ทั่วไป
เยอรมนี/สาธารณรัฐประชาชนจีน/สหรัฐอเมริกา-ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์นำชื่อ มายบัค (MAYBACH) กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่งในฐานะ SUB-BRAND หรือ "ยี่ห้อรอง" พร้อมกับนำรถสุดหรูติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-มายบัค (MERCEDES-MAYBACH) ออกอวดตัวพร้อมกันทั้งในสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหรัฐอเมริกาตลาดเป้าหมาย
MERCEDES-MAYBACH S-CLASS มิติใหม่ของรถเก๋งซีดานสุดหรูติดตราดาวสามแฉก
เยอรมนี/สาธารณรัฐประชาชนจีน/สหรัฐอเมริกา-ยอดผู้ผลิตรถหรูของเมืองเบียร์นำชื่อ มายบัค (MAYBACH) กลับมาใช้อีกครั้งหนึ่งในฐานะ SUB-BRAND หรือ "ยี่ห้อรอง" พร้อมกับนำรถสุดหรูติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-มายบัค (MERCEDES-MAYBACH) ออกอวดตัวพร้อมกันทั้งในสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหรัฐอเมริกาตลาดเป้าหมาย
เพียง 2 ปี หลังจากปลดรถหรูติดป้ายชื่อ มายบัค (MAYBACH) ออกจากสายการผลิตเนื่องจากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนของปีม้าพยศที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี่เอง ผู้คนก็มีโอกาสได้เห็นรถติดป้ายชื่อนี้อีกครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าของเครื่องหมายการค้า "ดาวสามแฉก" นำรถ เมร์เซเดส-มายบัค (MERCEDES-MAYBACH) ออกอวดตัว "ครั้งแรกในโลก" พร้อมกัน ทั้งที่งานมหกรรมยานยนต์กวางโจว ในสาธารณรัฐประชาชนจีน และมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิสในสหรัฐอเมริกา
ไม่ใช่รถใหม่ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งคัน แต่พัฒนา/ดัดแปลงจากรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ (MERCEDES-BENZ S-CLASS) รุ่นปัจจุบัน โดยเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหลายๆ จุด รวมทั้งยืดตัวถัง และช่วงฐานล้อให้ยาวขึ้นประมาณ 20 ซม. เมื่อเทียบกับรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ ตัวถังยาว คือ เพิ่มความยาวของตัวถังจาก 5.246 เป็น 5.453 ม. และขยายช่วงฐานล้อจาก 3.165 เป็น 3.365 ม. ตัวถังภายนอกมีสิ่งแตกต่างจากรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ รุ่นมาตรฐานเพียงเล็กน้อย ตัวอย่าง เช่น แผงกระจังหน้าที่ออกแบบขึ้นใหม่ และมีรูปลักษณ์อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า STATELY STYLE คือ ทำให้ดูเป็นรถที่เหมาะกับผู้นำรัฐ ส่วนภายในห้องโดยสารที่นั่งสบายกว่าเดิมมากก็มีการออกแบบใหม่ๆ รวมทั้งการติดตั้งระบบปรับเก้าอี้ที่นั่งแถวหลังด้วยไฟฟ้า อย่างที่เคยพบเคยเห็นกันมาแล้วในรถ มายบัค 57 (MAYBACH 57) และ มายบัค 62 (MAYBACH 62)
