พิเศษ
อัลฟา โรเมโอ 4 ซี มันเป็นรถที่ชัดเจน สัมผัสได้ถึงความดิบ ไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ และต้องฝึกฝนสักเล็กน้อยก่อนที่จะควบคุมมันได้อย่างเชื่องมือ เวลาอยู่ในสนามมันทำตัวเหมือนเป็นรถซูเพอร์คาร์ ส่วนระบบเบรคนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก
อัลฟา โรเมโอ 4 ซี มันเป็นรถที่ชัดเจน สัมผัสได้ถึงความดิบ ไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ และต้องฝึกฝนสักเล็กน้อยก่อนที่จะควบคุมมันได้อย่างเชื่องมือ เวลาอยู่ในสนามมันทำตัวเหมือนเป็นรถซูเพอร์คาร์ ส่วนระบบเบรคนั้นถือว่ายอดเยี่ยมมาก
ข้อมูลเบื้องต้น
4 ซี
ราคา (ประมาณ) : 53,437 ยูโร (2.4 ล้านบาท)
เครื่องยนต์ : เทอร์โบ 1,742 ซีซี
กำลังสูงสุด : 240 แรงม้า
คู่แข่ง : โลทัส เอลิส เอส
อัตราสิ้นเปลือง
ข้อมูล โรงงาน 14.7 กม./ลิตร
ข้อมูล ทดสอบ 10.3 กม./ลิตร
นับเป็นข่าวดีที่รู้ว่า (ก่อนหน้านี้มีแต่ข่าวลือ) อัลฟา โรเมโอ กำลังกลับมาพร้อมกับ "ความโหดดิบ" ของรถสปอร์ทตัวจริง ซึ่ง 4 ซี ไม่ได้เป็นแค่หนังตัวอย่างที่ผลิตในจำนวนจำกัด เหมือนอย่าง 8 ซี กมเปติซีโอเน (8 C COMPETIZIONE) ที่เปิดตัวก่อนหน้าในปี 2007 แต่คูเปที่สวยคันนี้ มีราคาค่าตัวที่พอจะ "เอื้อมถึง" คือ อยู่ที่ประมาณ 2.4 ล้านบาท (53,437 ยูโร ในประเทศอิตาลี) และหลายสิ่งหลายอย่างมาถูกที่ถูกทาง ยกตัวอย่างเช่น เครื่องยนต์วางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง 2 ที่นั่ง และมีโครงสร้างน้ำหนักเบา
สรุปสั้นๆ ได้ว่า 4 ซี เป็นรถที่ให้ทั้งสมรรถนะ และตอบสนองอารมณ์ผู้ขับขี่ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องตระหนัก คือ รถรุ่นนี้ไม่ได้เป็นรถเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันเหมือนอย่างรถ โพร์เช เคย์แมน ซึ่งจะว่าไปแล้วมีหลายอย่างที่แตกต่างกัน แต่หากคุณมองหา "รถแข่ง" อยากให้มันเกาะหนึบแบบสุดๆ และพวงมาลัยที่คมกริบ และรถที่พร้อมจะกระตุกความกล้าในตัวคุณเมื่อสบโอกาส บอกได้เลยว่า 4 ซี คันนี้แหละ...คือ ทางเลือกที่ใช่สำหรับคุณ
