ผลทดสอบ
4 WHEELS ทดสอบรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ทางเลือกใหม่ในตลาด ทั้งคู่ไม่ใช่คู่ปรับคู่เปรียบกันโดยตรง เพราะต่างมีลักษณะเฉพาะที่ไม่ซ้ำใคร คันแรก นิสสัน เอกซ์-ทเรล ไฮบริด เป็นรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี แบบไฮบริด เน้นกำลังแรงและประหยัด พร้อมราคาเปิดตัวโดนใจ จนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ส่วนคันที่ 2 ซูบารุ เลอโวร์ก เป็นสเตชันแวกอน มาดสปอร์ท คู่แข่งในตลาดน้อยมาก เหมาะสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่ที่นิยมความแตกต่าง หน้าตาโดดเด่น สมรรถนะการขับขี่ และกำลังเครื่องยนต์ดี
4 WHEELS ทดสอบรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ทางเลือกใหม่ในตลาด ทั้งคู่ไม่ใช่คู่ปรับคู่เปรียบกันโดยตรง เพราะต่างมีลักษณะเฉพาะที่ไม่ซ้ำใคร คันแรก นิสสัน เอกซ์-ทเรล ไฮบริด เป็นรถครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี แบบไฮบริด เน้นกำลังแรงและประหยัด พร้อมราคาเปิดตัวโดนใจ จนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว ส่วนคันที่ 2 ซูบารุ เลอโวร์ก เป็นสเตชันแวกอน มาดสปอร์ท คู่แข่งในตลาดน้อยมาก เหมาะสำหรับครอบครัวรุ่นใหม่ที่นิยมความแตกต่าง หน้าตาโดดเด่น สมรรถนะการขับขี่ และกำลังเครื่องยนต์ดี
NISSAN X-TRAIL HYBRID
ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี เทคโนโลยีทันสมัย
นิสสัน เอกซ์-ทเรล ไฮบริด ที่เรานำมาทดสอบด้วยเครื่องมือดาทรอน เป็นรุ่นทอพ 2.0 วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฮบริด (2.0 V 4WD HYBRID)
ภายนอกหรูหรา มิติตัวรถ ยาว/กว้างสูง 4,640/1,820/1,710 มม. ระยะฐานล้อ 2,705 มม. สัดส่วนตัวรถพอๆ กับ เอกซ์-เทรล รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน มีแค่ความสูงตัวรถที่รุ่น ไฮบริด น้อยกว่า 10 มม. เท่านั้น
ไฟหน้าแบบแอลอีดี พโรเจคเตอร์ ปรับระดับสูง/ต่ำอัตโนมัติ พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวันแบบแอลอีดี ไฟตัดหมอกทรงกลมพร้อมกรอบโครเมียม รุ่น ไฮบริด ตกแต่งกรอบโครเมียมกับสีฟ้าที่กระจังรูปตัววี และคิ้วขอบกันชนด้านหน้า รวมถึงคิ้วขอบประตูท้าย และสัญลักษณ์ไฮบริดข้างประตูหน้าและด้านท้าย กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับด้วยไฟฟ้า มีระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ เสาอากาศแบบครีบฉลาม ให้ความรู้สึกสปอร์ท พร้อมราวหลังคา ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และยางขนาด 225/65 R17
ห้องโดยสารหรูหรา สะดวกสบาย พวงมาลัย 3 ก้านทรงสปอร์ท พร้อมมัลทิฟังค์ชันควบคุมเครื่องเสียง และระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ครูสคอนทโรล ใช้ระบบกุญแจอัจฉริยะ และปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
เบาะนั่งหนังแท้สีดำ เบาะคนขับและผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แยกซ้าย/ขวา เบาะนั่งแถวที่ 2 พับได้แบนราบ พื้นที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ เพราะเบาะนั่งแถว 3 ถูกยกออกไปเพื่อแทนที่ด้วยชุดแบทเตอรี เหลือไว้เพียงแผงปิดและฝากล่องเก็บของในห้องสัมภาระท้ายรถ ประตูท้ายเปิด/ปิดอัตโนมัติ (AUTO LIFT GATE) สามารถปรับตั้งระดับความสูงในการเปิดฝาท้ายได้ด้วย