เป็นรถระดับสุดหรูที่ออกแบบ/พัฒนาโดยมีสาธารณรัฐประชาชนจีนและสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดเป้าหมาย มีเกาหลีใต้ รัสเซีย และตะวันออกกลางเป็นตลาดรอง ในระยะแรกจะมีรถให้เลือกเพียง 2 โมเดล คือ MERCEDES-MYBACH S 500 กับ MERCEDES-MAYBACH S 600 ซึ่งล้วนเป็นรถขับล้อหลัง หากต้องการถขับทุกล้อก็ต้องรอเดือนมิถุนายนปีแพะ ซึ่งรถขับทุกล้อ MERCEDES-MAYBACH S 500 4MATIC จะเริ่มออกโชว์รูม
ในเมืองแม่ คือ เยอรมนี MERCEDES-MAYBACH S 500 ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์ 0.27 และติดตั้งเครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 4,663 ซีซี 335 กิโลวัตต์/455 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC ติดป้ายค่าตัว 134,054 ยูโร หรือเท่ากับประมาณ 5.36 ล้านบาทไทย ส่วน MERCEDES-BENZ S 500 ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.28 และติดตั้งเครื่องยนต์ไบเทอร์โบเบนซิน SOHC วี 12 สูบ 5,980 ซีซี 390 กิโลวัตต์/530 แรงม้า ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT PLUS 7G-TRONIC ค่าตัวเพิ่มขึ้นเป็น 187,842 ยูโร หรือประมาณ 7.51 ล้านบาทไทย
MAZDA CX-3 ทางเลือกใหม่ของรถ เอสยูวี ขนาดเล็กกะทัดรัด
ญี่ปุ่น/สหรัฐอเมริกา-ยักษ์เล็กของเมืองยุ่นเปิดตัวรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัด ติดป้ายชื่อ มาซดา ซีเอกซ์-3 (MAZDA CX-3) แล้ว แต่ต้องรอฤดูใบไม้ผลิปีแพะบ้าตัวจริงเสียงจริงจึงจะเริ่มออกโชว์รูมในเมืองยุ่น
ที่งานมหกรรมยานยนต์ลอสแองเจลิสครั้งล่าสุด ซึ่งอุบัติขึ้นในแผ่นดินของประธานาธิบดีโอบามา ระหว่างวันที่ 21-30 พฤศจิกายน 2014 ค่าย มาซดาสามารถเรียกความสนใจจากเหล่าสื่อมวลชนและคนรักรถผู้เข้าชมงานได้อย่างล้นหลาม โดยการนำรถตลาดติดป้าย ชื่อ มาซดา ซีเอกซ์-3 (MAZDA CX-3) ซึ่งเป็น COMPACT CROSSOVER SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์ขนาดเล็กกะทัดรัดออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก"
เป็นรถที่ยักษ์เล็กของเมืองยุ่นตั้งใจออกแบบ/พัฒนา เพื่อสู้กับรถประเภทเดียวกัน ขนาดเดียวกัน และสัญชาติเดียวกัน ที่กำลังขายดิบขายดีทั้งในญี่ปุ่น และในตลาดต่างประเทศขณะนี้ คือ รถ นิสสัน จูค (NISSAN JUKE) เป็นรถที่ออกแบบ/พัฒนาโดยใช้ชิ้นส่วนหลายชิ้นรวมทั้งพแลทฟอร์มและเครื่องยนต์ร่วมกับรถเก๋งจิ๋ว มาซดา เดมีโอ (MAZDA DEMIO) หรือ มาซดา 2 (MAZDA 2) รวมทั้งเป็นรถใหม่แบบที่ 5 ของค่ายนี้ ซึ่งเป็นผลลัพธ์ของการออกแบบด้วยแนวทางที่มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า KODO-SOUL OF MOTION หรือ "โคโดะ-จิตวิญญาณของการเคลื่อนไหว" และอัดแน่นไปด้วยวิทยาการยานยนต์ ซึ่งเรียกเป็นภาษาอังกฤษเช่นกันว่า SKYACTIV TECHNOLOGY