ในทางปฏิบัติแล้ว 4 ซี คือ รถอิตาเลียนที่เป็นคู่แข่งของ โลทัส เอลิส เอส ซึ่งเป็นรถที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของคนสไตล์เดียวกัน แต่ครั้งนี้ยอมรับเลยว่าไม่ต้องใช้เวลานานนัก ที่จะหลงเสน่ห์มันอย่างจัง ตัวถังที่งดงาม ตัวรถสั้นกว่า 4 ม. เล็กน้อย ขณะที่ความสูงอยู่ที่ 1.18 ม. โครงสร้างที่หนา และมีฐานล้อสั้น (2.38 ม.) ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีดีในเรื่องการยึดเกาะถนน
ส่วนความเป็น อัลฟา โรเมโอ ยังคงถูกรักษาไว้ด้วยเส้นสายที่ลากยาว ออกจากกระจังรูปสามเหลี่ยมบนฝากระโปรง และยาวไปจนถึงห้องโดยสารที่ถูกออกแบบมาอย่างดี รวมถึง กระจกหน้าต่างด้านข้างที่มีขนาดใหญ่
ข้างตัวรถแสดงให้เห็นถึงความทันสมัย ??ด้วยแนวเส้นโค้ง ซึ่งกลายมาเป็นเส้นขอบนอกของช่องดักอากาศบริเวณตรงกลาง ส่วนท้ายของรถทรงสวยห่อหุ้มเครื่องยนต์กลไกต่างๆ ไว้ด้านใน ซึ่งรวมไปถึงเครื่องยนต์พิกัด 1,750 (ซีซี) หมายเลขนี้ฟังดูคุ้นหูคุ้นตาสาวกอัลฟา เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังรวมไปถึงไฟท้ายทรงกลมอีกด้วย
ท่อไอเสียคู่แบบรถแข่ง (เป็นออพชัน) รวมถึงแผงดีฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ พร้อมยาง ปิเรลลี พี เซโร เออาร์ เรซิง ติดตั้งเข้ากับล้ออัลลอยลาย 5 รู (ด้านหน้าขอบ 18 และ 19 นิ้ว ด้านหลัง) ส่วน คาลิเบอร์เบรคสีแดง มีให้เป็นตัวเลือก
หากเติมดีกรีนักแข่งลงไป คุณจะได้สับผัสกับความโหดดิบของ 4 ซี
การก้าวเท้าขึ้นรถนั้น คุณต้องปีนข้ามธรณีประตู ไถลตัวลง และหย่อนก้นลงจนเกือบจะแตะพื้น มันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมมากๆ ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยโครงคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งโดยภาพรวมแล้ว พื้นที่ใช้สอยภายในห้องโดยสารก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด
ทุกอย่างภายในรถคันนี้ ถูกทำเพื่อให้มีน้ำหนักเบา เบาะนั่ง (เฉพาะในรุ่นแพคเกจหรู) มีความบาง รูปทรงสวย แต่มีเพียงที่นั่งฝั่งคนขับเท่านั้นที่สามารถปรับได้
ไม่มีช่องใส่ของที่ประตู หรือช่องเก็บของ มีเพียงถุงเล็กๆ อยู่ใต้แผงหน้าปัดใกล้เอื้อม แผงควบคุมหันหาคนขับ แม้ว่าสรีรศาสตร์จะไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับรถแบบนี้ แต่ปุ่มควบคุมต่างๆ เช่น ที่เสียบกุญแจ ลูกบิดปุ่มสัญญาณไฟฉุกเฉินดันซุกเอาไว้ รวมไปถึง พวงมาลัยที่ "ตัด" ด้านล่าง มองเห็นเพียงแป้น TCT ที่ติดตั้งมาให้ตั้งแต่รุ่นมาตรฐาน
