ทดสอบ
ย่ำแดนมะกะโรนี...สัมผัส สปอร์ทซีดาน อนุกรมล่าสุดจากค่ายตรีศูล
มาเซราตี รถสปอร์ทสายเลือดอิตาเลียนแท้ มีประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 100 ปี ล่าสุดเปิดตัวเก๋งสปอร์ทหรูขนาดกลาง หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในรุ่นใหญ่ "กวัตตโรโปร์เต" ที่เปิดตัวก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่เดือน นับเป็นครั้งแรกของค่ายตรีศูลที่มีรถ 4 ประตู วางขายพร้อมๆ กันถึง 2 รุ่น การปรับตัวครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนดันยอดขายปี 2015 ให้พุ่งกระฉูดถึง 50,000 คัน/ปี (จากปกติ 6,200 คัน)
มาเซราตี ปลุกตำนานชื่อ "กีบลี" ซึ่งเป็น "คูเปในตำนาน" ขึ้นมาแต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นรถเก๋งสปอร์ทหรู 4 ประตู อนุกรมที่ยังไม่เคยอยู่ในสายการผลิตมาก่อน และตั้งราคาไว้สุดเร้าใจแบบไม่ไกลเกินเอื้อม (สำหรับเศรษฐีไทย) 6.9-7.9 ล้านบาท ปลายปีนี้-ต้นปีหน้า เตรียมท้าชนกลุ่มตลาด อี เซกเมนท์ อย่าง บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 5/เมร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสส์/เอาดี เอ 6 และ แจกวาร์ เอกซ์เอฟ มีเครื่องยนต์ให้เลือก 2 แบบ ทั้งเบนซิน และดีเซล โดยเครื่องยนต์เบนซิน วี 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร มี 2 ระดับความแรง 330 และ 410 แรงม้า ส่วนอีกเครื่องนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของผู้ผลิตรถสปอร์ทหรูตรา "สามง่าม" ที่มีเครื่องยนต์ดีเซล วี 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร วี 6 สูบ 275 แรงม้า เน้นประหยัด และปริมาณไอเสียต่ำ ให้เลือกด้วย
"กีบลี" เป็นชื่อเรียกลมร้อนที่พัดทรายจากทะเลทรายซาฮาราเฉียงขึ้นเหนือไปทางฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน รุนแรงขนาดไหนลองนึกเอาเองว่ามันสามารถย้ายภูเขาทรายได้เป็นลูกๆ และมักจะเกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูร้อนของทุกๆ ปี มาเซราตี เพิ่งเปิดตัว "กิบลี" ในงานมหกรรมยานยนต์เซี่ยงไฮ้ เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยหวังให้ประเทศจีนเป็นฐานตลาดหลักในภูมิภาคนี้
ผมตอบรับคำเชิญทันที เมื่อรู้ว่าจะได้เป็นตัวแทนสื่อมวลชนจากประเทศไทย ไปสัมผัสตัวเป็นๆ สปอร์ทซีดานรุ่นล่าสุดคันนี้ที่เมือง SIENA ตอนกลางของประเทศอิตาลี
สิเอนา (SIENA) เป็นเมืองเก่าในแคว้น ตัสกัน (TASCAN) ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศอิตาลี เป็นเมืองที่มีวิวทิวทัศน์โดดเด่น ภูมิประเทศเป็นเนินเขาน้อยใหญ่สลับไปมา บ้านเรือนทรงเก่าแบบเมดิเตอร์เรเนียน อาคารแทบทุกหลังเลือกใช้สีเอิร์ธโทนแบบเดียวกันหมด ดูกลมกลืน ลื่นไหล มีศิลปะ เข้ากันกับภูมิทัศน์อย่างลงตัวไร้รอยต่อ ถนนเล็กๆ ลัดเลาะเนินเขาสลับไปมานับร้อยลูก
