รถใหม่
ประสบการณ์จากการไปเยือนงานแสดงรถยนต์ระดับ "อินเตอร์" 3 รายการก่อนหน้านี้ คือ มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ครั้งที่ 63 เมื่อเดือนกันยายนปีกลาย มหกรรมยานยนต์โตเกียว ครั้งที่ 41 ในเดือนถัดมา และมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ซึ่งล้วนแล้วได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ ทำให้เราคาดหมายว่า มหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งที่ 80 ซึ่งกำหนดมีขึ้นในช่วงเวลา 11 วัน ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 4 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2010 ก็คงมีสภาพไม่ต่างกันนัก
ประสบการณ์จากการไปเยือนงานแสดงรถยนต์ระดับ "อินเตอร์" 3 รายการก่อนหน้านี้ คือ มหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท ครั้งที่ 63 เมื่อเดือนกันยายนปีกลาย มหกรรมยานยนต์โตเกียว ครั้งที่ 41 ในเดือนถัดมา และมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ ครั้งล่าสุด เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ ซึ่งล้วนแล้วได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ ทำให้เราคาดหมายว่า มหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งที่ 80 ซึ่งกำหนดมีขึ้นในช่วงเวลา 11 วัน ระหว่างวันพฤหัสบดีที่ 4 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2010 ก็คงมีสภาพไม่ต่างกันนัก
เรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่คาดคิด มหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งล่าสุดนี้ยังคงสภาพของงานแสดงรถยนต์ระดับ "อินเตอร์"ไว้ได้อย่างครบครัน และกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทุกรายนำผลงานใหม่ออกแสดงในงานนี้ ไม่มีเว้นแม้กระทั่งผู้ผลิตรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของแดนภารตะอย่าง ทาทา มอเตอร์ส (TATA MOTORS) ตามตัวเลขของผู้จัดงาน มีสินค้ารถยนต์มากกว่า 150 รายการ ที่ปรากฏตัวในลักษณะ ครั้งแรกในโลก (WORLD PREMIERE) ครั้งแรกในยุโรป (EUROPEAN PREMIERE) หรือครั้งแรกในเมืองสวิสส์ (SWISS PREMIERE) ที่งานนี้
ลุค อาร์กองด์ (LUC ARGAND) ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา มาแล้ว 5 ปี บอกกับผู้สื่อข่าวในเมืองสวิสส์ว่า หลังงานครั้งที่ 79 เมื่อปีก่อน ผู้จัดงานคาดหมายว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก อาจจะทำให้งานครั้งที่ 80 ในปี 2010 จำเป็นต้องลดพื้นที่ลงถึงร้อยละ 20 หรือร้อยละ 30 หรืออาจจะแย่จนถึงร้อยละ 40 แต่ผลลัพธ์กลับตรงกันข้าม เพราะเมื่อถึงเส้นตายของการจับจองพื้นที่เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2010 ปรากฏว่า พื้นที่ทั้งหมดซึ่งกว้างขวางกว่าหนึ่งแสนตารางเมตรมีผู้จับจองเต็มร้อยทั้งร้อย
เป็นงานแสดงรถยนต์ระดับ "อินเตอร์" อีกรายการหนึ่งที่ชี้ว่า โลกของรถยนต์กำลังเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยน และผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ทุกรายในโลกใบเล็กๆ ใบนี้กำลังสาละวนอยู่กับการพัฒนาระบบขับเคลื่อนแบบใหม่ เพื่อนำมาใช้แทนระบบขับเคลื่อนด้วยพละกำลังจากเครื่องยนต์สันดาปภายในที่ใช้น้ำมันจากซากสัตว์ดึกดำบรรพ์เป็นเชื้อเพลิง ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ๆ แทบทุกรายมีผลงานใหม่ที่เกี่ยวข้องกับรถไฮบริด หรือรถไฟฟ้า แสดงในงานนี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ผลิตรถสปอร์ทอย่าง โพร์เช (PORSCHE) ของเยอรมนี แฟร์รารี (FERRARI) ของเมืองมะกะโรนี และ โลทัส (LOTUS) ของเมืองผู้ดี
ตามตัวเลขของผู้จัดงานอีกเช่นกัน มีรถที่ขับเคลื่อนด้วยแหล่งพลังอย่างอื่นนอกเหนือจากพลังของเครื่องยนต์เบนซิน หรือเครื่องยนต์ดีเซลล้วนๆ ปรากฏตัวให้เห็นในงานนี้มากกว่า 60 คัน มีรถอะไรกันบ้าง? พลิกไปอ่านได้เลยครับใน 17 หน้าถัดจากนี้ แน่นอน ด้วยเนื้อที่อันจำกัดเราไม่สามารถเสนอได้ครบทุกคัน แต่ก็นับได้ว่าเป็นส่วนใหญ่
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอฟ 800 สไตล์
เมร์เซเดส-เบนซ์ เอฟ 800 สไตล์ (MERCEDES-BENZ F800 STYLE) จุดโฟคัสสายตาในบูธของค่าย "ดาวสามแฉก" เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเก๋งซาลูน 5 ที่นั่ง ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด หรือโดยมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งได้พลังไฟจากเซลล์เชื้อเพลิง (FUEL CELL) รายละเอียดมากกว่านี้โปรดอ่านใน "ข่าวรอบโลก"
โอเพล ฟเลกซ์ตรีม จีที/อี