รายละเอียดหลายอย่างที่เห็นอยู่ในรถคันนี้ หยิบยืมมาจาก อัลฟา โรเมเอ รุ่นอื่นๆ หลายรุ่น ซึ่งมาตรวัดแบบดิจิทอลดูไฮเทคอย่างมาก ส่วนมาตรวัดความเร็วทรงโค้ง วางไว้ตรงกลาง โดยพื้นหลังสามารถเปลี่ยนสีได้ โดยขึ้นอยู่กับโหมดของการขับขี่ มีทั้ง สีฟ้า สีเทา และสีแดง
จำไว้เสมอว่าคุณต้องเดินทางด้วยกระเป๋าใบเล็กเท่านั้น เพราะหลังที่นั่งมีพื้นที่น้อยมากสำหรับการเก็บสัมภาระ ส่วนกระเป๋าเดินทางสำหรับวันหยุดสุดสัปดาห์ จะต้องเก็บไว้ด้านหลัง
การตั้งค่าช่วงล่างค่อนข้างแข็ง และดิบ ทำให้เราสามารถสัมผัสพื้นผิวถนนได้ อย่างที่เคยกล่าวมาแล้วว่า 4 ซี ถูกสร้างขึ้นเพื่อการขับสนุก ไม่ได้เน้นการเดินทางระยะไกล รถคันนี้ไม่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ ซึ่งมันสร้างความลำบากอยู่พอสมควร อย่างเช่นตอนเริ่มหมุนพวงมาลัยขณะจอดนิ่ง มันให้ความรู้สึกหนักอย่างกับหินแกรนิทเลยทีเดียว ซึ่งเราไม่ค่อยคุ้นเคยกับการขับขี่แบบนี้มานานแล้ว ผู้ขับจำเป็นที่ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา เพราะพวงมาลัยจะตอบสนองไวมาก (แม้แต่ผิวถนนที่แตกต่างเล็กน้อย) รวมถึงมุมแคมเบอร์ของรถซึ่งตั้งค่ามาเป็นลบ ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่จะควบคุมรถให้ตรงตลอดเวลา อีกสาเหตุน่าจะเป็นเพราะยางคุณภาพเยี่ยมซึ่ง "สำเนา" เอาทุกสิ่งทุกอย่างจากพื้นถนนขึ้นมา คุณจำเป็นต้องประคองพวงมาลัยให้แน่นอยู่ตลอดเวลา และเรียนรู้วิธีการ "ปรับแต่งความรู้สึก" มันแปลกที่พวงมาลัยมีน้ำหนักมาก แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม 4 ซี มีอะไรที่น่าประทับใจหลายอย่าง อย่างแรกเลย เวลาขับรถที่มี กระจังหน้าและใบปัดน้ำฝนแบบก้านเดียว มันให้ความรู้สึกเหมือนขับรถแข่ง เลอ มองส์
สมรรถนะความแรงอย่างกับวัตถุระเบิด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่เกิน 4.2 วินาที ด้วยระบบควบคุมการออกตัว (LAUNCH CONTROL) ซึ่งหมายความว่า มันวิ่งตามหลัง แฟร์รารี 458 อิตาลีอา อยู่เพียงไม่ถึงวินาที ส่วนเทอร์โบ และระบบเกียร์ TCT ค่อนข้างเชื่อถือได้