ตัวถังยาว 4.275 ม. กว้าง 1.765 ม. และสูง 1.550 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.570 ม. ติดตั้งเก้าอี้ที่นั่ง 2 แถว นั่งได้รวม 5 คน หน้าตา และรูปทรงองค์เอวของตัวถังภายนอก เห็นได้ชัดว่าเป็นผลพวงของการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลเป็นอย่างมากจากรถเก๋ง มาซดา 2 (MAZDA 2) และรถกิจกรรมกลางแจ้งข้ามพันธุ์อนุกรมพี่ คือ รถ มาซดา ซีเอกซ์-5 (MAZDA CX-5) การเคลือบ B-PILLARS และ C-PILLARS หรือเสาค้ำยันหลังคาคู่กลางและคู่ท้ายด้วยสีดำสนิท ทำให้มองเผินๆ เหมือนมีหลังคาที่ลอยตัวอยู่ในอากาศ ภายในห้องโดยสารก็เห็นได้ชัดว่าออกแบบด้วยแนวทางเดียวกันกับรถเก๋งจิ๋ว มาซดา 2 ส่วนอุปกรณ์ความปลอดภัยทั้งเชิงป้องกันและแก้ไข ก็จัดไว้เพียบไม่น้อยหน้ารถร่วมค่าย คือ มีทั้งระบบส่งเสียงเตือนเมื่อรถทำท่าจะวิ่งออกนอกลู่นอกเลน (LANE DEPARTURE WARNING SYSTEM) ระบบแก้ปัญหาจุดบอดที่มองไม่เห็น (BLIND SPOT MONITORING) และระบบห้ามล้อฉุกเฉินเมื่อวิ่งในเมือง (CITY EMERGENCY BRAKING)
ไม่บอกกำหนดออกตลาดที่แน่นอน บอกแต่เพียงว่าต้องรอจนถึงฤดูใบไม้ผลิของปีแพะจะเริ่มออกโชว์รูมทั่วเกาะญี่ปุ่น รวมทั้งบอกด้วยว่าจะมีทั้งรถขับล้อหน้า รถขับทุกล้อ และจะมีให้เลือกใช้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง SKYACTIV-G ขนาดความจุ 2.0 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซลสะอาด SKYACTIV-D ขนาดความจุ 1.5 ลิตร แต่ยังไม่ยอมระบุตัวเลขแรงม้า และแรงบิดที่ชัดเจน ส่วนระบบเกียร์ก็จะมีให้เลือก 2 แบบ คือ เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ SKYACTIV-MT กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ SKYACTIV DRIVE
HONDA GRACE รถชื่อใหม่ติดตั้งระบบขับแบบใหม่
ญี่ปุ่น-ยักษ์รองเมืองยุ่นนำรถเก๋งซีดานที่จำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยติดป้ายชื่อ ฮอนดา ซิที (HONDA CITY) ไปแต่งองค์ทรงเครื่องใหม่ แล้วนำออกขายแก่ผู้ใช้รถในเกาะญี่ปุ่นโดยใช้ชื่อ ฮอนดา กเรศ (HONDA GRACE)
เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนธันวาคมปีม้าพยศที่เพิ่งผ่านพ้นไป ฮอนดา มอเตอร์ (HONDA MOTOR) แห่งประเทศญี่ปุ่นได้สร้างปรากฏการณ์ซึ่งน่าจะเป็นที่สนใจของคนรักรถในประเทศไทย นั่นคือ การนำรถแบบใหม่อนุกรมหนึ่งออกสู่โชว์รูมทั่วเกาะญี่ปุ่นพร้อมกับป้ายชื่อ ฮอนดา กเรศ (HONDA GRACE) เป็นรถเก๋งซีดานขนาดเล็กกว่าเล็กกะทัดรัดในตัวถังยาว 4.440 ม.กว้าง 1.695 ม. และสูง 1.475-1.500 ม. ซึ่งมีช่วงฐานล้อยาว 2.600 ม. หน้าตาและรูปทรงองค์เอวที่เห็นจากภาพถ่าย รวมทั้งขนาดตัวถังดังที่กล่าวข้างต้น บ่งบอกให้ตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าคู่แฝดตัวจริงของรถที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทยขณะนี้โดยติดป้ายชื่อ ฮอนดา ซิที (HONDA CITY)