เนื่องจากจำนวนหน้ามีจำกัด ผมขอเลือกเล่าให้ฟังเฉพาะ รุ่น กีบลี เอส ตัวแรง 410 แรงม้า ที่ผมประทับใจสุดในการทดลองขับครั้งนี้
ทีมออกแบบเขาเล่าให้ฟังว่าเส้นสายภายนอกของ "กีบลี" ได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงรถแข่งในอดีตของ มาเซราตี ที่เคยผ่านชัยชนะอย่างโชกโชน แต่ส่วนตัวผมกลับคิดว่า ครั้งนี้เขาพยายามออกแบบมันให้ดูง่าย สวย เร็ว และเข้าได้กับทุกคน โดยไม่ได้ตั้งข้อแม้เอาไว้ให้สวยแต่เฉพาะบรรดาสาวกแฟนพันธุ์แท้เท่านั้น โดยเฉพาะส่วนท้ายของรถคันนี้ สำหรับคนผิวเหลืองอย่างผม มันคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เป็นการออกแบบที่ทำให้รู้สึกสนิทสนมกันเร็วกว่ารุ่นอื่นๆ ในตระกูล แต่ขอสารภาพตามตรงว่า ผมแทบเกือบจะแยกไม่ออกระหว่างรุ่น "กีบลี" กับ "กวัตตโรโปร์เต" ตลอดทริพการเดินทางครั้งนี้ เพราะพี่น้องต่างรุ่น 2 คันนี้ มันช่างคล้ายกันอย่างกับแกะในสายตาผม
ภายในเขาออกแบบได้กว้างขวาง และกระชับ คุณภาพการประกอบประณีต แต่ยังคงความเป็น "อิตาเลียนเมด" อุปกรณ์อำนวยความสะดวก "ในฝัน" ที่ทำงานร่วมกับระบบอีเลคทรอนิค ยังขาดหายไปหลายรายการเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกัน เช่น ปุ่มเปิด/ปิดฝากระโปรงท้ายด้วยไฟฟ้่า ระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็วตามคันหน้า ระบบช่วยถอยจอด ระบบหยุดฉุกเฉินเมื่อเจอสิ่งกีดขวาง ฯลฯ ส่วนพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง ดูด้วยสายตาน่าจะใหญ่พอสำหรับใส่ถุงกอล์ฟ 2-3 ใบได้สบายๆ
คอนโซลกลางติดตั้งจอขนาดใหญ่ 14 นิ้ว เห็นได้ชัดเจน ลำโพง BOWER & WILKINS 15 จุด ขับด้วยแอมพ์ HARMAN KARDON 1,280 วัตต์ ให้มิติเสียงนุ่มลึก ละเอียด และเลียนเสียงธรรมชาติ แตกต่างจากรุ่นมาตรฐานอย่างรู้สึกได้
ทันทีที่กดปุ่มสตาร์ท เสียงเครื่องยนต์ของสปอร์ตอิตาเลียนแท้คันนี้ส่งเสียงคำราม และถ้าเสียงนั้นยังไม่เร้้าใจพอ สามารถกดปุ่มสปอร์ท เพื่อปรับองศาปลายท่อไอเสีย และการตอบสนองของเกียร์ ซึ่งจะเปลี่ยนบุคลิกเสียงเครื่องยนต์ให้ดังและดิบขึ้นในทันที แม้ว่ายังจอดนิ่งอยู่กับที่
ผมต้องมนต์ขลังเสน่ห์เสียงเครื่องยนต์ "กีบลี" เฉพาะตอนนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ เคลิบเคลิ้มกับมันทุกครั้งที่กดคันเร่งมิด เสียงคำรามมัน "แผด" กระแทกแก้วหู ราวกับกำลังสื่อสารตำนานทั้ง 99 ปีให้ฟัง แต่เสียงคำรามความถี่ต่ำของเครื่องยนต์ขณะวิ่งย่องๆ ในตัวเมือง มันช่างสั่นโสตประสาท และอาจแปลงร่างกลายเป็นเสียงรบกวน หากผู้โดยสารด้านหลังไม่ได้อยู่ในอารมณ์ร่วม