รถคันนี้ตอบสนองดี พละกำลังเริ่มมีให้ใช้ตั้งแต่ 1,500 รตน. ด้วยเสียงคำรามของเครื่องยนต์ที่ผสมผสานกันออกมาอย่างยอดเยี่ยม เมื่อเร่งเกิน 2,000 รตน. ขึ้นไป 4 ซี เริ่มรีดพละกำลังออกทั้งหมด ในโหมดไดนามิคผลลัพธ์แสดงอย่างชัดเจนบนมาตรวัดซึ่งเปลี่ยนไปเป็นสีเหลืองในช่วงปลาย แต่ถ้าหากใช้รอบเกิน 6,600 รตน. คงไม่มีอะไรที่น่าจดจำนัก เพราะว่ามันเลยจุดที่ให้กำลังสูงสุดไปแล้ว (แรงม้าสูงสุด ที่ 6,000 รตน.) แต่เมื่อถึงจุดนั้น ส่วนใหญ่ก็ต้องเตรียมเบรคเต็มที่แล้ว ซึ่งเบรคนี้เป็นอะไรที่ดีมาก ในความเป็นจริง มันเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดของ 4 ซี
ระบบเกียร์ TCT ได้รับการปรับปรุงขึ้นใหม่ คือ ออพชันที่เยี่ยมยอดใน "แพคเกจ" นี้ มันช่วยทำให้อัตาเร่งในโหมดไดนามิคดีขึ้น และดียิ่งกว่าในโหมดเกียร์ธรรมดา ส่วนในโหมดเรศนั้นเหมาะสำหรับการขับในสนาม เพราะมันจะพยายามจำกัดระบบช่วยเหลืออีเลคทรอนิคส์ ให้ทำงานน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ส่วนโหมดอัตโนมัติ และมาตรฐาน จะช่วยทำให้การขับง่ายขึ้น บนถนนที่มีการจราจรคับคั่ง
สถานที่ๆ จะทำให้ 4 ซี แตกต่างจากคันอื่นอย่างเห็นได้ชัด คือ เวลาขับอยู่บนถนนที่คดเคี้ยว ซึ่งต้องยกความดีให้ความไว และคล่องตัวอย่างเหลือเชื่อ และอาการท้ายออกที่ช่างธรรมชาติ การยึดเกาะถนนที่ยอดเยี่ยมนี้ต้องลองขับในสนามแข่งถึงจะรู้ เพื่อทดสอบให้ถึงขีดสุดของรถคันนี้ การผ่านออกจากโค้งมีประสิทธิภาพมาก ซึ่งต้องขอบคุณระบบเฟืองท้ายอีเลคทรอนิคส์ คิว 2 นอกจากนี้คุณยังสามารถขับรถคันนี้ด้วยความเร็วสูงได้ แม้ขณะที่พื้นถนนกำลังเปียกลื่น แต่คุณเองก็จะต้องขับด้วยความระมัดระวัง มิฉะนั้นคุณก็ต้องพร้อมที่จะต้องแก้พวงมาลัยอย่างรวดเร็วเช่นกันหากเกิดอะไรขึ้น
หากคุณพบปัญหาในการฟังวิทยุใน 4 ซี ขอแนะนำให้เร่งเครื่องให้เสียงท่อไอเสียกลบไปเลยจะดีกว่า
ข้อมูลรถทดสอบ
ระยะทางรวม (กม.) 2,150
น้ำหนัก (กก.) 1,119
กระจายน้ำหนัก หน้า-หลัง (%) 39-61
ยาง ปิเรลลี พี เซโร
หน้า 205/40 ZR18 หลัง 235/35 ZR19 91Y
ความเร็วและรอบเครื่องยนต์
ความเร็วสูงสุด 252.3 กม./ชม.
รอบเครื่องยนต์ที่ความเร็วสูงสุด (เกียร์ 5) 6,500 รตน.
รอบเครื่องยนต์ที่ 130 กม./ชม. (เกียร์ 6) 2,800 รตน.
ความเที่ยงตรงของเข็มวัดความเร็วที่ 130 กม./ชม. 3.7 %
อัตราสิ้นเปลือง
ดีกว่าที่คาดไว้ ต้องยกความดีความชอบให้กับความเร็วคงที่ในเกียร์ 6 การขับขี่ในเมืองมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงเฉลี่ย 10.0 กม./ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (กม./ลิตร (กม.)
