พิเศษ
ความกังวลของคนใช้รถยนต์วันนี้ หนีไม่พ้นเรื่องภัยจากกลุ่มคนร้ายปาหิน การเตรียมพร้อมรับมือไว้ก่อน ถือเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
ความกังวลของคนใช้รถยนต์วันนี้ หนีไม่พ้นเรื่องภัยจากกลุ่มคนร้ายปาหิน การเตรียมพร้อมรับมือไว้ก่อน ถือเป็นการป้องกันที่ดีที่สุด
การปาหินใส่กระจกรถยนต์ เป็นประเด็นร้อนในสังคมไทยไปแล้ว หลายส่วนมีความเห็นว่าควรออกกฎหมายลงโทษที่รุนแรง เช่น ให้ตัดมือคนปาทิ้งไปเลย เหมือนกฎหมายในบางประเทศ รวมทั้งประณามคนเหล่านี้เป็น ฆาตรกร เพราะทำให้ผู้รับเคราะห์ถึงกับเสียชีวิต หรือ พิกลพิการ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุแค้นเคืองกันมาก่อน...
เหตุปาหินที่เป็นข่าวดัง กรกฎาคม-กันยายน 2552
22 กรกฎาคม 52 รถตู้โดยสารกรุงเทพ ฯ-โคกสำโรง ลพบุรี ถูกวัยรุ่นปาก้อนหินใส่กระจกหน้า ทะลุโดนผู้โดยสารบาดเจ็บ 2 คน
27 กรกฎาคม 52 รถเก๋ง ถูกปาหินทะลุกระจก โดนคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส บนสะพานข้ามแยก ถนนรัชดาภิเษก-พระราม 4 ฝั่งตรงข้ามศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิตติ์
29 กรกฎาคม 52 คนร้ายปาหินใส่รถกระบะ ที่ถนนสายภูเก็ต-พังงา ผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยบาดเจ็บ รถเสียหาย
1 สิงหาคม 52 กลุ่มคนร้ายปาหินอาละวาดหนักที่ประจวบ ฯ โชเฟอร์รถบรรทุก 8 คัน แห่แจ้งความตำรวจบางสะพาน
10 สิงหาคม 52 ตำรวจชุมพร แถลงว่านับตั้งแต่วันที่ 1-8 สิงหาคม เกิดเหตุคนร้ายใช้ก้อนหิน ขวดน้ำอัดลม และ หนังสติ๊ก ยิงรถที่สัญจรไปมาในพื้นที่ชุมพร รวม 6 คดี หนึ่งในคนร้ายสารภาพว่าเห็นข่าวที่จังหวัดอื่น ก็เลยลองทำบ้าง ปาเสร็จแล้วก็ไปนอนรอดูข่าวทางทีวี
18 สิงหาคม 52 กลุ่มคนร้ายปาหินโผล่ที่เพชรบุรี คืนเดียว 10 รายซ้อน บนถนนเพชรเกษม บริเวณอำเภอเขาย้อย รถแต่ละคันได้รับความเสียหาย กระจกแตก รถพัง
21 สิงหาคม 52 จับหนุ่มขี้เมาหาของเก่า ตามข้างรางรถไฟ ปาหินใส่รถไฟขบวนอรัญประเทศ-กรุงเทพ ฯ บริเวณจังหวัดสระแก้ว ทำให้ผู้โดยสารหญิงศีรษะแตก
1 กันยายน 52 ซิ่งจักรยานยนต์ปาหินใส่รถ บก. หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ขณะจอดรถไว้หน้าบ้านริมถนน เมื่อกลางดึก ในจังหวัดนครปฐม
5 กันยายน 52 ปาหิน ! โผล่ปทุมธานี เสี่ยธุรกิจพันล้านขับรถตู้บนถนนสายวงแหวนตะวันตก เจอก้อนหินปาใส่กระจกหน้าร้าว รถเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง คนขับหน้าอกกระแทกพวงมาลัยบาดเจ็บ
