ทดสอบ
อีโคคาร์แหวกแนว จัดมาให้แบบ...ใจใหญ่ !
นิสสัน อัลเมรา วีแอล เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบ 79 แรงม้า ราคา 599,000 บาท
คู่แข่งในตลาด
ปโรตอน ซากา ซีวีที มีเดียม ไลน์ เบนซิน 1.3 ลิตร 4 สูบ 94 แรงม้า ราคา 479,000 บาท
ซูซูกิ สวิฟท์ จีแอลเอกซ์ เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ 91 แรงม้า ราคา 559,000 บาท
มิตซูบิชิ มิราจ จีแอลเอส ลิมิเทด เบนซิน 1.2 ลิตร 3 สูบ 78 แรงม้า ราคา 546,000 บาท
ฮอนดา บรีโอ วี เอที เบนซิน 1.2 ลิตร 4 สูบ 90 แรงม้า ราคา 508,500 บาท
จุดเด่น
- ห้องโดยสารกว้างขวาง พื้นที่เก็บสัมภาระเหลือเฟือ
- ระบบ IDLING STOP ที่ใช้งานได้สะดวกขึ้น
- ประหยัดเชื้อเพลิงไม่แพ้อีโคคาร์สไตล์แฮทช์แบค
จุดด้อย
- ไม่เด่นเรื่องอัตราเร่ง
- เบาะหลังไม่สามารถพับลงมาได้
- พื้นที่เหนือศีรษะของผู้โดยสารด้านหลังน้อยไปหน่อย
ฟันธง
- ซีดานที่คุ้มค่าเกินตัว จัดมา (เกือบ) ครบเครื่อง
รถที่มีขนาดใหญ่ ต้องมีราคาแพง และรถที่เน้นการประหยัดเชื้อเพลิง คือ รถที่มีขนาดเล็ก ดูเป็นตรรกที่อยู่ในความคิดของใครหลายคน นั่นรวมไปถึงรถ อีโคคาร์ ในบ้านเราที่เน้นการประหยัดเชื้อเพลิง และมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป แต่ละรุ่นต่างเป็นรถสไตล์แฮทช์แบค ขนาดพอเพียง จนกระทั่งการมาถึงของ นิสสัน อัลเมรา (NISSAN ALMERA) อีโคคาร์ สไตล์ซีดานรุ่นแรก กับขนาดที่ใหญ่โตเกินคาด จนอดสงสัยกันไม่ได้ว่า จะยังประหยัดเชื้อเพลิงหรือไม่ และอัตราเร่งจะอืดหรือเปล่า เรามาพิสูจน์กันในการทดสอบครั้งนี้
ภายนอก (3 ดาว)
ใหญ่โต ระดับ บี เซกเมนท์
แม้ดูด้วยสายตาก็พอรู้สึกได้ว่า อัลเมรา มีขนาดตัวถังที่ค่อนข้างใหญ่ เมื่อเทียบกับความเป็นรถประหยัดเชื้อเพลิง และค่าตัว แถมรูปทรงยังเน้นความหรู ดูแล้วชวนนึกถึงรุ่นพี่อย่าง เทอานา (TEANA) แม้มาดสปอร์ทจะน้อยกว่าบรรดาคู่แข่ง อีโคคาร์ สไตล์แฮทช์แบคทั้งหลายอยู่บ้าง แต่ในแง่ดีแล้ว อาจดึงดูดลูกค้าได้กว้างขึ้นก็เป็นได้
เอาเข้าจริงซีดานรุ่นนี้เป็นรถระดับ บี เซกเมนท์ ในต่างประเทศใช้ชื่อว่า ซันนี (SUNNY) พร้อมกับเครื่องยนต์ระดับ 1.5-1.6 ลิตร โครงสร้างตัวถัง วี-พแลทฟอร์ม ใช้ร่วมกันกับรถค่ายเดียวกันอย่าง ทิอิดา (TIIDA) แต่เมื่อถูกวางตัวเป็น อีโคคาร์ ในบ้านเรา ทำให้เครื่องยนต์ที่ใช้มีขนาด 1.2 ลิตร อย่างที่รู้กัน
หากจะเปรียบเทียบขนาดตัวถัง ทั้งความยาวโดยรวม และระยะฐานล้อ อัลเมรา มีมิติ 4,425 และ 2,600 มม. ถือเป็นมิติตัวถังมากกว่าซีดานระดับ 1.5 ลิตร อย่าง ฮอนดา ซิที (HONDA CITY) กับมิติ 4,415 และ 2,550 มม. อีกรุ่นหนึ่ง คือ ฟอร์ด ฟิเอสตา (FORD FIESTA) 4 ประตู มีมิติตัวถังในส่วนนี้ 4,291 และ 2,489 มม.