ในเมือง 8.9 (356)
ทางหลวง 12.4 (496)
ทางด่วน 10.4 (416)
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (ทดสอบ) 10.3 (412)
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย (โรงงาน) 14.7 (588)
อัตราเร่ง
ความเร็ว กม./ชม. เวลา (วินาที)
ปกติ ใช้ระบบควบคุมการออกตัว
0-60 2.3 2.0
0-100 4.5 4.2
0-130 6.9 6.5
0-200 17.7 16.9
400 เมตร จากจุดเริ่มต้น 12.8 12.5
ความเร็ว (กม./ชม.) 176.9 178.7
1 กม. จากจุดสตาร์ท 23.5 23.2
ความเร็ว (กม./ชม.) 219.0 219.6
อัตราเร่งยืดหยุ่น (เกียร์ 6/D)
ความเร็ว กม./ชม. เวลา (วินาที)
70-90 5.5/1.7
70-100 7.2/2.3
70-120 10.5/3.8
70-140 14.2/5.9
1 กม. จาก 70 กม./ชม. 27.1/21.8
ความเร็ว (กม./ชม.) 192.3/218.0
30-60 กม./ชม. เกียร์ 3 3.8
การทดสอบแบบไดนามิค
เสถียรภาพ และการยึดเกาะถนน
ข้อมูลแรง จี ด้านข้าง (1.11) ถือว่าสูง เนื่องจากยางที่ติดตั้งมาเพิ่มเป็นออพชัน พวงมาลัยให้ความรู้สึกที่ดี แม่น เร็ว และมีไวสูง ขณะที่เราทำการทดสอบ ถือว่ามีความประพฤติค่อนข้างดี โดยเฉพาะเวลาเกิดอาการท้ายออกอันเดอร์สเตียร์
การควบคุมพวงมาลัย เป็นอะไรที่ต้องใช้แรงอย่างมาก และความรู้สึกยืดหยุ่นของมันบางครั้งทำให้เหมือนการสูญเสียการยึดเกาะถนน แต่อาการนี้จะไม่ได้สัมผัสถ้า อีเอสพี เปิดอยู่
บนถนนเปียก 4 ซี ยังคงไปได้ด้วยความเร็วสูง และมีอาการอันเดอร์สเตียร์ เพียงเล็กน้อยส่วนระบบเบรคก็แสดงบทบาทของตัวเองได้ดี เมื่อทำการขัดขวางอาการอันเดอร์สเตียร์ โดยควบคุมการทำงานในส่วนที่เหลือ โดยเฉพาะเพลาหลัง
ระบบ อีเอสพี มีประสิทธิภาพมาก พวงมาลัยตอบสนองอย่างรวดเร็วและมีการเปลี่ยนน้ำหนักซึ่ง (บางครั้งก็น่ารำคาญ) ขณะขับบนเส้นทางตรงของสนาม และเมื่อปิดระบบ อีเอสพี ความสมดุลรู้สึกดีขึ้นแต่อยู่บนความไม่แน่นอน เพลาหลังถูกปรับสมดุลให้รู้สึกมั่นคงขึ้น และเมื่อปลดปล่อยพลังออกมา พฤติกรรมของรถก็จะมีความสมดุลน้อยลง เนื่องจากมีอาการโอเวอร์สเตียร์ รุนแรง ซึ่งบางครั้งก็สร้างปัญหาให้กับนักขับที่ไม่มีประสบการณ์บางคน
ขณะที่เปิด อีเอสพี ในโหมดไดนามิก การตอบสนองดี และการควบคุมตำแหน่งเกียร์มีความแม่นยำ ในโหมด มาตรฐาน การควบคุมทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีการสูญเสียการยึดเกาะถนน
ส่วนในโค้ง ปฏิกริยาตอบสนองค่อนข้างดี หากเทียบกันระหว่างการเปิดและปิด อีเอสพี พวงมาลัยตอบสนองรวดเร็ว และขยับตัวน้อย ล้อหลังที่มีขนาดใหญ่ต้องการการปรับแก้อย่างรวดเร็วเมื่อปล่อยพลังออกมา และแน่นอนว่า การขับรถโดยมีประสบการณ์ย่อมทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