โอเพล ฟเลกซ์ตรีม จีที/อี (OPEL FLEXTREME GT/E) ผลงานชิ้นล่าสุดของค่าย "สายฟ้า" เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถ 4 ประตูคูเป ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 16 กิโลวัตต์ชั่วโมง ประจุไฟแต่ละครั้งสามารถเดินทางได้ไกลประมาณ 55 กม. และเมื่อไฟหมดก็มีเครื่องยนต์ขนาด 1.4 ลิตร 70 แรงม้า ทำหน้าที่ประจุไฟเข้าแบทเตอรี ช่วยยืดระยะการเดินทางเป็น 480 กม. โดยปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แค่ 40 กรัม/กม. โดยเฉลี่ย ตัวถังยาว 4.70 ม. มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศแค่ 0.22
โอเพล เมอรีวา
หลังจากเปิดตัวผ่านเวบไซท์มาตั้งแต่ตอนต้นปี ค่าย "สายฟ้า" ก็เปิดโอกาสให้คนรักรถได้สัมผัสตัวจริงเสียงจริงของ โอเพล เมอรีวา (OPEL MERIVA) รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 ได้เป็นครั้งแรกที่งานนี้ ตัวถังซึ่งมีขนาดยาวกว่ารถรุ่นเดิมถึง 24 ซม. มีลักษณะเด่นที่แตกต่างไปจากรถรุ่นก่อน คือ ประตูข้างที่เปิดแยกออกจากกันโดยมีเสาค้ำยันกลาง อย่างที่เรียกกันในภาษาอังกฤษว่า SUICIDE DOORS หรือ "ประตูฆ่าตัวตาย" กำลังจะออกจำหน่ายในหลายประเทศยุโรป โดยใช้โรงงานในประเทศสเปนเป็นที่ผลิต และมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ทั้งเครื่องเบนซิน และเครื่องดีเซล ซึ่งให้กำลังสูงสุดตั้งแต่ 75 ถึง 140 แรงม้า
บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 ซาลูน
เปิดตัวผ่านเวบไซท์มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีกลาย แต่งานนี้เป็นโอกาสแรกที่คนรักรถในทวีปยุโรปมีโอกาสสัมผัสตัวจริงเสียงจริงของ บีเอมดับเบิลยู ซีรีส์-5 ซาลูน (BMW 5-SERIES SALOON) รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 6 ออกจำหน่ายแล้วในเมืองเบียร์ และอีกหลายประเทศในยุโรป ในตัวถังที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง มีขนาดยาวกว่ารถรุ่นเดิม 5.8 ซม. และกว้างกว่าเดิม 1.4 ซม. แต่รูปทรงองค์เอวของตัวถังกลับทำให้ตัวรถดูปราดเปรียวกว่ารถรุ่นเดิม รายละเอียดมากกว่านี้โปรดย้อนไปอ่าน "ข่าวรอบโลก" ในฉบับเดือนมกราคม 2553
ฟอร์ด โฟคัส สเตชัน แวกอน
หลังจากเปิดตัวรถ ฟอร์ด โฟคัส (FORD FOCUS) รุ่นใหม่ในตัวถัง 4 ประตูซาลูน และตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ไปแล้วที่งานมหกรรมยานยนต์ดีทรอยท์ เมื่อกลางเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ยักษ์รองของเมืองมะกันก็ใช้เวทีหมุนขนาดยักษ์ในงานนี้เปิดตัวรถ ฟอร์ด โฟคัส ในตัวถังอีกแบบหนึ่ง คือตัวถัง 5 ประตูตรวจการณ์ ซึ่งเรียกในภาษาอังกฤษว่า สเตชัน แวกอน (STATION WAGON) ที่งานนี้เช่นกัน ผู้บริหารของค่าย ฟอร์ด ยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า กล่าวโดยรวม ฟอร์ด โฟคัส รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 3 นี้ จะมีตัวถังให้เลือกใช้รวม 10 แบบ
เอาดี เอ 8 ไฮบริด
ค่าย "สี่ห่วง" ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัวผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องหลายชิ้น และหนึ่งในจำนวนนั้น คือ เอาดี เอ 8 ไฮบริด (AUDI A8 HYBRID) ที่เห็นในภาพซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดที่พัฒนาจากรถตลาด โดยเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน จากขับด้วยพลังของเครื่องยนต์สันดาปภายในเพียงอย่างเดียว เป็นขับด้วยระบบไฮบริด โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 33 กิโลวัตต์/45 แรงม้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์เบนซินฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 4 สูบเรียง 2.0 ลิตร 211 แรงม้า ได้กำลังรวมสูงสุด 245 แรงม้า สามารถทำความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 6.2 ลิตร/100 กม. และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 144 กรัม/กม.
เอาดี เอ 1
ค่าย "สี่ห่วง" ก้าวย่างเข้าสู่ตลาดของรถยนต์นั่งขนาดซูเพอร์มีนี โดยใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว เอาดี เอ 1 (AUDI A1) รถอนุกรมใหม่ ซึ่งเริ่มการผลิตไปแล้วที่โรงงานซึ่งตั้งอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียมไม่กี่วันก่อนการเปิดตัวแบบ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ ตัวถังยาว 3.950 ม.กว้าง 1.740 ม. และสูง 1.420 ม. ซึ่งออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.32 รายละเอียดมากกว่านี้โปรดติดตามอ่านใน "ระเบียงรถใหม่"
เอาดี เอ 1 อี-ทรอน
เอาดี เอ 1 อี-ทรอน (AUDI A1 E-TRON) รถแนวคิดซึ่งพัฒนาจากรถตลาด เอาดี เอ 1 โดยเปลี่ยนระบบขับ เป็นขับล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 75 กิโลวัตต์/102 แรงม้า ซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรี ลิเธียม-ไอออน ขนาด 12 กิโลวัตต์ชั่วโมง ประจุไฟแต่ละครั้งเดินทางได้ไกลประมาณ 50 กม. ด้วยความเร็วสูงสุดที่สูงกว่า 130 กม./ชม. แถมยังมีเครื่องยนต์โรตารีขนาด 254 ซีซี ทำหน้าที่ขับเจเนอเรเตอร์ปั่นไฟเข้าแบทเตอรี ช่วยยืดระยะการเดินทางได้อีก 200 กม.