พวงมาลัยให้ความรู้สึก "เหนียวทุกโค้ง" ผมไม่ได้หมายถึงมันเหนียวเลอะมือ แต่หมายถึงยาง 235/50 R18 และช่วงล่าง ที่กระจายน้ำหนัก หน้า/หลัง ได้พอดีที่ 50:50 และใช้ชิ้นส่วนอลูมิเนียมน้ำหนักเบาในหลายจุด ร่วมมือกันอย่างดีในการ "บดขยี้โค้ง" แบบคาดเดาได้ เพิ่มความมั่นใจ แม้บางครั้งจะเผลอ "สาด" เข้าไปด้วยความเร็วเกินขีดจำกัดก็ตาม
เกียร์ 8 จังหวะ ตัวล่าสุดของ ZF สอดสัมผัสกับแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์ตัวนี้อย่างมีพลัง ราบรื่น รวดเร็ว ไม่ติดขัด มีเพียงเจ้าคันเกียร์เอกลักษณ์เฉพาะของ มาเซราตี ที่ผมยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับมัน เพราะเมื่อกดปุ่มและดึงเข้าหาตัวเพื่อปรับเข้าสู่โหมด P R N D เป็นปกติ แต่แค่กดปุ่ม MANUAL ที่อยู่ข้างๆ เท่านั้น ตำแหน่งและคันเกียร์เดียวกันนี้เอง ก็จะปรับเปลี่ยนไปทำหน้าที่ บวก/ลบ แทน ซึ่งผมยังทำใจให้สนุกกับมันไม่ได้ หากต้องสับเกียร์ลงขณะเตรียมลดความเร็วก่อนเข้าโค้ง เพราะต้องขยับคันเกียร์แบบเดียวกับการเข้า เกียร์ว่าง เกียร์ถอยหลัง และเกียร์ P โชคยังดีที่มีทางเลือก ผมหันมาเล่น บวก/ลบ เกียร์ที่แพดเดิล ชิฟท์ หลังพวงมาลัยแทน และลืมคันเกียร์มันไปซะ บอกได้เลยว่า มัน และสนุกกว่าเยอะ
แผนการส่งรุ่นนี้ลงตลาดของ เฟียต กรุพ (บริษัทแม่ของ มาเซราตี แฟร์รารี อัลฟา โรเมโอ ลันชา และเฟียต) ดูเหมือนจะเป็นการแก้เกม หลังจากที่ปล่อยให้รถเก๋งหรูหลายค่ายจากเพื่อนบ้านแคว้นบาวาเรียตอดกินตลาดรถสปอร์ทไปต่อหน้าต่อตา โดยขอตอดกลับ ฉกชิง ตลาดที่ไม่เคยลงเล่นมาก่อนบ้างเป็นการเอาคืน เนื่องจากรถคันนี้ถูกถ่ายทอดพันธุกรรมจากสายเลือดสปอร์ทแท้สู่สปอร์ทซีดาน จึงยังคงเสน่ห์ ความดิบ และความขลังที่เหนือกว่า อาจจะพูดได้ว่ามันคืิอ รถสปอร์ทของคนที่อยากแรง อยากเร็ว แต่ไม่อยากเป็นจุดสนใจสายตาคนทั่วไป ต่างจากรถสปอร์ทไฮโซค่ายอื่น
ก่อนเดินทางกลับบ้าน เราแวะเยี่ยมสำนักงานใหญ่ของ มาเซราตี ที่เมืองโมเดนา (MODENA) และชมโรงงานที่ปัจจุบันใช้ผลิตรถสปอร์ท 2 ประตู โรงงานแห่งนี้ยังคงใช้คนงานประกอบรถเพื่อคุณภาพ และความประณีต
รถสปอร์ทซีดานคันนี้ขับมัน แรงได้อารมณ์ เป็นรถของคนกล้าที่จะแตกต่าง เพียงแต่ยังอ่อนลูกเล่น สำหรับผมไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ หากเทียบกับความสนุกที่ได้จากการขับขี่ เหมือนการควบม้าป่าไปบนเส้นทางแสนจะคดเคียวของเมืองสิเอนาอย่างเชื่องมือตลอดทริพ
สรุปสั้นๆ ว่ามันคือ รถที่ขนาดประมาณ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ราคา เมร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาสส์ และแรงน้องๆ แฟร์รารี ใครที่ชอบอย่างที่ 3 และรับได้กับ 2 อย่างแรก...คันนี้แหละใช่เลย !
เรื่องโดย : ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ chalatchai@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2556
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/32489