X
Driven
Driving Impression
Test Drive
Test Drive Data
New Cars
รถใหม่ในประเทศ
รถใหม่ต่างประเทศ
News
ข่าวรอบโลก
ข่าวสารยานยนต์
All Around
เครื่องเสียง/Gadgets
แต่งรถ
ดูแลรักษารถยนต์
สาระสะใจ
วาไรตี้ยานยนต์
สถิติยอดจำหน่ายรถยนต์
TV Programs
รายการ โลกรถยนต์
รายการ Carnatomy
รายการ พี่น้องลองรถ
รายการ เรื่องรถ…เรื่องง่าย
รายการ คุณลุงใจดี
About Autoinfo
About Us
Advertise With Us
Privacy Policy
Terms of use
Car Buyer's Guide
ติดตามเราได้ทาง
X
Popular search in Autoinfo
50,000+ contents and images from writers
#1
Deepal S07
Hilux Champ
BYD Seal
BYD
NETA
TATA
หัวชาร์จรถ EV
รถกระบะ
ยอดขายรถยนต์
ราคารถยนต์
รถ EV
เปิดตัวรถใหม่
วิธีไหว้แม่ย่านาง
ฤกษ์ออกรถใหม่
พ่วงแบทเตอรี
วิธีดูแลรักษารถยนต์
ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์
รถใหม่
26 Mar 2008
รถเล็กดีไซจ์นเก๋ ยาวขึ้น กับประตูที่เปิดไม่เหมือนใคร
ความสำเร็จเกินคาดของรถยนต์ระดับหรูขนาดเล็กอย่าง มีนี (MINI) วัดได้จากยอดขายที่ทะลุ 1 ล้านคันเข้าไปแล้ว โดยเริ่มทำตลาดตั้งแต่ปี 2001 เจเนอเรชันแรกมีตัวถังให้เลือกเพียง 2 แบบ คือ แฮทช์แบค 3 ประตู และเปิดประทุน เมื่อไม่นานมานี้ มีนี เปิดตัวเจเนอเรชันที่ 2 สร้างความประหลาดใจ ที่ภายนอกยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิม จนคล้ายรุ่นก่อนแบบแยกกันไม่ออก ได้เวลาเสริมทัพด้วยตัวถังแบบใหม่ ขยายความยาวของตัวถัง และใช้ประตูเปิดอ้าแบบที่เราเรียกให้เข้าใจง่ายๆ ว่า "ตู้กับข้าว" มีนี นิยามชื่อรุ่นนี้ตามอดีต แต่กระชับขึ้นว่า มีนี คลับแมน ความจริงแล้ว มีนี ตัวถังแบบต่อยาวพิเศษนั้นเป็นที่รู้จักกันถึง 3 ชื่อ เริ่มแรกจาก มอร์ริส มีนี ทราเวลเลอร์ (MORRIS MINI TRAVELLER) และ ออสติน มีนี คันทรีแมน (AUSTIN MINI COUNTRYMAN) ซึ่ง 2 รุ่นนี้ใช้กรอบโครงสร้างด้านหลังตั้งแต่เสา B-PILLAR ทำจากไม้เสียด้วยซ้ำ และ ปิดท้ายด้วย มีนี คลับแมน เอสเตท (MINI CLUBMAN ESTATE) ที่ดูทันสมัยกว่า 2 รุ่นแรก มีนี เผยโฉมต้นแบบในงานมหกรรมยานยนต์ฟรังค์ฟวร์ท 2005 ในครั้งนั้นใช้ชื่อ ทราเวลเลอร์(TRAVELLER) แสดงถึงเค้าลางของตัวถังแบบที่ 3 ของ มีนี ต่อจากรุ่น 3 ประตูแฮทช์แบค และเปิดประทุน อย่างไรก็ตามตัวถังแบบต่อยาวพิเศษนี้ไม่เคยถูกนำมาใช้กับ มีนี เจเนอเรชันแรกแต่อย่างใด ความยาวที่เพิ่มขึ้นสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า โครงสร้างด้านหน้ายังคงใช้ร่วมกันกับรุ่นปกติ เอกลักษณ์อันคุ้นตากับไฟดวงกลมรี กระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู และแนวสันตัวถังที่ไล่เลียงตั้งแต่ไฟหน้าจรดท้าย จุดแตกต่างสำคัญอยู่ที่ประตูด้านท้ายที่เปลี่ยนจากแบบเปิดยกขึ้นเป็นแบบ "ประตู ตู้กับข้าว" 2 บาน เปิดออกทั้งซ้าย/ขวา ประตูด้านซ้ายเป็นแบบประตูเดี่ยวตามปกติ ส่วนประตูด้านขวาเป็นแบบ SUICIDE DOOR (สำหรับรุ่นพวงมาลัยซ้าย) ที่เป็นอย่างนี้เพื่อความสะดวกในการเข้า/ออก ของผู้โดยสารตอนหลัง โดยผู้โดยสารด้านหน้าไม่ต้องลุกออกจากที่นั่งเพื่อพับเบาะเหมือนอย่างในรถคูเป ประตูบานเล็กนี้จะเปิดออกได้ต่อเมื่อประตูบานหลักถูกเปิดออกก่อน เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตามยังไม่แน่ชัดว่า หากเป็นรุ่นพวงมาลัยขวา SUICIDE DOOR ดังกล่าวจะย้ายมาอยู่ข้างซ้ายหรือไม่ บริเวณด้านท้ายได้รับการออกแบบใหม่แตกต่างจากรุ่นแฮทช์แบค