5 กันยายน 52 สองวัยรุ่นซุ่มข้างทางก่อเหตุปาหินใส่จักรยานยนต์ หวังชิงทรัพย์กลางดึก ที่ อ. กุยบุรี จ. ประจวบคีรีขันธ์ แต่ถูกผู้เสียหาย และชาวบ้านช่วยจับตัวไว้ได้ พร้อมของกลางมีดอีดาบ สารภาพต้องการนำเงินเที่ยวเตร่
11 กันยายน 52 กลุ่มคนร้ายปาหินเหิม ขี่จักรยานยนต์สวน ปาหินใส่กระจกหน้ารถนาวาอากาศโท กระจกทะลุเป็นรูใหญ่เท่ากำปั้น โชคดีที่บาดเจ็บเล็กน้อย
16 กันยายน 52 รวบหนุ่มขี้เมามือปาหินรถเมล์สาย 34 สารภาพเสียงอ่อย อ้างถูกรถเฉี่ยวก่อนเลยทะเลาะโชเฟอร์ ยัวะถูกแจกของลับ คว้าหินข้างทางปาใส่ 3 ครั้ง ก่อนหนีกบดานนครสวรรค์
กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ได้สอบถามความคิดเห็นของเยาวชนเกือบ 400 ราย ที่ทำความผิดในคดีต่างๆ และบางคนเคยร่วมในเหตุการณ์ปาหิน มีความเห็นต่อกรณีวัยรุ่นก่อเหตุว่า น่าจะมาจาก 2 สาเหตุหลัก คือ ต้องการหาเงินไปซื้อยาเสพติด ไปเที่ยว เล่นเกมส์ สาเหตุที่ 2 คือ ทำไปด้วยความสนุนสนาน คึกคะนอง เพื่อสร้างการยอมรับในหมู่เพื่อนฝูงว่าเจ๋ง บ้างก็ต้องการระบายแรงกดดัน ระบายอารมณ์ บ้างก็ทำไปเพราะเมาเหล้า เมายาบ้าง บ้างก็ทำเพื่อแก้แค้นคู่อริ โดยส่วนใหญ่แล้ว เด็กและเยาวชนพวกนี้ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่จากครอบครัวเกือบทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องรีบแก้ไขด่วน ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม เมื่อหินพร้อมที่จะหลุดจากมือคนร้ายเหล่านี้ได้ทุกเมื่อ เราจะมีอุปกรณ์และวิธีการใดบ้าง ที่จะช่วยป้องกัน หรือบรรเทาความเสียหายที่จะเกิดขึ้นได้
ป้องกันได้ ด้วยฟีล์มกรองแสง
ลองคิดดูเล่นๆ นะครับว่า ถ้าสมมติถูกมือดีปาก้อนหินด้วยความเร็วเท่ากับ 40 กม./ชม. เข้าหารถที่มีความเร็ว 100 กม./ชม. ความเร็วที่ปะทะกันระหว่างก้อนหินกับรถนั้น คือ ความเร็วที่บวกกันนั่นเอง ซึ่งเท่ากับ 140 กม./ชม. แน่นอนว่าความแข็งแรงของกระจกไม่สามารถทนต่อความเร็วขนาดนี้ได้ ต้องแตกทะลุเข้าห้องโดยสารแน่นอน ถ้าเกิดพลาดมาโดนศีรษะล่ะก็คงจะรอดยาก แต่เรามีวิธีป้องกันโดยการติดฟีล์มกรองแสงเพื่อกันภัย อาจไม่ปลอดภัยถึงขั้นกระจกกันกระสุน แต่ก็ช่วยบรรเทาความรุนแรงได้มาก
ฟีล์มกรองแสงในตลาดบ้านเรานั้น คนส่วนใหญ่จะคิดเพียงแค่ว่า ติดเพื่อลดความร้อนภายในห้องโดยสาร และความสวยงาม แต่ความจริงแล้วยังมีฟีล์มกรองแสงอีกหลายชนิดที่นอกจากลดความร้อนแล้ว ยังช่วยในเรื่องความปลอดภัยอีกด้วย โดยฟีล์มกรองแสงนั้นแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ ฟีล์มกรองแสงทั่วไปที่กันความร้อนได้อย่างเดียว ฟีล์มกรองแสงนิรภัย และฟีล์มกรองแสงกันภัย
ฟีล์มกันภัย V ฟีล์มนิรภัย