ที่แตกต่างจากรถ ฮอนดา ซิที ในประเทศไทยและมองไม่เห็นในภาพถ่าย คือรถเก๋งอนุกรมใหม่ที่เพิ่งเริ่มการจำหน่ายในเมืองยุ่นดังกล่าวนี้ ไม่ใช่รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของเครื่องยนต์เบนซิน SOHC 4 สูบเรียง 1,497 ซีซี 86 กิโลวัตต์/117 แรงม้า อย่างรถหน้าตาเหมือนกันในบ้านเรา หากเป็นรถขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด ชนิดไม่ต้องมีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ที่ยักษ์รองเมืองยุ่นตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า SPORT HYBRID I-DCD (I-DCD ย่อจาก INTELLIGENT DUAL CLUTCH DRIVE) เป็นระบบไฮบริดซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน DOHC 4 สูบเรียง 1,496 ซีซี 81 กิโลวัตต์/110 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 22 กิโลวัตต์/29.5 แรงม้า แบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) และระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 7 จังหวะ
เป็นระบบไฮบริดที่ยักษ์รองของเมืองยุ่นอ้างว่า มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงประหยัดกว่ารถไฮบริดชนิดไม่มีการเสียบปลั๊กเพื่อชาร์จไฟ ทุกรุ่นทุกแบบที่มีจำหน่ายในเมืองยุ่นขณะนี้ คือ มีค่าเฉลี่ย 31.4-34.4 กม./ลิตร เมื่อเป็นรถขับล้อหน้า และ 29.4 กม./ลิตร เมื่อเป็นรถขับทุกล้อ
ทั้งแบบขับล้อหน้าและขับทุกล้อ มีรถให้เลือก 3 โมเดล คือ GRACE HYBRID DX-GRACE HYBRID LX-GRACE HYBRID EX กับมีรถโมเดลพิเศษให้เลือกใช้อีก 1 โมเดล เป็นรถที่ออกแบบให้ผู้โดยสารบนเบาะหน้าขึ้น/ลงรถได้สะดวกกว่าปกติ โดยติดตั้งเก้าอี้ตัวหน้าที่หมุนได้ ค่าตัวรวมภาษีผู้บริโภคร้อยละ 8 ของรถขับล้อหน้า อยู่ระหว่าง 1.950-2.210 ล้านเยน หรือประมาณ 0.546-0.619 ล้านบาทไทย ส่วนรถขับทุกล้อแพงกว่ากันนิดหน่อย คือ อยู่ระหว่าง 2.144-2.410 ล้านเยน หรือประมาณ 0.600-0.675 ล้านบาทไทย
MERCEDES-BENZ CLA 45 AMG SHOOTING BRAKE รถหรูและแรงในตัวถังตรวจการณ์ จะอวดตัวต้นเดือนมีนาคม
เยอรมนี-ค่าย "ดาวสามแฉก" เอาอกเอาใจคนรักรถแรงสมบัติแยะ โดยเปิดตัวและเปิดเผยรายละเอียดของรถติดป้ายชื่อ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ 45 เอเอมจี ชูทิง เบรค (MERCEDES-BENZ CLA 45 AMG SHOOTING BRAKE) เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนจะนำตัวจริงเสียงจริงออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานมหกรรมยานยนต์เจนีวาครั้งที่ 85 ตอนต้นเดือนมีนาคมของปีแพะ เป็นรถหรูและแรงในตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ที่ดัดแปลง/พัฒนาจากตัวถังขนาด 4.691x1.777x1.416 ม. ของรถ เมร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ 45 เอเอมจี คูเป (MERCEDES-BENZ CLA 45 AMG COUPE) ซึ่งเริ่มจำหน่ายในเมืองเบียร์เมื่อเดือนกันยายนของปีม้าพยศ ส่วนเครื่องยนต์และระบบเกียร์ใช้ชุดเดียวกับรถคูเปซึ่งเป็นที่มา คือ เครื่องเทอร์โบเบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,991 ซีซี 265 กิโลวัตต์/360 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าและคู่หลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ AMG SPEEDSHIFT DCT7