ดังนี้แล้ว อัลเมรา ดูจะมีความได้เปรียบพอสมควรในแง่ของขนาดตัวถัง เนื่องจากมีราคาที่ต่ำกว่ารถระดับ บี เซกเมนท์ อย่างชัดเจน ทว่าพื้นที่ใช้สอยที่ได้มานั้นกลับใกล้เคียงกันมาก
อย่างไรก็ตามตัวถังที่ใหญ่โตกว่า อีโคคาร์ ระดับเดียวกัน ทำให้ อัลเมรา มีน้ำหนักตัวมากกว่าใครเพื่อนด้วย น้ำหนักโดยรวมของรถรุ่นนี้อยู่ที่ 962-1,027 กก. ทางด้าน ฮอนดา บรีโอ (HONDA BRIO) อยู่ที่ 925-950 กก. ซูซูกิ สวิฟท์ (SUZUKI SWIFT) มีน้ำหนักรวม 960-975 กก. ส่วนเพื่อนร่วมค่ายอย่าง มาร์ช อยู่ที่ 900-965 กก.
จากการเปรียบเทียบน้ำหนักตัว แสดงให้เห็นว่า อัลเมรา มีการ "รีดน้ำหนัก" ได้ดีเกินคาด แม้ตัวถังเป็นแบบ ซีดาน 4 ประตู ที่มีขนาดใหญ่เทียบเท่ารถราคาแพงกว่า แต่ถือว่ายังใกล้เคียงกับบรรดา อีโคคาร์ สไตล์แฮทช์แบคทั้งหลายพอสมควร จะยกเว้นก็เพียงแต่ มิตซูบิชิ มิราจ (MITSUBISHI MIRAGE) ที่มีน้ำหนักตัวเบาหวิวกว่าเพื่อนระดับเดียวกันที่ 830-870 กก. เท่านั้น
ขนาดตัวถังที่ใหญ่โต กับน้ำหนักตัวที่ไม่มากเกินไป แต่จะส่งผลถึงอัตราเร่ง และการสิ้นเปลืองมากน้อยแค่ไหน อันนี้คงต้องไปว่ากันในส่วนของหัวข้อ "เครื่องยนต์"
ภายใน (4 ดาว)
กว้างขวางเหลือเฟือ
เมื่อเข้ามานั่งภายใน เราพบว่ารูปทรงของคอนโซลหน้า หยิบยกมาจาก มาร์ช แทบทุกประการ โดยเน้นเส้นสายที่โค้งมน ไม่ว่าจะเป็นปุ่มใช้งานระบบปรับอากาศทรงกลม ช่องแอร์ด้านข้าง รูปทรงของคันเกียร์ และพวงมาลัย แต่ยังมีจุดแตกต่างกันอยู่บ้าง คือ ช่องแอร์ตรงกลางของ อัลเมรา เป็นทรงเหลี่ยม เครื่องเสียงแบบ 2 DIN และแผงหน้าปัดแบบแยก 2 ช่องใหญ่ (ของ มาร์ช เป็นแบบแยก 3 ช่องซ้อนกัน)
การตกแต่งภายในมีมาดสปอร์ทเล็กน้อยด้วยโทนสีดำรอบคัน จะมีความหรูอยู่บ้างก็ตรงมือจับประตูด้านในชุบโครเมียม และใช้วัสดุสีเงินวาวตกแต่งตามจุดต่างๆ ให้ความรู้สึกที่ทันสมัย โดยรวมแล้ว ทั้งการกตแต่ง และคุณภาพการประกอบอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ
สำหรับผู้โดยสารด้านหน้ามีให้เพียงพอ เบาะนั่งได้สบาย โอบรับสรีระเล็กน้อย คันเกียร์ทรงสูงเอื้อมถึงได้โดยง่าย แต่พวงมาลัยน่าจะจับกระชับมือกว่านี้หน่อย แต่จุดสำคัญของรถรุ่นนี้ คือ ความกว้างขวางของผู้โดยสารด้านหลัง จากระยะฐานล้อที่ยาว ทำให้พื้นที่วางขามีเหลือเฟือ ให้ความรู้สึกที่โปร่งโล่งราวกับซีดานระดับ 2.0 ลิตร เลยทีเดียว ทำให้รถรุ่นนี้มีความแตกต่างจากบรรดาแฮทช์แบคระดับเดียวกันที่มีพื้นที่ผู้โดยสารด้านหลังน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด แต่ต้องแลกกันเล็กน้อย คือ พื้นที่ศีรษะที่ไม่ได้เหลือเฟือ เนื่องจากแนวหลังคาที่ลาดเท และน่าเสียดายหากพนักพิงของเบาะหลังสามารถพับลงมาได้ จะเพิ่มความหลากหลายของพื้นที่เก็บสัมภาระอีกโข
เครื่องยนต์ (4 ดาว)
ไม่แรง แต่ประหยัดไม่น้อยหน้าเพื่อน