ฟีล์มกรองแสงทุกแบบนั้น จุดประสงค์หลักก็เพื่อป้องกันรังสีความร้อนที่มาจากดวงอาทิตย์ แถมยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวของคนภายในรถได้อีก ฟีล์มนิรภัยกับฟีล์มกันภัย นอกจากจะกันความร้อนแล้ว ยังเน้นถึงเรื่องของความเหนียวของเนื้อฟีล์ม(ทนต่อการฉีกขาด) เข้าไปด้วย แต่ฟีล์มนิรภัยจะมีความเหนียวน้อยกว่าฟีล์มกันภัย ทำให้ทนต่อแรงกระแทกได้น้อยกว่า อาจป้องกันจากสาเหตุเล็กๆ น้อยๆ ได้ เช่น กระจกรถเกิดระเบิดเอง หรือของที่ไม่ใหญ่นักตกใส่กระจก ส่วนฟีล์มกรองแสงทั่วไปสามารถช่วยได้บ้างในกรณีก้อนกรวดเล็กๆ โดยเศษกระจกที่แตกไม่สามารถหลุดมาโดนคนภายในรถได้ ส่วนฟีล์มกันภัยนั้นจะมีความเหนียวที่สูงมาก สามารถทนต่อแรงกระแทกจากหินหรือของที่มีน้ำหนักมากๆ ได้ อาจไม่ถึงกับกันกระสุน แต่ก็สามารถช่วยบรรเทาอันตรายได้ดี
ฟีล์มกันภัยดีอย่างไร ?
ฟีล์มกันภัย ( SECURITY FILM ) สามารถกันหินที่ถูกปาใส่ได้แม้จะวิ่งด้วยความเร็วเกิน 100 กม./ชม. เนื่องจากผลิตจาก POLYESTER หลายชั้นประกอบกัน ให้ความใส และมีความเหนียวเป็นพิเศษ แต่ละชั้นจะมีกาว ACRYLIC ที่มีคุณสมบัติในการแทรกซึมเข้าไปตามรูพรุนของกระจก โดยมีความหนา 125 ไมครอน หรือ 0.001 มม. (ถ้าแบ่งช่องมิลลิเมตรในไม้บรรทัดออกเป็น 1,000 ช่อง 1 ช่องในนั้น คือ 1 ไมครอน) มีค่า TENSILE STRENGTH (ประสิทธิภาพความเหนียว) มากกว่า 1,900 กก./ตร.ซม. (ลองนึกเทียบกับน้ำหนักรถ เอสยูวี ทั้งคันอยู่บนฟีล์มที่มีเนื้อที่แค่ 1 ตร.ซม. โดยยังไม่ขาด) และมีค่า ELONGATION( ความยืดหยุ่นของตัวฟีล์ม) ที่ขยายได้ถึง 150 เท่าของตัวมันเอง มีความสามารถในการลดความร้อนได้ประมาณ 50 % รังสียูวี 99 % เมื่อติดเข้ากับกระจกหน้ารถแล้ว จะช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกระจกได้มาก อย่างน้อยก็ช่วยลดความกังวลถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เดิมทีจะใช้ในรถที่มีความเสี่ยงสูง เช่น รถตำรวจ รถขนส่งนักโทษ รถผู้ติดตามคนสำคัญ เป็นต้น
ในตลาดมีฟีล์มกันภัยหลากหลายความหนา 5 มิล (1 มิล เท่ากับ 0.0254 มม.) ซึ่งมีอีก 2 รุ่น คือ 10 และ 15 มิล โดยมีสีให้เลือกน้อยหน่อย ประเภทสีชาเข้ม ชาอ่อน และใส ประสิทธิภาพความเหนียวนั้นเท่ากันทุกแบบ แต่มีความยืดหยุ่นของตัวฟีล์มที่สูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งราคาก็พอๆ กับฟีล์มติดรถยนต์ในตลาดบน ยอดนิยม
8 เส้นทางอันตราย
1) หนองแค-สระบุรี 2) ธนบุรี-ปากท่อ 3) มอเตอร์เวย์กรุงเทพ ฯ-ชลบุรี 4) อ. แกลง-ระยอง 5) ลำปาง-เชียงใหม่ 6) เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ กทม. 7) กรุงเทพ ฯ-นครสวรรค์ ช่วงอ่างทอง 8) บางบัวทอง-สุพรรณบุรี นี่คือ 8 เส้นทางที่มีสถิติการถูกปาหินสูงสุด เป็นข้อมูลไว้เพื่อระวังเป็นพิเศษ