แรง จี ด้านข้าง 1.11 จี 5 ดาว
การเปลี่ยนเลน
บนถนนลาดยางเปียก 97 กม./ชม. 5 ดาว
ทางตรง 200 กม./ชม. 4 ดาว
โค้ง 111 กม./ชม. 4 ดาว
ระยะเบรค
ความเร็ว กม./ชม. เมตร (จี)
100 พร้อมน้ำหนักบรรทุกต่ำสุด 37.6 (1.05)
100 พร้อมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 38.5 (1.02)
100 พร้อมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด ร้อน 36.1 (1.09)
200 พร้อมน้ำหนักบรรทุกต่ำสุด 139.6 (1.13)
100 บนถนนลาดยางแห้ง + ไหล่ทาง 44.8 (0.88)
100 บนถนนลาดยางเปียก + น้ำแข็ง 103.6 (0.38)
ให้ผลลัพธ์ที่ดีมากในระหว่างการทดสอบขณะเย็น ซึ่งอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ มีประสิทธิภาพดีมากบนถนนสภาพต่างๆ อย่างเช่น บนถนนที่ปูด้วยหิน มีกำลังเบรคมาก และยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อเริ่มร้อน ระยะเบรคสั้น (36.1 ม.) หลังจากทำการเบรคซ้ำเป็นครั้งที่ 10 ส่วนการลดความเร็วจาก 200 กม./ชม. ถือว่าเป็นเลิศ การเหยียบแป้นเบรค จำเป็นต้องใช้แรงจากปลายเท้าในการกด และมันให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างสปอร์ท ส่วนการใช้แรงกดก็พอประมาณ
ประสิทธิภาพของระบบเบรค
เบรค 10 ครั้ง ติดต่อกันจากความเร็ว 100-0 กม./ชม. พร้อมน้ำหนักบรรทุกสูงสุด
ระยะทาง (ม.)
1 38.5
2 35.1
3 37.9
4 37.4
5 36.7
6 36.8
7 36.6
8 37.1
9 36.3
10 36.1
30 ม. 40 ม. 50 ม.
ดีเยี่ยม ปานกลาง แย่
การควบคุมพวงมาลัย
รถไม่มีพวงมาลัยพาวเวอร์: ในที่จอดรถ และออกจากโรงรถกลายเป็นงานยาก เว้นแต่คุณจะขยับรถเล็กน้อยขณะเลี้ยว
รัศมีวงเลี้ยว 11.5 ม.
รอบหมุนพวงมาลัย 2.7
น้ำหนักในการหมุนพวงมาลัย 11.2 กก.
แรงกดคลัทช์ - กก.
อากาศพลศาสตร์
CX บนถนน/หน้ารถ (M2) 0.356/1,870
เสียงที่ฟังสบาย
ที่ตั้งมาตรฐานไว้สำหรับตอนนี้ ถือว่าแย่มาก เส้นกราฟ แสดงผลออกมาคือ คำตอบที่ดี 4 ซี เป็นอะไรที่ไม่สะดวกสบายเอาอย่างมาก แม้แต่จะขับมันช้าๆ คุณรู้สึกถึงเสียงคำรามของท่อไอเสียที่อยู่ด้านหลังอย่างเดียวเลย แต่อย่างไรเสีย เราก็ไม่ควรที่จะลืมว่ารถคันนี้ออกแบบมาเพื่ออะไร ความสะดวกสบายย่อมไม่มีทางที่จะเดินไปด้วยกันแน่
เดซิเบล (A)
ดีเยี่ยม เกณฑ์เฉลี่ย แย่
ดัชนีการได้ยินเสียง
ความเร็ว กม./ชม. เดซิเบล (A)
50 บนถนนลาดยาง 72.6
50 บนถนนลาดยางเปียก 78.7
50 บนไหล่ทาง 84.3
ที่อัตราเร่งสูงสุด 90.0
ความนุ่มนวลของระบบรองรับ