เครื่องยนต์ของ อัลเมรา เหมือนกันกับ มาร์ช ทุกประการ เบนซิน 1.2 ลิตร 79 แรงม้า พร้อมเกียร์อัตโนมัติแปรผัน "XTRONIC CVT" ในรุ่นที่เรานำมาทดสอบ อย่างที่แจกแจงไปแล้วในหัวข้อ "ภายนอก" ว่ารถรุ่นนี้มีน้ำหนักที่มากกว่าบรรดาแฮทช์แบคทั้งหลายไม่มากไม่น้อย เริ่มกันด้วยส่วนของอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงก่อน เนื่องจากเป็นประเด็นสำคัญของอีโคคาร์
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม. อัลเมรา มีความสิ้นเปลืองที่ 27.7 กม./ลิตร กลับดีกว่า มาร์ช เสียด้วยซ้ำที่ทำได้ 26.0 กม./ลิตร ขณะที่ สวิฟท์ ทำได้ 24.8 กม./ลิตร และยังใกล้เคียงกับอีโคคาร์ที่ทำได้ดีที่สุดในส่วนนี้ คือ บรีโอ กับตัวเลขที่ 29.8 กม./ลิตร
มาถึงความเร็ว 100 กม./ชม. อัลเมรา อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 20.6 กม./ลิตร ยังคงประหยัดดี เมื่อเทียบกับ มาร์ช ทำได้ 20.1 กม./ลิตร สวิฟท์ 19.2 กม./ลิตร และสุดท้าย คือ บรีโอ 19.8 กม./ลิตร
อัลเมรา แสดงให้เห็นแล้วว่าน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ไม่มีผลทำให้การประหยัดเชื้อเพลิงด้อยกว่าอีโคคาร์รุ่นอื่นๆ แต่อย่างใด (จากการแล่นที่ความเร็วคงที่) อาจเป็นไปได้ว่ารูปทรงของตัวถังอาจมีส่วนช่วยเรื่องการลู่ลม ผนวกกับการทำงานที่สมดุลระหว่างพละกำลังของเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลัง ทำให้การสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอยู่ในระดับที่น่าพอใจเช่นนี้
ด้านการสิ้นเปลืองขณะออกตัว ซึ่งในจุดนี้น้ำหนักของตัวรถอาจมีผลพอสมควร แม้ไม่ได้วัดออกมาเป็นตัวเลขชัดเจน แต่ อัลเมรา ก็ชดเชยด้วยระบบ IDLING STOP ที่ปรับปรุงให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ไม่มีเงื่อนไขจุกจิกเหมือนกับของ มาร์ช ถือเป็นอุปกรณ์ที่แม้แต่รถยนต์ราคาเป็นล้านบาทยังไม่มีมาให้เลยเสียด้วยซ้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งความคุ้มค่าของรถรุ่นนี้ หากเป็นไปได้ควรใช้งานเป็นกิจวัตรเพื่อการประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุดเท่าที่รถรุ่นนี้พึงสนองให้ได้ (สามารถกดปุ่มปิดการทำงานของระบบนี้ได้)
แม้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงจะหายห่วงก็ตาม แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณา คือ อัตราเร่งน้ำหนักของรถคันนี้จะมีผลแค่ไหน เริ่มด้วยอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อัลเมรา ทำเวลาได้ 16.4 วินาที เทียบกับบรรดาอีโคคาร์สไตล์แฮทช์แบคอย่าง มาร์ช 15.1 วินาที ขณะที่ สวิฟท์ 14.9 วินาที และ บรีโอ 14.8 วินาที