วิธีป้องกันโดยทั่วไป
1. หากท่านมีกำลังทรัพย์ ให้ติดฟีลม์กรองแสงชนิดใสที่กระจกหน้าทั้งบาน ประโยชน์นอกจากกัน ความร้อนแล้ว ฟีล์มยังช่วยดูดซับแรงกระแทกจากก้อนหินที่มากระทบได้ดี
2. ส่วนใหญ่การปาหินมักเกิดขึ้นตอนกลางคืนบนถนนสายเปลี่ยวและมืด หากท่านขับรถผ่านถนนที่มี ลักษณะดังกล่าว ควรเปิดไฟสูง (เมื่อมีโอกาส) เพื่อสอดส่องดูว่ามีรถจักรยานยนต์กำลังขับขี่ สวนทางมาหรือไม่ เนื่องจากคนร้ายมักซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ที่ไม่เปิดไฟหน้า หากท่านเปิดไฟสูง นอกจากจะช่วยให้ท่านมองเห็นคนร้ายแล้ว ยังจะช่วยบดบังสายตาของคนร้ายได้ด้วย (ทำให้คนร้ายตาพร่าจากแสงไฟของท่าน) นอกจากนั้นท่านไม่ควรขับรถด้วยความเร็วสูงบน ถนนที่มีลักษณะนี้ ให้ระวังทางโค้งมากเป็นพิเศษ เพราะคนร้ายมักใช้ทางโค้งเป็นจุดดักซุ่มรอ
3. หากท่านสังเกตเห็นว่ามีรถจักรยานยนต์ กำลังขับขี่สวนทางมา ควรรีบชะลอความเร็วและ เปลี่ยนช่องการจราจรให้ออกห่างจากรถจักรยานยนต์ดังกล่าวให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ (ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร) ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนช่องจราจรได้ ให้ลดความเร็วเหลือ เพียง 40-60 กม./ชม. พร้อมกับเปิดสัญญาณไฟกะพริบเพื่อเตือนรถที่ตามหลังท่านมาว่าท่านกำลังจะ ชะลอตัว ความเร็วยิ่งช้าเท่าไร ความแรงของก้อนหินที่มากระทบรถของท่านก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น
4. หากรถของท่านถูกปาหินใส่ได้รับความเสียหายแล้ว อย่าจอดรถในบริเวณนั้นทันที เพราะคน ร้ายอาจตามมาปล้นทรัพย์สินของท่าน พยายามประคองรถช้าๆ ไปจนกว่าจะพบผู้คนและขอความช่วยเหลือ
การเคลมประกัน กรณีถูก "ปาหิน"
ในกรณีที่ส่วนของความเสียหายเกี่ยวกับตัวรถที่เกิดอุบัติเหตุ เช่น กระจก ตัวถัง หรืออุปกรณ์อื่นๆ สามารถเคลมได้เฉพาะคันที่ทำประกันภัยประเภท 1 หรือ ชั้น 1 ไว้เท่านั้น ส่วนประเภทอื่นๆ ไม่สามารถเคลมได้เนื่องจากไม่มีความคุ้มครองตัวรถ หรือหากมีก็จะต้องมีคู่กรณีที่เป็นยานพาหนะทางบกมาเฉี่ยวชนเท่านั้น แต่ก้อนหินที่ถูกปาใส่นั้น ไม่ใช้ยานพาหนะใดๆ จึงไม่เข้าเงื่อนไขความคุ้มครองเลยเคลมได้เฉพาะชั้น 1 เท่านั้น เวลาแจ้งเคลมจะต้องแจ้งทันทีอย่ารอทิ้งไว้แล้วมาแจ้งภายหลัง และควรมีการแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้เป็นหลักฐาน เพื่อที่จะได้ไมต้องเสียค่าความเสียหาย 1,000 บาทแรก ส่วนผู้ขับขี่และผู้โดยสารที่ได้รับอัตรายจากการปาหิน สามารถเครมจากกรมธรรม์ (พรบ.) หรือกรมธรรม์คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถได้เลย