มันเป็นเรื่องยากที่จะทำงานได้ดีในทุกสภาพถนน เพราะระบบกันสะเทือนที่ถูกปรับแต่งมาในแบบสปอร์ท รวมไปถึงยางที่มีแก้มเตี้ย ส่วนความนุ่มนวลถือว่าดี ส่วนอีกทางหนึ่งมันก็มีอะไรให้ติบ้างเล็กน้อย
แย่ เกณฑ์เฉลี่ย ดีเยี่ยม
ซูเปอร์คาร์คันเล็ก
เบาะนั่งคนขับ 4 ดาว ที่นั่งต่ำกว่าเฟอร์รารี่ แต่ไม่อึดอัดเกินไป ที่สำคัญคือ อยุ่ในตำแหน่งที่ควบคุมทุกอย่างได้ดี แป้นเหยียบก็โอเค แต่ถ้าขยับออกไปทางขวาอีกนิดน่าจะดีกว่านี้
แผงหน้าปัดและการควบคุม 3 ดาว แผงหน้าปัดวางตำแหน่งไปทางฝั่งคนขับ มีปุ่มมากมายอยู่บริเวณคอนโซลกลาง แผงหน้าปัดดิจิตอลมีลักษณะคล้ายในรถจักรยานยนต์ คือ มีมาตรวัดความเร็วขนาดใหญ่ มาตรวัดแรงดันเทอร์โบ และมาตรวัดอุณหภูมิน้ำมันเครื่อง ที่ถูกใส่เพิ่มเข้ามา
เครื่องเสียงและระบบนำทาง 3 ดาว ระบบที่มีให้เป็นอุปกรณ์ทางเลือกนี้ โดนกลบไปด้วยเสียงของเครื่องยนต์ 1750 หน้าจอขนาดเล็กมาก ไม่มีระบบสัมผัส แต่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อที่ดี คุณต้องดาวน์โหลดแอพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง เพื่อสามารถที่จะใช้ฟังก์ชันระบบนำทางได้
ระบบควบคุมอุณหภูมิ 3 ดาว ง่ายๆ และเป็นแบบพื้นที่เดียว ไม่มีมาตรวัดอุณหภูมิ เหมาะกับห้องโดยสาร และช่องระบายอากาศมีปริมาณเพียงพอ
ทัศนวิสัย 2 ดาว ขณะขับขี่ ทัศนวิสัยด้านหลังไม่ดี เนื่องจากกระจกหลังแคบ โดยมีเซนเซอร์เป็นตัวเลือก ซึ่งคุณจะถอยหลังไม่ได้ถ้าไม่มีมัน
ความประณีต 3 ดาว โครงตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์และอลูมินัม เก็บรายละเอียดดีมาก อุปกรณ์ควบคุมหลายอย่างนำมาจากรุ่นอื่น และบางอันใช้วัสดุราคาถูก ทำให้ความน่าหลงไหลลดน้อยลง
อุปกรณ์เสริม 3 ดาว รวมทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมี ทั้งเครื่องปรับอากาศ เกียร์ TCT, วิทยุ, ล้ออัลลอย แต่ถ้าคุณต้องการตกแต่งเพิ่มเติม บิลค่าใช้จ่ายก็ค่อนข้างแพงเลยทีเดียว
อุปกรณ์ด้านความปลอดภัย 3 ดาว ถุงลมนิรภัย 2 ใบ อีเอสพี เอเอสอาร์ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน รวมถึงอุปกรณ์ตรวจสอบแรงดันลมยาง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ถือว่าเพียงพอสำหรับรถลักษณะนี้
การใช้งาน 3 ดาว ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่พอสำหรับผู้โดยสารตัวสูง เบาะนั่งต่ำ และลึกว่าบานประตู ทำให้การเข้าออกห้องโดยสารเป็นเรื่องยาก
พื้นที่เก็บสัมภาระฝาท้าย 2 ดาว มีความจุ 101 ลิตร รองรับได้เพียงกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ หรือถุงขนาดใหญ่หนึ่งถุง ส่วนฝากระโปรงหน้าปิดไปเลย