ส่วนอัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. เสมือนความเร็วเร่งแซงบนถนนหลวง อัลเมรา ใช้เวลา 12.1 วินาที ทางด้าน มาร์ช 11.7 วินาที ถือว่าใกล้เคียงกันพอสมควร ขณะที่ สวิฟท์ 11.0 วินาที แต่ค่อนข้างทิ้งห่างกับ บรีโอ ที่ฉับไวถึง 9.9 วินาที
อัตราเร่งทั้ง 2 ส่วนนี้พอจะแสดงได้ว่า อัลเมรา ไม่อาจหนีกฎทางฟิสิคส์ไปได้ ด้วยพละกำลังที่เท่ากับ มาร์ช แต่การแบกน้ำหนักตัวที่มากกว่า ทำให้อัตราเร่งด้อยกว่ากันเล็กน้อย และโดนทิ้งห่างพอประมาณกับบรรดาเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง อย่าง สวิฟท์ และ บรีโอ ที่มีความกระฉับกระเฉงกว่าจากการได้เปรียบเรื่องน้ำหนัก และพละกำลัง
บุคลิกของเครื่องยนต์ 3 สูบ ช่วงชักยาว ของ อัลเมรา อาจด้อยที่การตอบสนองต่ออัตราเร่งแบบทันทีทันใด แต่การไต่ความเร็วถึงระดับ 130-140 กม./ชม. ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย แม้จะใช้เวลาบ้าง สามารถเพิ่มความเร็วถึงระดับดังกล่าวโดยไม่ต้องเค้นคันเร่งแต่อย่างใด หากมองในแง่การใช้งานทั่วไปแล้ว อัตราเร่งของรถรุ่นนี้ตอบสนองได้พอเพียง สามารถใช้งานสำหรับเดินทางไกลได้สะดวกสบาย
ระบบรองรับ (3 ดาว)
เน้นนุ่มนวล นิ่งที่ความเร็วสูง
ช่วงล่างของ อัลเมรา ปรับแต่งให้เน้นความนุ่มนวล เหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง รวมไปถึงสภาพถนนส่วนใหญ่ในบ้านเรา การหักเลี้ยวกะทันหันให้ความรู้สึกโคลงตัวพอสมควร อย่างไรก็ตามแม้แล่นที่ความเร็วระดับ 130-140 กม./ชม. ตัวรถก็มีความมั่นคงเป็นอย่างดี เป็นผลจากระยะฐานล้อที่ยาว มีส่วนช่วยไม่น้อย ขณะที่การบังคับควบคุมเบาแรง ตามสไตล์รถที่เน้นการใช้งานทั่วไป มีความมั่นคงที่ดี แต่ตอบสนองแบบค่อยเป็นค่อยไป การเลี้ยวในที่แคบกระทำได้โดยง่าย เพิ่มความคล่องตัว ชดเชยกับตัวถังซีดานทรงยาว
ด้านประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 80 และ 100 กม./ชม. อัลเมรา ใช้ระยะ 29.1/45.9 ม. บรรดาแฮทช์แบคทั้งหลายอย่าง มาร์ช 27.6/40.9 ม. สวิฟท์ 28.8/45.0 ม. และ บรีโอ 30.7/46.4 ม. แสดงให้เห็นถึงระบบเบรคที่น่าพอใจของ อัลเมรา แม้จะด้อยกว่าเพื่อนร่วมค่ายอย่าง มาร์ช อยู่บ้าง แต่เทียบกับคู่แข่งรายอื่น ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน แม้ตัวถังจะใหญ่ และหนักกว่าก็ตาม
สรุป
ซีดานราคาประหยัด แต่จัดมา "เยอะ"
อัลเมรา แสดงให้เห็นตรรกะใหม่ สำหรับรถยุคปัจจุบัน กับราคาที่ไม่แพงเกินตัว ด้วยขนาดที่ไม่จำเป็นต้องเล็กจิ๋วเสมอไป พื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือ ภายใต้การประหยัดเชื้อเพลิง และอัตราไอเสียที่ต่ำระดับ อีโคคาร์ แม้จะต้องแลกกับอัตราเร่งอยู่บ้าง แต่ก็อยู่ในระดับที่เพียงพอสำหรับการใช้งานทั่วไป แถมยังให้อุปกรณ์ใช้สอย และความปลอดภัยที่ครบเครื่อง
