต้นน้ำตะเพินคี่ ยังคงสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติพุเตย มีพื้นที่รวมกันกว่า 4 ล้านไร่
เส้นทางเริ่มจาก อ. ด่านช้าง จ. สุพรรณบุรี ถึงบ้านกล้วยป่าผาก ซึ่งเป็นปากทางเข้า ระยะทางประมาณ 120 กม. จากจุดนี้ถึงโรงเรียนตะเพินคี่อีกประมาณ 13 กม. จะเป็นถนนลูกรังเลี้ยวลดขึ้นไปตามไหล่เขา หากมีฝนเมื่อไหร่ก็จะแปรสภาพเป็นดินหนังหมู เส้นทางถึงโรงเรียนยังไม่ถือว่าสาหัส แต่หากลงไปที่หน่วยพิทักษ์ป่าตะเพินคี่ด้านใน ซึ่งมีระยะทางประมาณ 5 กม. ขากลับเป็นทางชันขึ้นเขาตลอด สภาพดินมีทั้งหนังหมู และมันปู คงไม่ต้องบรรยายสรรพคุณสำหรับผู้ที่เคยเจอมา
น้ำตกผาสวรรค์ นิยามของทะเลโคลน
หากใครชอบเล่นโคลน ต้องไปที่ "น้ำตกผาสวรรค์" ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ทางเข้าน้ำตกมีหลายเส้นทาง แบบถึงใจขาลุยสายโหด ก็ต้องเข้าทางหมู่บ้านลิ้นถิ่น ซึ่งเป็นดินป่าไผ่ และปลักโคลนตลอดเส้นทาง แต่ถ้าต้องการสะดวกหน่อยก็เข้าทางหมู่บ้านสหกรณ์นิคม ที่อ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการบทความและสารคดี 4wheels
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มิถุนายน ปี 2559
คอลัมน์ Online : ท่องเที่ยว
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/37314