ความสะดวกสบาย 2 ดาว ท่อไอเสียแบบรถแข่งส่งเสียงดังมาก แม้ในขณะขับช้า รวมถึงเบาะนั่งของผู้ขับที่หาความสะดวกสบายไม่ได้เลย
เครื่องยนต์ 4 ดาว มีกำลังเพิ่มขึ้น 5 แรงม้า จากเครื่องยนต์ 1750 ของ จูลีเอตตา คิววี มันมีความพร้อม และตอบสนองได้อย่างฉับไวที่ความเร็วระดับต่ำถึงกลาง แต่เราคาดหวังว่ามันน่าจะดุดัน
กว่านี้ที่ความเร็วสูงสุด
อัตราเร่ง 5 ดาว 0-100 กม./ชม. ใช้เวลา 4.2 วินาที เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นจริงๆ โดยการใช้การเปลี่ยนเกียร์เอง และระบบควบคุมการออกตัว (LAUNCH CONTROL)
เพาเวอร์แบนด์ 5 ดาว ดีมากในตำแหน่งเกียร์ 6 รวมถึงโหมดอัตโนมัติ การลดน้ำหนักของรถมีส่วนช่วย ทำให้มีการตอบสนองรวดเร็วและแน่นอน
ระบบส่งกำลัง 4 ดาว ระบบคลัทช์คู่ตอบสนองค่อนข้างเร็วในการเปลี่ยนเกียร์เอง และน่าจะดียิ่งขึ้นเวลาลดตำแหน่งเกียร์ แป้นเหยียบมีขนาดเล็กไปสักหน่อย โดยเกียร์ 6 มีอัตราทดค่อนข้างต่ำ
พวงมาลัย 3 ดาว พวงมาลัยไม่มีระบบผ่อนแรงให้เลือก แต่มันก็พร้อมแม้จะขาดความแม่นยำและความฉับไวไปบ้าง น้ำหนักพวงมาลัยเปลี่ยนแปลงบ่อยขึ้นอยู่กับภาระการทำงานของล้อ และมันจะหนักเมื่อไม่มีการเคลื่อนที่
เบรค 5 ดาว มีประสิทธิภาพมาก หยุดได้ดี และสามารถรองรับการขับขี่ในสนามได้ ระบบเบรคน่าจะเป็นคุณลักษณะที่ดีที่สุดของรถคันนี้ จากระยะเบรคสั้น และยิ่งสั้นลงอีกในกรณีที่เบรคฉุกเฉิน
การใช้งานบนท้องถนน 4 ดาว เกิดมาเพื่อทำให้คุณมีความสุขในการขับขี่จริงๆ มันเป็นเรื่องง่ายมาก ตัวรถมีความคล่องตัว ระบบ อีเอสพี มีประสิทธิภาพ แม้จะอยู่ในโหมดไดนามิค พฤติกรรมไว้ใจได้และปลอดภัย
อัตราสิ้นเปลือง 3 ดาว ไม่เลวเลย หากพิจารณาตัวเลขอัตราสิ้นเปลือง 9.0 กม./ลิตร สำหรับการใช้งานเมือง กับ 10.4 กม./ลิตร ในการเดินทาง แต่ด้วยความจุน้ำมัน 40 ลิตร ทำให้ไม่สามารถขับขี่ได้ไกลมาก
ราคา 2 ดาว ราคาเริ่มต้นที่ 53,437 ยูโร (ประมาณ 2.4 ล้านบาท) โดยคันที่เราทดสอบเป็นรุ่นทอพ ซึ่งคุณเป็นเจ้าเของได้ในราคา 66,000 ยูโร (ประมาณ 3.0 ล้านบาท) แน่นอนรถคันนี้ไม่ใช่รถที่มีราคาถูกถ้าคิดจะซื้อ
การรับประกัน 2 ดาว 2 ปี (จำกัดระยะทาง) สอดคล้องกับระเบียบมาตรฐาน 3 ปี สำหรับงานสี (รับประกันปลอดสนิม 8 ปี)
เรื่องโดย : DI ANDREA STASSANO
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน เมษายน ปี 2557
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/33137