เรือนไมล์ออกแบบพิเศษ หน้าจอแสดงผล 3 มิติ (MID) แสดงข้อมูลการทำงานของระบบไฮบริด ทั้งการชาร์จไฟ จ่ายไฟ รวมถึงระบบการทำงานควบคู่กับเครื่องยนต์ เครื่องเสียงแบบบิลท์-อิน คอนโซล หน้าจอสัมผัสพร้อมระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบนำทางจีพีเอส ที่ทันสมัย สามารถใช้สมาร์ทโฟนเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน นิสสัน คอนเนคท์ อัพเดทเรื่องราวต่างๆ ผ่านโซเชียลเนทเวิร์คได้ทันที พร้อมระบบสั่งงานด้วยเสียง ติดตั้งกล้องมองภาพรอบทิศทาง (AVM)
ผลการทดสอบระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร ที่ความเร็วต่ำ 60/80 กม./ชม. เสียงรบกวนอยู่ในเกณฑ์เฉลี่ย ความเร็วคงที่ 100/120 กม./ชม. ระดับเสียงรบกวนเงียบลง ทำได้ค่อนข้างดี เทียบกับ เอกซ์-ทเรล รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ พบว่าระดับเสียงรบกวนเท่ากันพอดิบพอดี ทุกช่วงความเร็ว แสดงว่ามอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ไม่ได้มีเสียงรบกวนมากขึ้นกว่าเดิมเลย
เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง ดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 16 วาล์ว ไดเรคท์อินเจคชัน รหัส MR20DD ให้กำลังสูงสุด 144 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 20.4 กก.-ม. ที่ 4,400 รตน. ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า (รหัสมอเตอร์ RM31) ขนาด 30 กิโลวัตต์ กำลังสูงสุด 41 แรงม้า และแรงบิดที่ 16.3 กก.-ม. ใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน และเมื่อทำงานร่วมกันทั้งเครื่องยนต์ และมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุดรวมถึง 179 แรงม้า ขับเคลื่อนด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน (XTRONIC CVT) 7 จังหวะ พร้อมโหมดบวก/ลบ
ผลทดสอบด้วยดาทรอน อัตราเร่งช่วงต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ 10.4/17.5 วินาที ส่วนความเร็วปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 32.0 วินาที อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี เทียบกับ เอกซ์-เทรล รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน พบว่า อัตราเร่งแรงกว่ารุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ และดีพอๆ กับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ
ช่วงเร่งแซงในเมือง 60-100 กม./ชม. และบนถนนหลวงนอกเมือง 80-120 กม./ชม. ทำได้ 5.9/7.4 วินาที อยู่ในเกณฑ์ดี ใกล้เคียงกับ เอกซ์-ทเรล เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร
วัดอัตราสิ้นเปลือง จากความเร็วคงที่ในช่วง 60/80/100/120 กม./ชม. ทำได้ 21.8/15.7/13.3/10.4 กม./ลิตร เทียบจากอัตราสิ้นเปลืองแล้วพบว่า กินกว่า เครื่องยนต์เบนซิน 2.0/2.5 ลิตร ของ เอกซ์-ทเรล อยู่เล็กน้อย มีแค่ช่วงความเร็วคงที่ 60 กม./ชม. ที่กินพอๆ กับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร และช่วงความเร็วปลาย 120 กม./ชม. ที่สิ้นเปลืองพอๆ กับเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ของ เอกซ์-ทเรล นอกจากนี้ อัตราสิ้นเปลืองยังเป็นรองคู่แข่ง ในกลุ่มรถยนต์ไฮบริดด้วยกัน อยู่พอสมควร
ช่วงล่างนุ่มนวล นั่งสบาย จังหวะเข้าโค้ง ไม่พบอาการโยนตัวหรือโคลงมาก พวงมาลัยไฟฟ้าตอบสนองดี มีน้ำหนัก ช่วยบังคับควบคุมรถได้อย่างมั่นใจและแม่นยำ
ระบบเบรคแบบจาน พร้อมช่องระบายความร้อนหน้า/หลัง มี บีเอ เสริมแรงเบรค และอีบีดี ช่วยกระจายแรงเบรค ติดตั้งระบบความปลอดภัย ครบทั้งระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันการลื่นไถลขณะถนนลื่น เอบีแอลเอส มีระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน
ทดสอบเบรคที่ความเร็ว 60/80/100-0 กม./ชม. ทำได้ 15.7/27.9/43.4 ม. อยู่ในระดับค่อนข้างดี เทียบกับ เอกซ์-ทเรล รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน ทั้ง 2.0/2..5 ลิตร ขับเคลื่อน 4 ล้อ พบว่า ระยะเบรคของ เอกซ์-ทเรล ไฮบริด สั้นกว่าค่อนข้างชัดเจน ลองเทียบกับ มาซดา ซีเอกซ์-5 เบนซิน 2.0 ลิตร และฮอนดา ซีอาร์-วี เบนซิน 2.0 ลิตร พบว่า นิสสัน เอกซ์-ทเรล ไฮบริด มีระยะเบรคที่สั้นกว่าทุกช่วง
นิสสัน เอกซ์-ทเรล 2.0 วี ขับเคลื่อน 4 ล้อ ไฮบริด มาเติมเต็มเซกเมนท์ เน้นการใช้งานในเมือง จากผลทดสอบ อัตราเร่งโดดเด่นพอๆ กับรุ่นเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ขับสนุก ใช้งานในเมืองคล่องตัว ภายในล้ำสมัย แต่ใช้งานง่าย มีภาษาไทยบอกการทำงานของระบบต่างๆ ชัดเจน อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบ ขับและนั่งสบาย เบรคมั่นใจ แถมราคาขายยังน่าจับจอง แม้อัตราสิ้นเปลืองจะไม่ประหยัดมากนักก็ตาม
ข้อมูลจำเพาะ นิสสัน เอกซ์-ทเรล 2.0 วี 4WD ไฮบริด
ผู้แทนจำหน่าย
บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2401-9600
มิติ และน้ำหนัก�
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,640/1,820/1,710
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,575/1,575
ฐานล้อ (มม.) 2,705
น้ำหนัก (กก.) 1,665
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 60
เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว TWIN C-VTC
ความจุ (ซีซี) 1,997
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 84.0/90.1�
อัตราส่วนกำลังอัด 11.2:1�
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 144/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 20.4/4,000
มอเตอร์ไฟฟ้า
กำลังสูงสุด (แรงม้า) 41
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม.) 16.3
กำลังรวมสูงสุด (แรงม้า) 179
ระบบถ่ายทอดกำลัง�
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ 7 XTRONIC CVT
ขับเคลื่อน (ล้อ) 4 ล้อ
ระบบรองรับ�
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ มัลทิลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว ฟันเฟืองและตัวหนอน เพาเวอร์ไฟฟ้า�
ระบบห้ามล้อ� เอบีเอส อีบีดี
หน้า/หลัง จาน พร้อมช่องระบายอากาศ
ราคา (บาท) 1,395,000
ผลทดสอบจากเครื่องวัดสมรรถนะดาทรอน อัตราเร่ง (วินาที)
0-60 กม./ชม. 4.8
0-80 กม./ชม. 7.1
0-100 กม./ชม. 10.4
0-120 กม./ชม. 14.7
0-140 กม./ชม. 20.5
0-400 ม. 17.5 วินาที ที่ความเร็ว 130.6 กม./ชม.
0-1,000 ม. 32.0 วินาที ที่ความเร็ว 163.4 กม./ชม.
อัตราเร่งยืดหยุ่น (วินาที)
60-100 กม./ชม. 5.9
80-120 กม./ชม. 7.4
ห้ามล้อเมื่อหยุดรถกะทันหันจากความเร็ว (ม./ค่าจี)
60-0 กม./ชม 15.7/0.90
80-0 กม./ชม. 27.9/0.90
100-0 กม./ชม. 43.4/0.91
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (เดซิเบล A)
ที่ความเร็ว 0 กม./ชม. (จอดนิ่ง) 37 (EV) 46
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. 60
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. 63
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. 65
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. 68
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ความเร็วคงที่ (กม./ชม.) กม./ลิตร ลิตร/100 กม.