กระจกร้าวซ่อมได้
ถ้าเคราะห์ดีโดนปาหินแล้วกระจกไม่แตก เพียงแต่ร้าวหรือเป็นรอยแบบดาวกระจาย แบบตาวัวหรือแบบผสม รวมถึงเกิดรอยแตกที่ร้าวแบบลามออกไปเป็นทางยาว ก็สามารถซ่อมได้ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งบาน การซ่อมนั้นจะซ่อมจากภายนอกรถ โดยใช้น้ำยาใสที่ใช้เทคโนโลยีนาโน หรือถ้าเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ ใช้น้ำยากระจกเหลว ซึ่งน้ำยาจะเข้าไปสมานกับร่องระหว่างรอยที่แตก ทำให้เชื่อมติดเป็นเนื้อเดียวกัน ส่วนถ้าเป็นรอยแตกร้าวแบบลามออกไปได้นั้นจะใช้น้ำยาระงับการลาม โดยจะใช้ปิดทางหัวและท้ายของรอยแตกนั้น แต่ต้องดูด้วยนะครับว่าคุ้มค่ากับการซ่อมหรือเปล่า เพราะถ้าเกิดแตกร้าวมากไป ค่าซ่อมอาจจะแพงกว่าเปลี่ยนกระจกบานใหม่ได้ ค่าซ่อมกระจกแตกเริ่มต้นที่แผลละ 500 บาทขึ้นไป โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเท่านั้น แต่ถ้ากระจกนั้นแตกร้าวละเอียดไปทั่ว มองเห็นเป็นเม็ดข้าวโพด แบบนั้นต้องเปลี่ยนสถานเดียว
มือปาหิน ฮีโร !
ที่ประเทศจีนเขาก็มีมือปาหินเหมือนกัน แต่แตกต่างจากบ้านเราตรงที่ว่า มือปาหินเขาเปิดเผยตัวชัดเจน เป็นคุณครูเกษียณวัย 74 ปี อยู่ที่เมืองหลานโจว ในมณฑลกานซู และที่ปาหินใส่รถยนต์ก็ไม่ได้ต้องการทำร้ายใคร เพียงแต่จะตักเตือนพวกตีนผีทั้งหลายแหล่
เรื่องของเรื่อง คือ ในเมืองนั้นมีอยู่สี่แยกหนึ่งที่เกิดเหตุรถชนคนเดินข้ามถนนอยู่บ่อยครั้ง แม้ตอนหลังจะติดตั้งสัญญาณไฟแล้วก็ตาม แต่อุบัติเหตุยังเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ เนื่องด้วยมีพวกตีนผีที่ขับรถด้วยความเร็วสูงฝ่าไฟแดงอยู่บ่อยๆ
ครูวัยเกษียณผู้นี้จึงอดรนทนไม่ไหว ต้องออกมาสั่งสอนพวกฝ่าฝืนกฎจราจรด้วยการปาหินเข้าใส่ ท่ามกลางชาวบ้านละแวกนั้นที่มาคอยให้กำลังใจ ทั้งตระเตรียมหินประเคนให้และส่งน้ำท่าให้ดื่มแก้กระหาย และด้วยฝีมือของคุณครู มีรถยนต์ฝ่าไฟแดงเสียหายไปกว่า 30 คัน
สุดท้ายคุณครูแกก็ถูกโปลิศรวบตัวจนได้ ทว่าโชคดี ไม่ถูกตั้งข้อหาใดๆ เพียงแค่โดนว่ากล่าวตักเตือนและสั่งห้ามไม่ให้ก่อเหตุซ้ำอีก แต่เมื่อข่าวแพร่สะพัดก็มีผู้ใช้อินเตอร์เนทราว 4 แสนคนร่วมกันลงชื่อสนับสนุนให้คุณครูปาหินสั่งสอนพวกตีนผีต่อไปอย่าได้หยุด อย่างนี้เรียกว่ากฎหมู่เหนือกฎหมายในทางที่ดี ก็อยากมีกฎหมายแล้วใช้ไม่ได้เองนี่นา
เรื่องโดย : วิธวินท์ ไตรพิศ witthawin@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2552
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/28137