เอาดี อาร์เอส 5 คูเป
ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่ค่าย "สี่ห่วง" นำออกอวดตัวในลักษณะ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ เอาดี อาร์เอส 5 คูเป (AUDI RS 5 COUPE) รถตลาดซึ่งพัฒนาจากรถ เอาดี เอ 5 (AUDI A5) โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดมากมายเพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ในลักษณะของรถสปอร์ท รวมทั้งเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มีขนาดโตและแรงขึ้น ติดตั้งเครื่องยนต์ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC วี 8 สูบ 4,163 ซีซี ที่ให้กำลังสูงถึง 450 แรงม้า เป็นรถหน้าตาธรรมดาที่แรงและเร็วจนน่ากลัว อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 4.6 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. และเพิ่มเป็น 280 กม./ชม. ได้หากผู้ซื้อร้องขอ
โฟล์คสวาเกน ชาราน
ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์ เป็นผู้ผลิตรถยนต์อีกรายหนึ่งที่นำผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องออกอวดตัวในงานนี้หลายชิ้น โฟล์คสวาเกน ชาราน (VOLKSWAGEN SHARAN) ที่เห็นอยู่นี้ เป็นรถรุ่นใหม่ และเป็นรถตู้อเนกประสงค์ที่ผู้ผลิตกล่าวอ้างว่า เป็นรถประหยัดเชื้อเพลิงที่สุดเมื่อเทียบกับรถระดับเดียวกันทุกรุ่นทุกแบบ คือ มีอัตราสิ้นเปลืองแค่ 5.5 ลิตร/100 กม. รายละเอียดอื่นๆ โปรดติดตามอ่าน "ระเบียงรถใหม่"
โฟล์คสวาเกน ครอสส์ โพโล
อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เช่นกัน คือ โฟล์คสวาเกน ครอสส์ โพโล (VOLKSWAGEN CROSS POLO) รุ่นที่ 2 ซึ่งก็เช่นเดียวกับรถชื่อเดียวกันรุ่นแรกที่เริ่มจำหน่ายในเมืองเบียร์ เมื่อต้นปี 2006 คือ พัฒนาจากรถแฮทช์แบค โฟล์คสวาเกน โพโล (VOLKSWAGEN POLO) โดยปรับปรุงรายละเอียดมากมายทั้งในส่วนตัวถัง และเครื่องยนต์กลไก เพื่อให้มีรูปลักษณ์ และสมรรถนะการขับขี่เหมือนเป็น SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้ง รวมทั้งยกพื้นรถให้สูงกว่าเดิม กำลังจะออกจำหน่ายในหลายประเทศของยุโรป โดยใช้โรงงานในประเทศสเปนเป็นที่ผลิต และมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลายรวม 6 ขนาด ตั้งแต่ 70 จนถึง 105 แรงม้า
โฟล์คสวาเกน ครอสส์ กอล์ฟ
ผลงานใหม่เอี่ยมแกะกล่องอีกชิ้นหนึ่งที่ยักษ์ใหญ่ของเมืองเบียร์นำออกอวดตัวในลักษณะ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ โฟล์คสวาเกน ครอสส์ กอล์ฟ (VOLKSWAGEN CROSS GOLF) รถที่ผู้ผลิตอวดว่ารังสรรค์ขึ้นเพื่อเติมช่องว่างระหว่าง MPV หรือรถอเนกประสงค์ กับ SUV หรือรถกิจกรรมกลางแจ้ง พัฒนาจากรถแฮทช์แบคยอดนิยม โฟล์คสวาเกน กอล์ฟ (VOLKSWAGEN GOLF) รุ่นปัจจุบัน โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหลายๆ จุด รวมทั้งยกความสูงของพื้นรถ และตำแหน่งนั่งขับ เริ่มจำหน่ายแล้วในหลายประเทศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างหลากหลาย ตั้งแต่ 105 จนถึง 160 แรงม้า
โพร์เช 918 สไปเดอร์
จุดโฟคัสสายตาในบูธของยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองเบียร์ โพร์เช 918 สไปเดอร์ (PORSCHE 918 SPYDER) เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทไฮบริด ซึ่งมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแค่ 3 ลิตร/100 กม. และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์แค่ 70 กรัม/กม. รายละเอียดมากกว่านี้โปรดติดตามอ่านใน "ระเบียงรถใหม่"
โพร์เช 911 จีที 3 อาร์ ไฮบริด
โพร์เช 911 จีที 3 อาร์ ไฮบริด (PORSCHE 911 GT3 R HYBRID) รถแข่งจีทีแบบแรกในประวัติศาสตร์ของยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองเบียร์ที่ใช้ระบบขับแบบไฮบริด โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 60 กิโลวัตต์/82 แรงม้า 2 ชุด ช่วยขับล้อคู่หน้า เพื่อเสริมการทำงานกับเครื่องยนต์ DOHC 6 สูบนอนยัน (บอกเซอร์) 4.0 ลิตร 480 แรงม้า ซึ่งขับล้อคู่หลัง แถมไม่ใช้แบทเตอรีอย่างที่ใช้ในรถไฮบริดทั่วๆ ไป แต่ใช้แบทเตอรีอย่างที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า ELECTRIC FLYWHEEL BATTERY ซึ่งจะเกิดการประจุไฟเมื่อเหยียบห้ามล้อ
โพร์เช กาเยนน์ เอส ไฮบริด
โพร์เช กาเยนน์ เอส ไฮบริด (PORSCHE CAYENNE S HYBRID) ผลงานใหม่อีกชิ้นหนึ่งที่ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองเบียร์นำออกอวดตัวเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถตลาดแบบแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายนี้ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด เป็นระบบไฮบริดที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 34 กิโลวัตต์/47 แรงม้า ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ DOHC วี 6 สูบ 2,995 ซีซี 333 แรงม้า ได้กำลังรวมสูงสุด 380 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. ส่วนแบทเตอรีที่ใช้เป็นแบทเตอรีนิคเคิล-เมทัล ไฮดไรด์ (NICKEL-METAL HYDRIDE) ขนาด 228 โวลท์ 6 แอมพ์ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 6.5 วินาที ความเร็วสูงสุด 242 กม./ชม.