60 21.8 4.6
80 15.7 6.4
100 13.3 7.5
120 10.4 9.6
0-100 กม./ชม. ควอร์เตอร์ไมล์ 0-400 ม. ระยะเบรค 100-0 กม./ชม.
10.4 วินาที 17.5 วินาที ที่ 130.6 กม./ชม. 43.4 ม.
มิติตัวรถ ยาว 4,640 มม. กว้าง 1,820 มม. และสูง 1,710 มม. ฐานล้อ 2,705 มม.
ช่วงล้อหน้า/หลัง 1,575/1,575 มม.
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------
SUBARU LEVORG 1.6 GT-S
สเตชันแวกอน น้องใหม่
ซูบารุ เลอโวร์ก รถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดที่แนะนำโดย บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด LEVORG เป็นการผสานคำว่า LEGACY, REVOLUTION และ TOURING เข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ความหมายของรถยนต์ที่ครบครัน ทั้งสมรรถนะและดีไซจ์นที่โดดเด่น
ภายนอกปราดเปรียว ดูลงตัวในแบบสเตชันแวกอน ยุคใหม่ มิติ ความยาว/กว้าง/สูง 4,690/1,780/1,490 มม. ระยะฐานล้อ 2,650 มม. สัดส่วนตัวรถยาวกว่า โวลโว เอส 40 ครอสส์คันทรี พอสมควร ส่วนความสูง ความกว้าง และระยะฐานล้อ นั้นใกล้เคียงกัน
เลอโวร์ก เน้นความเป็นสปอร์ททัวริง ซึ่ง ซูบารุ มีความเชี่ยวชาญ ด้านหน้ารถติดตั้งกระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมที่เป็นเอกลักษณ์ สอดรับกับไฟหน้าทรงตาเหยี่ยว มีสกูพช่องดักลม สำหรับระบายอินเตอร์คูเลอร์ ที่มาช่วยเสริมมาดดุดัน ไฟหน้าติดตั้งชุด HIGH BEAM ASSIST ปรับตำแหน่งลำแสงไฟหน้า ระหว่างไฟสูงและไฟต่ำโดยอัตโนมัติ เพิ่มวิสัยทัศน์ตามสภาพของถนน (ที่ความเร็วกว่า 55 กม./ชม.) ไฟเดย์ไทม์ รันนิง ไลท์ ทรงเหลี่ยม หลอดฮาโลเจน ส่วนไฟตัดหมอกเป็นทรงกลม แนวเส้นด้านข้างและแนวกระจกสอดรับกันอย่างลงตัว
ฝาท้ายแบบเปิดยกขึ้น ล้อแมกลายก้านสวยงาม ขนาด 18 นิ้ว ไฟท้ายใช้หลอดแอลอีดี ทันสมัย
ห้องโดยสารกว้างขวางเพียงพอสำหรับครอบครัว ที่พักแขนและคอนโซลกลางใช้วัสดุคุณภาพสูง หรูหรามากขึ้น แผงหน้าปัดแบบสปอร์ท มาตรวัดทรงกลมคู่ พร้อมจอแสดงข้อมูลแบบแอลซีดี ขนาด 3.5 นิ้ว พวงมาลัยมัลทิฟังค์ชันแบบ 3 ก้านทรงสปอร์ท ควบคุมเครื่องเสียง และครูสคอนทโรล และระบบสั่งงานด้วยเสียง
ระบบปรับอากาศแบบแยกซ้าย/ขวา ควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ แผงหน้าปัดที่กว้างขวางรวมเอาช่องเสียบไฟขนาด 12 โวลท์ และฝาปิดที่วางแขนไว้ด้วย อีกทั้งยังมีกระเป๋าที่ด้านหลังของเบาะหน้า ที่วางแก้ว 4 อัน ช่องว่างใส่ของทั่วไปที่ประตูหน้าและประตูหลัง แต่ละอันมีช่องใส่ขวดน้ำด้วย
เบาะหลังแบบแยกส่วน 60:40 เครื่องเสียงแบบบิลท์-อิน คอนโซล หน้าจอทัชสกรีน รองรับ ซีดี เอมพี 3 และบลูทูธ และกล้องมองหลัง
แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะดูกะทัดรัด แต่ เลอโวร์ก ก็มีห้องสัมภาระใหญ่ที่สุดถึง 522 ลิตร เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับพับราบเรียบ นอกจากนี้ ยังมีฝาปิดสัมภาระที่พับเก็บได้ น้ำหนักเบาแต่แข็งแรง และสามารถถอดออกได้โดยง่าย เมื่อต้องการใส่สัมภาระขนาดใหญ่
ผลการวัดระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสารของ เลอโวร์ก ความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. ทำได้ 64/66/68/69 เดซิเบล เสียงรบกวนอยู่ในระดับพอใช้ โดยเฉพาะช่วงความเร็วต่ำ 60/80 กม./ชม. เทียบกับรถเอสเตทแวน ที่เคยทดสอบมาอย่าง โวลโว วี 50 และมีนี คูเพอร์ คันทรีแมน พบว่าระดับเสียงพอๆ กัน โดยเฉพาะช่วงความเร็วปลาย
เครื่องยนต์บอกเซอร์ บลอคใหม่ พัฒนาจาก EJ25 ใน เลกาซี 2.5 ไอ แบบ 4 สูบนอน ขนาด 1.6 ลิตร พร้อมระบบดีไอที หรือ ไดเรคท์อินเจคชัน เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 170 แรงม้า ที่ 4,800-5,600 รตน. แรงบิดสูงสุด 25.5 กก.-ม. (250 นิวตัน-เมตร) ที่ 1,800-4,800 รตน. ขับเคลื่อนด้วยเกียร์ซีวีที ลิเนียร์ทรอนิคส์
จากผลทดสอบด้วยดาทรอน พบว่าเครื่องยนต์เบนซิน บลอคนี้ ตอบสนองค่อนข้างดี อัตราเร่งพอตัว สำหรับบอดีที่ยาวขนาดนี้ อัตราเร่งตีนต้น 0-100 กม./ชม. และ 0-400 ม. ทำได้ 11.3/18.1 วินาที อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี และยังทำได้พอๆ กับเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 เทอร์โบของ ปโรตอน เอกโซรา เทอร์โบ ส่วนความเร็วปลาย 0-1,000 ม. ทำได้ 32.7 วินาที จัดว่าค่อนข้างดี
จังหวะเร่งแซง 60-100 กม./ชม. และ 80-120 กม./ชม. ทำได้ 6.1 และ 7.2 วินาที อยู่ในระดับค่อนข้างดี ในช่วง 60-100 กม./ชม. ทำได้ใกล้เคียงกับ ปโรตอน เอกโซรา 1.6 เทอร์โบ และ 80-120 กม./ชม. ใกล้เคียงกับ เมร์เดซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์ 180 เครื่องยนต์ 1.6 เทอร์โบ เช่นกัน
อัตราสิ้นเปลืองของ ซูบารุ เลอโวร์ก ช่วงความเร็ว 60/100/120 กม./ชม. ทำได้ 23.6/19.3/14.4/11.3 กม./ลิตร ประหยัดในเกณฑ์ดี มีช่วงความเร็ว 60 กม./ชม. เทียบกับรถเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 เทอร์โบ ที่ได้ทดสอบมา พบว่าค่อนข้างประหยัด มีเพียง เมร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสส์ 180 เท่านั้นที่มีอัตราสิ้นเปลืองต่ำกว่าทุกช่วง
ระบบรองรับด้านหน้าแบบอิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังแบบดับเบิลวิชโบน เซทชอคอับและสปริงที่เน้นความนุ่มนวลในแบบรถอเนกประสงค์มากขึ้น ขับแล้วรู้สึกถึงความสบายในแบบรถครอบครัว ติดตั้งระบบเบรคแบบจาน พร้อมครีบระบายความร้อน ทั้งหน้าและหลัง เสริมด้วยระบบ ABS ป้องกันล้อลอค ระบบกระจายแรงเบรค EBD และระบบเสริมแรงเบรค BA ตลอดจนระบบ HSA ช่วยออกตัวบนทางชัน ระบบ HDC ช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน และยังมีระบบ VDC ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบ TCS ควบคุมการลื่นไถล
ซูบารุ เลอโวร์ก พัฒนาระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันและเชิงปกป้อง ระบบ SYMMETRICAL AWD ให้การทรงตัวที่มั่นคงและคล่องแคล่ว
ผลจากการทดสอบเบรค เลอโวร์ก เซทเบรคมาลงตัว ตอบสนองเท้าดี ไม่ต้องออกแรงกดเยอะ จากผลทดสอบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100-0 กม./ชม. ทำได้อยู่ที่ 15.4/26.5/42.3 ม. อยู่ในระดับที่ดี ระยะเบรคสั้นหยุดรถมั่นใจ และยังทำได้ใกล้เคียงกับ โวลโว วี 50 เอสเตท ที่เคยทดสอบมาอีกด้วย