OPEL KARL รถสายพันธุ์เกาหลีแต่ติดยี่ห้อเยอรมัน เริ่มขายฤดูร้อนปีแพะ
เยอรมนี-เพิ่งเปิดตัวผ่านสื่อต่างๆ เมื่อต้นเดือนธันวาคมของปีม้าพยศที่เพิ่งผ่านพ้นไปนี่เอง คือรถจิ๋วติดป้ายชื่อ โอเพล คาร์ล (OPEL KARL) ซึ่งเป็นชื่อที่นำมาใช้เพื่อเป็นการรำลึกถึงบุตรชายคนหัวปีของผู้ก่อตั้งกิจการซึ่งมีนามว่า คาร์ล โอเพล (CARL OPEL) เป็นรถผลิตในเกาหลีใต้ที่ฤดูร้อนของปี 2015 จะเริ่มจำหน่ายในตลาดยุโรปแทนที่รถจิ๋วรุ่นเดิมของค่ายนี้ที่ออกขายมาแล้วรวม 2 รุ่น ในชื่อ โอเพล อกีลา (OPEL AGILA) จะมีตัวถังเพียงแบบเดียว คือตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบคยาว 3.68 ม. ที่ค่ายสายฟ้ายืนยันว่า มีห้องโดยสารกว้างขวางเพียงพอสำหรับผู้ขับกับผู้โดยสารอีก 4 คน เครื่องยนต์และระบบเกียร์ก็จะมีแบบเดียวเช่นกัน คือเครื่องเบนซิน ECOTEC 1.0 ลิตร 55 กิโลวัตต์/75 แรงม้า ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อคู่หน้าผ่านระบบเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ เป็นรถที่ผู้ผลิตยืนยันเช่นกันว่า มีเงินแค่ 10,000 ยูโร ก็ซื้อได้แล้ว ในอังกฤษซึ่งขับรถชิดซ้าย รถแบบนี้ที่มีพวงมาลัยอยู่ด้านขวาจะติดป้ายชื่อ วอกซ์ฮอลล์ วีวา (VAUXHALL VIVA)
HONDA FCV CONCEPT รถพลังไฮโดรเจนไฮเทค เดือนมีนาคมปีลิงเริ่มขาย
ญี่ปุ่น-ยักษ์รองเมืองยุ่นยืนยันอีกครั้งหนึ่ง ในความเชื่อมั่นที่จะฝากอนาคตของรถยนต์ไว้กับแกสไฮโดรเจน โดยการเปิดตัวรถแนวคิดคันล่าสุดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังของแกสชนิดนี้ เป็นรถที่เพิ่งเปิดตัวในเมืองยุ่นเมื่อวันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2014 พร้อมกับป้ายชื่อ ฮอนดา เอฟซีวี คอนเซพท์ (HONDA FCV CONCEPT) และคาดหมายกันว่า หลังการแต้มเติมเสริมแต่งในบางจุดทั้งในด้านรูปลักษณ์และเทคนิค รถแนวคิดคันนี้ก็จะเปลี่ยนฐานะเป็นรถตลาดที่พร้อมจะออกสู่โชว์รูมในเมืองยุ่นตอนปลายเดือนมีนาคม 2016 เช่นเดียวกับรถพลังไฮโดรเจนแบบแรกของค่ายนี้ คือรถ ฮอนดา เอฟซีเอกซ์ คแลริที (HONDA FCX CLARITY) ซึ่งทดลองผลิตขึ้นเพียง 200 คัน และเริ่มทดลองให้เช่าใช้งานเมื่อปี 2008 รถแนวคิดคันล่าสุดนี้เป็นรถไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วย FUEL CELL หรือเซลล์เชื้อเพลิงซึ่งได้พลังงานจากปฏิกิริยาทางเคมีระหว่างไฮโดรเจนกับออกซิเจน เมื่อเติมไฮโดรเจนเต็มถังโดยใช้เวลา 3 นาที รถจะวิ่งได้ไกลกว่า 700 กม.
ABOUT THE AUTHOR
ช
ชูศักดิ์ ชมจินดา/บริษัทผู้ผลิต chusak@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2558
คอลัมน์ Online : ทั่วไป