โวลโว เอส 60
หลังจากปรากฏตัวตามเวบไซท์และสื่อประเภทต่างๆ มานานไม่น้อยกว่าครึ่งปี งานนี้เป็นงานแรกที่คนรักรถได้มีโอกาสสัมผัสตัวจริงเสียงจริงของ โวลโว เอส 60 (VOLVO S60) รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 2 กำลังจะออกจำหน่ายในตลาดยุโรปโดยมีแชสซีส์ให้เลือกใช้ 2 แบบ กำกับด้วยรหัส DYNAMIC และ COMFORT รายละเอียดมากกว่านี้โปรดติดตามอ่านใน "ระเบียงรถใหม่" ไม่นานเกินรอ
เซอัต ไอบี อี
ผู้ผลิตรถยนต์เมืองกระทิงดึงดูดความสนใจของผู้คนด้วย เซอัต ไอบี อี (SEAT IBE) รถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทคูเป 2+2 ที่นั่ง ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 75 กิโลวัตต์/102 แรงม้า ซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 18 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำอัตราเร่ง 0-50 กม./ชม. ใน 3.4 วินาที และอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 9.4 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุด คือ 160 กม./ชม. ตัวถังยาว 3.780 ม. กว้าง 1.800 ม. และสูง 1.220 ม. มีน้ำหนักตัวแค่ 1,000 กก.
เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล ซูเพอร์สปอร์ทส์ คอนเวอร์ทิเบิล
เบนท์ลีย์ คอนทิเนนทัล ซูเพอร์สปอร์ทส์ คอนเวอร์ทิเบิล (BENTLEY CONTINENTAL SUPERSPORTS CONVERTIBLE) รถชื่อยาวกว่าท่าเตียนถึงถนนตก เป็นรถโมเดลใหม่ล่าสุด รวมทั้งเป็นรถเปิดประทุนที่แรงและเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองผู้ดี ดัดแปลงจากรถคูเปชื่อเดียวกัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงเฉพาะในส่วนหลังคา แต่เครื่องยนต์กลไกยังใช้ชุดเดิม เป็นรถเปิดประทุนที่แรงและเร็วจนน่ากลัวว่าหัว (คนขับและคนนั่ง) จะหลุดตามแรงลม อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ใน 9.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กม./ชม. กำหนดออกตลาดในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ ด้วยค่าตัวที่คาดว่าน่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 175,000 ปอนด์
มีนี คันทรีแมน
ผลงานที่ดึงดูดผู้คนให้หลั่งไหลเข้าสู่บูธของค่าย มีนี เหมือนสำนวนที่พูดกันในยุคโบราณว่า "หัวกระไดไม่แห้ง" เป็นผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอังกฤษที่มีเจ้าของนั่งจิบเบียร์อยู่ในเยอรมนี รวมทั้งเป็นรถแบบแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายนี้ที่มีประตูข้างรวม 4 บาน มีตัวถังยาวกว่า 4.00 ม. และมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อให้เลือกใช้ด้วย มีกำหนดออกจำหน่ายในเมืองผู้ดีเดือนกันยายนปีนี้ โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้อย่างจุใจถึง 5 ขนาด มีทั้งเครื่องเบนซิน และเครื่องดีเซล รายละเอียดมากกว่านี้โปรดย้อนไปอ่าน "ข่าวรอบโลก" ในฉบับเดือนมีนาคม 2553
แอสตัน มาร์ทิน ซิกเนท
ยอดผู้ผลิตรถสปอร์ทเมืองผู้ดี ใช้งานนี้เป็นที่เปิดตัว แอสตัน มาร์ทิน ซิกเนท (ASTON MARTIN CYGNET) ซึ่งไม่ใช่รถสปอร์ท แต่เป็นรถนาคร 1+3 ที่นั่ง ระดับ "พรีเมียม" ที่ดัดแปลงจาก โตโยตา ไอคิว (TOYOTA IQ) รถขนาดจิ๋วของยักษ์ใหญ่เมืองยุ่น ยังติดป้ายว่าเป็นรถแนวคิด แต่เชื่อกันว่า เกือบร้อยทั้งร้อยคงไม่มีอะไรผิดเพี้ยนจากรถตัวจริงที่จะออกจำหน่ายตอนปลายปีนี้ ด้วยค่าตัวที่คาดว่าจะเริ่มต้นที่ระดับ 30,000 ปอนด์ หรือเท่ากับประมาณ 1.5 ล้านบาทไทย
โลทัส เอโวลา 414 อี ไฮบริด
โลทัส เอโวลา 414 อี ไฮบริด (LOTUS EVOLA 414E HYBRID) ผลงานอีกชิ้นหนึ่งที่พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้แต่ผู้ผลิตรถสปอร์ทก็ยังจำเป็นต้องใส่ใจกับระบบขับแบบไฮบริด เป็นรถแนวคิดซึ่งดัดแปลงจากรถตลาด โดยเปลี่ยนระบบขับ จากขับล้อหน้าด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน เป็นขับด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ชุด ซึ่งให้กำลังรวม 304 กิโลวัตต์/414 แรงม้า (เป็นที่มาของชื่อรถ) และใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ซึ่งประจุไฟด้วยไฟบ้าน หรือโดยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเรียง 1.2 ลิตร 47 แรงม้า ซึ่งติดตั้งอยู่ในตัวรถ ประจุไฟเต็มหม้อแต่ละครั้งจะวิ่งได้ไกลประมาณ 55 กม. และยืดได้อีกประมาณ 480 กม. เมื่อใช้เครื่องยนต์