ซูบารุ เลอโวร์ก 1.6 จีที-เอส เป็นรถครอบครัวที่มีบุคลิกหน้าตาโดดเด่นมาก โดยเฉพาะด้านหน้าที่ตกแต่งมาได้สปอร์ทเต็มตัว รูปลักษณ์โดยรวมสวยงามทันสมัย มีเอกลักษณ์ค่อนข้างชัดเจน สมรรถนะเครื่องยนต์ ปรับลดความดุดันลงไปมาก เน้นตอบสนองดี ขับขี่สบาย คล่องตัว เบรคมั่นใจ มีเพียงราคาค่าตัวที่ยังค่อนข้างดุดัน
ข้อมูลจำเพาะ ซูบารุ เลอโวร์ก 1.6 จีที-เอส
ผู้แทนจำหน่าย
บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2725-1888
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,690/1,780/1,490
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,530/1,540
ฐานล้อ (มม.) 2,650
น้ำหนัก (กก.) 1,550
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 60
เครื่องยนต์ เบนซิน 4 สูบนอน DOHC
ความจุ (ซีซี) 1,599
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 78.0/82.0
อัตราส่วนกำลังอัด 11.0:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 170/4,800-5,600
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 25.5/1,800-4,800
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดมัลทิพอยท์ ควบคุมด้วยอีเลคทรอนิค
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติ ซีวีที 6 มีบวก/ลบ
ขับเคลื่อน (ล้อ) 4 ตลอดเวลา
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ ปีกนกคู่ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว ไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ เอบีเอส อีบีดี บีเอ
หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน
หลัง จาน
ราคา (บาท) ......................
ผลทดสอบจากเครื่องวัดสมรรถนะดาทรอน
อัตราเร่ง (วินาที)
0-60 กม./ชม. 5.4
0-80 กม./ชม. 7.9
0-100 กม./ชม. 11.3
0-120 กม./ชม. 16.0
0-140 กม./ชม. 21.9
0-400 ม. 18.1 วินาที ที่ความเร็ว 128.8 กม./ชม.
0-1,000 ม. 32.7 วินาที ที่ความเร็ว 164.3 กม./ชม.
อัตราเร่งยืดหยุ่น (วินาที)
60-100 กม./ชม. 6.1
80-120 กม./ชม. 7.2
ห้ามล้อเมื่อหยุดรถกะทันหันจากความเร็ว (ม./ค่าจี)
60-0 กม./ชม. 15.4
80-0 กม./ชม. 26.5
100-0 กม./ชม. 42.3
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (เดซิเบล A)
ที่ความเร็ว 0 กม./ชม. (จอดนิ่ง) 41
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. 64
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. 66
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม. 68
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม. 69
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ความเร็วคงที่ (กม./ชม.) กม./ลิตร ลิตร/100 กม.
60 23.6 4.2
80 19.3 5.2
100 14.4 6.9
120 11.3 8.8
0-100 กม./ชม. ควอร์เตอร์ไมล์ 0-400 ม. ระยะเบรค 100-0 กม./ชม.
11.3 วินาที 18.1 วินาที ที่ 128.8 กม./ชม. 42.3 ม.
มิติตัวรถ ยาว 4,690 มม. กว้าง 1780 มม. และสูง 1,490 มม. ฐานล้อ 2,650 มม.
ช่วงล้อหน้า/หลัง 1,530/1,540 มม.
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน มีนาคม ปี 2559
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/36576