โดยนำเค้าโครงมาจากรุ่นสมัยปี 1961 ของ มอร์ริส มีนี ทราเวลเลอร์ ที่มีโครงสร้างของเสา C-PILLAR ทำจากไม้ โดย มีนี คลับแมน รุ่นใหม่นี้จะทาสีตั้งแต่ด้านบนสุดของเสา C-PILLAR ลงมาจนล้อมกรอบชุดไฟท้ายและตัดขอบต่อเนื่องมาตามแนวด้านบนของกันชนท้าย เมื่อวัดออกมาเป็นตัวเลขแล้ว มีนี คลับแมน มีความยาวมากกว่ารุ่น 3 ประตูแฮทช์แบคอยู่ 240 มม. (มีพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มขึ้นอีก 8 ซม.) พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีขนาดใหญ่ 260 ลิตร และสามารถขยายเป็น 930 ลิตรเมื่อพับเบาะหลังลง (เพิ่มขึ้นอีก 100 และ 250 ลิตรตามลำดับเมื่อเทียบกับรุ่นแฮทช์แบค) ส่วนความกว้างนั้นยังคงเท่าเดิม ความสูงเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เบาะด้านหลังเป็นแบบ 3 ที่นั่ง แต่ถ้าอยากได้แบบ 2 ที่นั่งพับแยกกันก็มีให้เลือก เครื่องยนต์ เบนซินมีให้เลือก 2 รุ่น 1.6 ลิตร VALVETRONIC 120 แรงม้า และ 1.6 ลิตร แบบฉีดเชื้อเพลิงตรง DIRECT INJECTION ติดตั้งเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูเลอร์ ให้กำลัง 175 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ในเวลา 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 224 กม./ชม. แบบสุดท้าย คือ เครื่องยนต์ดีเซล แบบคอมมอนเรลติดตั้งเทอร์โบแบบแปรผัน 110 แรงม้า โดดเด่นที่อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยทำได้ 24.4 กม./ลิตร เครื่องยนต์ทั้ง 3 รุ่น ใช้ระบบส่งกำลังแบบเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และมีเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์บนพวงมาลัยมาให้เลือก ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ด้านหลังใช้วัสดุทำจากอลูมิเนียม เพื่อความแข็งแรงและน้ำหนักเบา สำหรับรุ่น คูเพอร์ เอส ช่วงล่างจะถูกปรับแต่งให้มั่นคงยิ่งขึ้น และตอบสนองได้ฉับไวกว่า เพื่อรองรับสมรรถนะที่มากขึ้นเป็นพิเศษ แม้จะเป็นรถยนต์ขนาดเล็กที่เปี่ยมสมรรถนะ แต่ก็ไม่ได้มองข้ามความปลอดภัย ถุงลมนิรภัย 6 ใบ มีมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างขนาดใหญ่สำหรับผู้โดยสารตอนหลังเพื่อเพิ่มความปลอดภัยครอบคลุมทุกที่นั่ง ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน มีให้ไม่แพ้รถยนต์ขนาดใหญ่ ระบบเบรคเอบีเอส และกระจายแรงเบรคด้วย ควบคุมการเบรคขณะเข้าโค้งด้วย CBC (CORNERING BRAKE CONTROL) ควบคุมเสถียรภาพของตัวรถด้วย DSC(DYNAMIC STABILITY CONTROL) ผสานการทำงานร่วมกับระบบ ASC+T (AUTOMATIC STABILITY CONTROL+TRACTION) และระบบ HILL ASSIST(ติดตั้งในรุ่นเกียร์ธรรมดา) ป้องกันการไหลขณะออกตัวบนทางลาดชัน มีนี คลับแมน ตอกย้ำความเป็นผู้นำรถหรูขนาดเล็ก ด้วยเอกลักษณ์สืบทอดกันมาช้านาน เพิ่มความทันสมัย พร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ รุ่นใหม่นี้จะเป็นกำลังสำคัญในการสานต่อความสำเร็จของรถยนต์ มีนี ยุคใหม่นี้ได้เป็นอย่างดี เริ่มทำตลาดในอังกฤษปลายปี 2007 สนนราคาค่าตัวตั้งไว้ที่ประมาณ 864,064-1,044,647 บาท (14,235-17,210 ปอนด์)
อ่านต่อ
เรื่องโดย : กองบรรณาธิการ formula@autoinfo.co.th
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2551
คอลัมน์ Online : รถใหม่
ลิงค์สำหรับแชร์ :
https://www.autoinfo.co.th/archive/26246
แชร์บทความ
Follow autoinfo.co.th