เรอโนลต์ วินด์
ยักษ์ใหญ่ของเมืองน้ำหอมเปิดตัวรถใหม่ในลักษณะ WORLD PREMIERE หรือ "ครั้งแรกในโลก" หลายคัน แต่คันที่เรียกความสนใจได้มากที่สุด คือ เรอโนลต์ วินด์ (RENAULT WIND) รถเปิดประทุนอนุกรมใหม่ล่าสุดที่จะออกจำหน่ายในเมืองน้ำหอมกลางปีนี้ โดยขอหยิบขอยืมชิ้นส่วนหลายชิ้นรวมทั้งพแลทฟอร์มจากรถแฮทช์แบค เรอโนลต์ ทวิงโก รายละเอียดมากกว่านี้โปรดติดตามอ่านใน "ระเบียงรถใหม่" เช่นเดียวกัน
เรอโนลต์ เมกาน คูเป กาบริโอเลต์
รถเปิดประทุนอีกแบบหนึ่งที่เปิดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ เรอโนลต์ เมกาน คูเป กาบริโอเลต์ (RENAULT MEGANE COUPE CABRIOLET) รถ 4 ที่นั่ง ซึ่งจะเริ่มออกโชว์รูมในฝรั่งเศสตอนกลางปี เพื่อแย่งยอดขายกับรถประเภทเดียวกันของค่าย "สิงห์เผ่น" คือ เปอโฌต์ 308 เซเซ ประทุนหลังคาแบบแข็งซึ่งออกแบบเป็น 2 ชิ้น มีพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นช่องกระจก ทำให้ดูเบาและไม่เทอะทะเหมือนรถเปิดประทุนบางแบบ
เปอโฌต์ 408
ค่าย "สิงห์เผ่น" เป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อีกรายหนึ่ง ที่นำผลงานใหม่หลายชิ้นออกแสดงในงานนี้ เปอโฌต์ 408 (PEUGEOT 408) ที่เห็นในภาพขวามือ คือ หนึ่งในจำนวนนั้น เป็นรถอนุกรมใหม่ที่ออกแบบและพัฒนาโดยมีสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นตลาดเป้าหมาย และเริ่มจำหน่ายในเมืองมังกรไปแล้วเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา ตัวถังทรง 3 กล่อง ยาว 4.680 ม. กว้าง 1.815 ม. สูง 1.525 ม. และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ 0.30 ซึ่งเป็นผลงานจากความร่วมมือของทีมงานออกแบบในฝรั่งเศส และในสาธารณรัฐประชาชนจีน ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำโดยไม่รู้สึกกระดากว่าเป็นจุดเด่นสะดุดตา
5 บาย เปอโฌต์
ผลงานใหม่ของค่าย "สิงห์เผ่น" ที่ปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ในงานนี้มีอยู่หลายชิ้น แต่ชิ้นที่เรียกความสนใจได้มากที่สุด คือ 5 บาย เปอโฌต์ (5 BY PEUGEOT) รถชื่อพิลึกเพราะเอายี่ห้อไว้ข้างหลัง เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถยนต์นั่งระดับหรู ขับเคลื่อน 4 ล้อ ด้วยระบบไฮบริด โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 27 กิโลวัตต์/37 แรงม้า ขับล้อคู่หน้า และใช้เครื่องยนต์ดีเซลฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง 2.0 ลิตร 163 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง
เปอโฌต์ แอสแอร์ 1
ปรากฏตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เช่นกันคือ เปอโฌต์ แอสแอร์ 1 (PEUGEOT SR1) รถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถเปิดประทุนประหยัดเชื้อเพลิงและปล่อยไอพิษต่ำ ตัวถังยาว 4.426 ม. กว้าง 1.917 ม. และสูง 1.246 ม. ซึ่งมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศแค่ 0.27 ใช้ระบบขับ 4 ล้อ แบบไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์เทอร์โบ 1,598 ซีซี 218 แรงม้า ขับล้อคู่หน้า และมอเตอร์ไฟฟ้า 70 กิโลวัตต์/95 แรงม้า ขับล้อคู่หลัง มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยแค่ 4.9 ลิตร/100 กม. และปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ 119 กรัม/กม.
เปอโฌต์ อีออง
รถ "สิงห์เผ่น" อีกคันหนึ่งที่เลือกมาให้ชมกัน คือ เปอโฌต์ อีออง (PEUGEOT ION) รถไฟฟ้าซึ่งมีกำหนดออกตลาดในฝรั่งเศส ตอนปลายปี 2010 ไม่ขายขาด แต่จะให้เช่าโดยคิดราคาต่ำกว่า 500 ยูโร/เดือน กล่าวอย่างตรงไปตรงมา เป็นรถ มิตซูบิชิ ไอ เมียฟ (MITSUBISHI I MIEV) ซึ่งผลิตในญี่ปุ่น ปรับเปลี่ยนรายละเอียดนิดๆ หน่อยๆ แล้วติดตรา "สิงห์เผ่น" เข้าไป ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 47 กิโลวัตต์/64 แรงม้า และแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ซึ่งสามารถประจุไฟด้วยไฟบ้านโดยใช้เวลา 6 ชม. หรือประจุด่วนโดยใช้เวลาแค่ 30 นาที ประจุไฟแต่ละครั้งรถจะวิ่งได้ไกลประมาณ 130 กม. ด้วยความเร็วสูงสุด 130 กม./ชม.