หากมองที่พิกัดเครื่องยนต์ อัลเมรา อาจถูกนิยามเป็น "รถเล็ก" รุ่นหนึ่ง แต่หากมองถึงความคุ้มค่าด้วยแล้วล่ะก็ เราอยากเสริมว่านี่คือรถเล็กที่ "ใจใหญ่" ให้มาเกินตัวอย่างนั้นเชียว
ข้อมูลจำเพาะ นิสสัน อัลเมรา วีแอล
ผู้แทนจำหน่าย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2401-9600
มิติ และน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,425/1,695/1,500
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 1,480/1,485
ฐานล้อ (มม.) 2,600
น้ำหนัก (กก.) 1,027
ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 41
เครื่องยนต์
แบบ เบนซิน 3 สูบ 12 วาล์ว
ความจุ (ซีซี) 1,198
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 78.0/83.6
อัตราส่วนกำลังอัด 10.2:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 79/6,000
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 10.8/4,400
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง หัวฉีดอีเลคทรอนิคมัลทิพอยท์
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ (จังหวะ) อัตโนมัติแปรผัน
ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หน้า
ระบบรองรับ
หน้า อิสระ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง
หลัง ทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง
ระบบบังคับเลี้ยว
แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า
ระบบห้ามล้อ
แบบ เอบีเอส อีบีดี และบีเอ
หน้า จาน
หลัง ดุม
ราคา (บาท) 599,000
อัตราเร่ง (วินาที)
0-60 กม./ชม. 7.2
0-80 กม./ชม. 11.1
0-100 กม./ชม. 16.4
0-120 กม./ชม. 23.9
0-400 ม. 20.6 @ 112.5
0-1,000 ม. 37.4 @ 140.4
อัตราเร่งยืดหยุ่น (วินาที)
60-100 กม./ชม. 9.2
80-120 กม./ชม. 12.1
ห้ามล้อเมื่อหยุดรถกะทันหันจากความเร็ว (ม./ค่าจี)
60-0 กม./ชม 16.1/0.88
80-0 กม./ชม. 29.1/0.87
100-0 กม./ชม. 45.9/0.86
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงความเร็วคงที่ (กม./ชม.) กม./ลิตร (ลิตร/100 กม.)
60 32.2 (3.2)
80 27.7 (3.7)
100 20.6 (4.9)
120 16.2 (6.3)
ระดับเสียงรบกวนในห้องโดยสาร (เดซิเบล A)
ที่ความเร็ว 0 กม./ชม. (จอดนิ่ง)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 140 กม./ชม.
ความคลาดเคลื่อนของมาตรวัดความเร็ว (กม./ชม.)
ที่ความเร็ว 60 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 80 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 100 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 120 กม./ชม.
ที่ความเร็ว 140 กม./ชม.
หมายเหตุ : รถใหม่
เรื่องโดย : ภูเขม หน่อสวรรค์ poukhem@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กรกฏาคม ปี 2555
คอลัมน์ Online : ทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/30699