ซีตรอง เซอร์โวลท์
ซีตรอง เซอร์โวลท์ (CITROEN SURVOLT) จุดโฟคัสสายตาในบูธของค่าย "จ่าโท" เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถปอร์ทคูเปรูปทรงหวือหวา ตัวถังยาว 3.850 ม. กว้าง 1.870 ม. และสูง 1.200 ม. ไม่มีถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะเป็นรถไฟฟ้า
ซีตรอง เดแอส ไฮ ไรเดอร์
ผลงานอีกชิ้นหนึ่งของค่าย "จ่าโท" ที่อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ ซีตรอง เดแอส ไฮ ไรเดอร์ (CITROEN DS HIGH RIDER) ในภาพซ้ายมือ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถ CROSSOVER SUV 4 ที่นั่ง ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องเทอร์โบดีเซลฉีดตรงขับล้อคู่หน้า และมอเตอร์ไฟฟ้าขับล้อคู่หลัง เป็นต้นแบบของรถอนุกรมใหม่ที่ค่ายนี้จะนำออกสู่ตลาดในปี 2011 โดยติดป้ายชื่อ CITROEN DS4
ซีตรอง เซ-เซโร
ซีตรอง เซ-เซโร (CITROEN C-ZERO) รถอนุกรมใหม่ที่ค่าย "จ่าโท" จะนำออกสู่ตลาดในไตรมาสสุดท้ายของปี 2010 ก็อีหรอบเดียวกับ เปอโฌต์ อีออง (PEUGEOT ION) ที่เพิ่งผ่านตาไป คือ เป็นรถไฟฟ้า มิตซูบิชิ ไอ เมียฟ (MITSUBISHI I MIEV) ซึ่งผลิตในญี่ปุ่น แต่ติดยี่ห้อของฝรั่งเศส แล้วส่งลงเรือไปขึ้นบกที่เมืองน้ำหอม ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องประหลาดใจอะไร เพราะค่าย เปอโฌต์/ซีตรอง กับ มิตซูบิชิ เคยร่วมมือกันมาก่อนแล้ว และขณะนี้ก็มีข่าวเล่าลือหนาหูว่า ฝ่ายแรกกำลังเจรจาต่อรองเพื่อซื้อหุ้นบางส่วนของฝ่ายหลัง บอกเป็นข้อมูลเพิ่มเติมไว้ตรงนี้ว่า รถไฟฟ้าทั้งของ เปอโฌต์ และ ซีตรอง มีตัวถังยาวแค่ 3.480 ม. เท่านั้นเอง
อัลฟา โรเมโอ จูลีเอตตา
อัลฟา โรเมโอ จูลีเอตตา (ALFA ROMEO GIULIETTA) รถแบบใหม่ในชื่อเก่า ที่กำลังจะเข้าสู่สายการผลิตแทนที่รถรุ่นปัจจุบัน ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ อัลฟา โรเมโอ 147 มีกำหนดออกจำหน่ายในเดือนพฤษภาคม 2010 โดยมีตัวถังเพียงแบบเดียว คือ ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ยาว 4.350 ม. กว้าง 1.800 ม. และสูง 1.460 ม. แต่จะมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้ถึง 5 ขนาด คือ ตั้งแต่ 105 จนถึง 235 แรงม้า มีทั้งเครื่องเบนซิน และเครื่องดีเซล
ลัมโบร์กินี กัลญาร์โด แอลพี 570-4 ซูเพอร์เลกเกรา
อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้เช่นกัน คือ ลัมโบร์กินี กัลญาร์โด แอลพี 570-4 ซูเพอร์เลกเกรา (LAMBORGHINI GALLARDO LP 570-4 SUPERLEGGERA) รถสปอร์ทกระทิงดุโมเดลใหม่ล่าสุด พัฒนาจากรถรุ่นสามัญ คือ ลัมโบร์กินี กัลญาร์โด แอลพี 560-4 (LAMBORGHINI GALLARDO LP 560-4) โดยปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหลายๆ จุด จนน้ำหนักตัวเบาลง 70 กก. และเครื่องยนต์ให้กำลังสูงขึ้น 10 แรงม้า คือ จาก 560 เป็น 570 แรงม้า
เฟียต โดบโล เนเทอรัล เพาเวอร์
เฟียต โดบโล เนเทอรัล เพาเวอร์ (FIAT DOBLO NATURAL POWER) ผลงานใหม่ของยักษ์ใหญ่เมืองมะกะโรนี ซึ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถโมเดลพิเศษ ออกแบบสำหรับผู้ใช้รถที่ต้องการทั้งสมรรถนะ และการประหยัดเชื้อเพลิง ติดตั้งเครื่องยนต์ซูเพอร์ชาร์จ DOHC 4 สูบเรียง 1.4 ลิตร 120 แรงม้า ที่ใช้ทั้งเบนซิน และมีเธนเป็นเชื้อเพลิง คือ เมื่อเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์จะใช้เชื้อเพลิงเบนซิน แต่หลังจากนั้นจะเปลี่ยนเป็นใช้แกสมีเธนโดยอัตโนมัติ จนเมื่อแกสมีเธนหมดถัง (95 ลิตร/16.2 กก.) จึงจะเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงอีกครั้งหนึ่ง มีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 134 กรัม/กม.
แฟร์รารี ไฮ-เคอร์ส
แฟร์รารี ไฮ-เคอร์ส (FERRARI HY-KERS) "ดาวดวงเด่น" ของงานมหกรรมยานยนต์เจนีวา ครั้งนี้ เป็นรถแนวคิดซึ่งพัฒนาจากรถตลาด แฟร์รารี 599 จีทีบี ฟิโอราโน (FERRARI 599 GTB FIORANO) โดยใช้ระบบขับแบบไฮบริดที่ค่ายนี้กำลังเร่งรีบพัฒนา และคาดว่าจะนำมาใช้ในรถตลาดได้ภายใน 3 ปีข้างหน้า รายละเอียดมากกว่านี้โปรดติดตามอ่านใน "ระเบียงรถใหม่"
ปินินฟารีนา 2 อูเอตโตตตันตา
สำนักออกแบบรถยนต์ระดับเทพ เฉลิมฉลองวาระครบรอบ 80 ปี โดยนำรถชื่อเรียกยาก ปินินฟารีนา 2 อูเอตโตตตันตา (PININFARINA 2UETTOTTANTA) ออกอวดตัวต่อสายตาสาธารณชนเป็นครั้งแรกที่งานนี้ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ทเปิดประทุน 2 ที่นั่ง ที่สำนักออกแบบแห่งนี้รังสรรค์ขึ้นเพื่อเสนอให้ค่าย อัลฟา โรเมโอ ผลิตจำหน่ายในชื่อ อัลฟา โรเมโอ สไปเดอร์ (ALFA ROMEO SPYDER) แทนที่รถรุ่นที่ผลิตจำหน่ายในปัจจุบัน
อีตัลดีไซจ์น จูจาโร เอมัส
อีตัลดีไซจ์น จูจาโร เอมัส (ITALDESIGN GIUGIARO EMAS) ผลงานที่ยอดสำนักออกแบบเมืองมะกะโรนีรังสรรค์ให้แก่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ ปโรตอน (PROTON) ของมาเลเซีย เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กกะทัดรัดประหยัดเชื้อเพลิง ซึ่งมีตัวถังรวม 3 แบบ คือ ตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค 4 ที่นั่ง ตัวถัง 3 ประตูแฮทช์แบค 3+1 ที่นั่ง และตัวถัง 3 ประตูแฮทช์แบค 5 ที่นั่ง (คันที่เห็นในภาพ) โดยที่ 2 แบบแรกเป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด ที่ค่าย โลทัส (LOTUS) กำลังพัฒนา ส่วนแบบหลังเป็นรถไฟฟ้า ชื่อ EMAS ซึ่งย่อมาจาก ECO MOBILITY ADVANCED SOLUTIONS ในภาษาอังกฤษ เมื่อเป็นภาษามาเลเซีย จะแปลว่า GOLD หรือ ทองคำ
อัลฟา โรเมโอ ปันดีอน
รถที่รูปลักษณ์ฟู่ฟ่าอลังการที่สุดในงานนี้ คือ อัลฟา โรเมโอ ปันดีอน (ALFA ROMEO PANDION) ผลงานชิ้นใหม่ล่าสุดของสำนักออกแบบ แบร์โตเน (BERTONE) ซึ่งทำรถแนวคิดให้ค่าย อัลฟา โรเมโอ มาแล้ว 13 คัน กับรถตลาดอีก 10 แบบ เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถสปอร์ท 2+2 ที่นั่ง ที่เห็นที่ไหนใครๆ ก็ต้องมองจนเหลียวหลัง ตัวถังยาว 4.620 ม. กว้าง 1.942 ม. และสูง 1.284 ม. มีจุดเด่นสะดุดตามากมาย รวมทั้งประตูข้างยาวเรียวที่เปิดปิดแบบปีกนกดังที่เห็นในภาพ รายละเอียดมากกว่านี้โปรดติดตามอ่านใน "ระเบียงรถใหม่" เช่นกัน
ไอเดอา โซฟีอา
ไอเดอา โซฟีอา (IDEA SOFIA) ผลงานใหม่ล่าสุดของ ไอเดอา (I.DE.A) สถาบันออกแบบชื่อดังของเมืองมะกะโรนี เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถซีดาน 4 ประตู 4 ที่นั่ง สมรรถนะสูงแต่ไม่เปลืองเชื้อเพลิง ตัวถังยาว 5.097 ม. กว้าง 2.006 ม. และสูง 1.381 ม. ออกแบบให้สามารถใช้ระบบขับได้ 2 ลักษณะ คือ ขับล้อหน้า หรือล้อหลัง ด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน 400 แรงม้าอย่างเดียว กับขับล้อหลัง หรือทุกล้อแบบไฮบริด ซึ่งจะได้กำลังเพิ่มขึ้นอีก 100 แรงม้า
รินสปีด ยูซี
รินสปีด ยูซี (RINSPEED UC) ผลงานชิ้นล่าสุดของค่าย รินสปีด อิงค์ (RINSPEED INC.) ผู้ผลิตรถยนต์รายย่อยของเมืองสวิสส์ซึ่งนำผลงานใหม่ออกแสดงในงานนี้เป็นประจำทุกๆ ปีไม่เคยขาด เป็นรถแนวคิดในรูปลักษณ์ของรถนาคร 2 ที่นั่ง ซึ่งผู้ขับไม่จำเป็นต้องเตรียมเงินเป็นค่าน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะตัวถังซึ่งยาวแค่ 2.590 ม. กว้าง 1.627 ม. สูง 1.488 ม. และมีน้ำหนักเบาหวิวแค่ 980 กก. ไม่มีเครื่องยนต์ใดๆ แต่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 30 กิโลวัตต์/41 แรงม้า ซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีลิเธียม-ไอออน ขนาด 12 กิโลวัตต์ชั่วโมง ประจุไฟแต่ละครั้งด้วยไฟบ้าน เดินทางได้ไกลประมาณ 105 กม.
เลกซัส ซีที 200 เอช
เลกซัส ซีที 200 เอช (LEXUS CT 200H) หนึ่งในบรรดารถตลาดพันธุ์ยุ่นเพียงไม่กี่แบบที่อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กกะทัดรัด ในตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ยาว 4.320 ม. กว้าง 1.765 ม. และสูง 1.430 ม. ขับเคลื่อนล้อหน้าแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบเรียง 1.8 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีนิคเคิล-เมทัล ไฮดไรด์ (NICKEL-METAL HYDRIDE) มีกำหนดออกจำหน่ายในตลาดทั่วโลกปลายปี 2010 นี้
โตโยตา เอาริส ไฮบริด ซิเนอร์จี ดไรฟ
อวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" เช่นกัน คือ โตโยตา เอาริส ไฮบริด ซิเนอร์จี ดไรฟ (TOYOTA AURIS HYBRID SYNERGY DRIVE) รถไฮบริดขนาดเล็กกะทัดรัด ในตัวถัง 5 ประตูแฮทช์แบค ยาว 4.245 ม. กว้าง 1.760 ม. และสูง 1.510 ม. ใช้เครื่องยนต์ DOHC 4 สูบเรียง 1,798 ซีซี 98 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 60 กิโลวัตต์/80 แรงม้า ซึ่งรับพลังไฟจากแบทเตอรีนิคเคิล-เมทัล ไฮดไรด์ ได้กำลังรวมสูงสุด 136 แรงม้า และมีอัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำกว่า 99 กรัม/กม.
มาซดา 5
รถตลาดพันธุ์ยุ่นอีกแบบหนึ่งซึ่งอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ มาซดา 5 (MAZDA 5) รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถรุ่นที่ 3 ตัวถังทรงกล่องเดียว ยาว 4.585 ม. กว้าง 1.750 ม. และสูง 1.620 ม. ที่ออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดตั้งแต่หัวจรดหาง มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศที่เยี่ยมมากสำหรับรถประเภทนี้ คือแค่ 0.30 กำลังจะออกจำหน่ายในตลาดยุโรป โดยมีเครื่องยนต์ให้เลือกใช้รวม 2 ขนาด คือ เครื่อง DOHC 4 สูบเรียง 1,798 ซีซี 115 แรงม้า กับเครื่องฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง DOHC 4 สูบเรียง 1,998 ซีซี 150 แรงม้า ติดตั้งระบบ START-STOP SYSTEM ซึ่งช่วยประหยัดเชื้อเพลิง และลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างดี
ฮอนดา อีวี-เอน/ฮอนดา 3 อาร์-ซี
ยักษ์รองเมืองยุ่นนำรถแนวคิดออกอวดตัวในงานนี้รวม 2 คัน คันซ้ายมือ คือ ฮอนดา อีวี-เอน (HONDA EV-N) เคยเห็นกันมาก่อนแล้วที่งานมหกรรมยานยนต์โตเกียว เมื่อปลายปีกลาย ส่วนคันขวา คือ ฮอนดา 3 อาร์-ซี (HONDA 3R-C) ซึ่งเป็นรถที่นั่งเดี่ยวที่มีแค่ 3 ล้อ เพิ่งปรากฏตัวเป็นครั้งแรกที่งานนี้ ทั้ง 2 คันเป็นรถที่ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า
อินฟินิที เอม 37/เอม 30 ดี
อินฟินิที (INFINITI) ผู้ผลิตรถยนต์ระดับ "พรีเมียม" ของยักษ์รอง นิสสัน มอเตอร์ ใช้เวทีหมุนขนาดยักษ์ในงานนี้เป็นที่เปิดตัวรถยนต์นั่งระดับหรู อินฟินิที เอม (INFINITI M) รุ่นที่ 3 ซึ่งมีกำหนดออกจำหน่ายในเดือนกันยายนปีนี้ โดยมีรถให้ลูกค้าเลือกใช้รวม 2 โมเดล คือ อินฟินิที เอม 37 (INFINITI M37) ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์ DOHC วี 6 สูบ 3.7 ลิตร 320 แรงม้า กับ อินฟินิที เอม 30 ดี (INFINITI M30D) ซึ่งเป็นโมเดลที่ออกแบบสำหรับตลาดยุโรปโดยเฉพาะ ติดตั้งเครื่องดีเซล 3.0 ลิตร 238 แรงม้า ทั้ง 2 โมเดลอยู่ในตัวถัง ยาว 4.945 ม. กว้าง 1.844 ม. และสูง 1.501 ม. เป็นตัวถังที่ออกแบบได้เยี่ยม และมีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศแค่ 0.27
อินฟินิที เอม 35 ไฮบริด
รถตระกูลเอม อีกคันหนึ่งที่ค่าย อินฟินิที นำออกอวดตัวแบบ "ครั้งแรกในโลก" ที่งานนี้ คือ อินฟินิที เอม 35 ไฮบริด (INFINITI M35 HYBRID) รถไฮบริดแบบแรกในประวัติศาสตร์ของค่ายนี้ ซึ่งมีกำหนดออกตลาดในยุโรป ฤดูใบไม้ผลิปี 2011 ระบบขับล้อหลังแบบไฮบริดที่ค่ายนี้ตั้งชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า INFINITI DIRECT RESPONSE HYBRID ใช้เครื่องยนต์ DOHC วี 6 สูบ 3.5 ลิตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 50 กิโลวัตต์/68 แรงม้า และใช้แบทเตอรีลิเธียม-ไอออน (LITHIUM-ION) ขนาด 1.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งให้พลังไฟสูงแต่มีขนาดเล็กกะทัดรัด และน้ำหนักเบา ส่วนระบบเกียร์ที่ใช้เป็นเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ
เรื่องโดย : ชูศักดิ์ ชมจินดา chusak@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2553
คอลัมน์ Online : รถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28628