ทั่วไป
ผมมีโอกาสได้รู้จักกับ รองศาสตราจารย์ประทีป ชุมพล คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางประวัติศาสตร์ ชวนให้ผมได้เรียนรู้ ความเป็นคนไทยอย่างมาก แบบที่ผมเองคิดไม่ถึง
ผมมีโอกาสได้รู้จักกับ รองศาสตราจารย์ประทีป ชุมพล คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร ท่านเป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางประวัติศาสตร์ ชวนให้ผมได้เรียนรู้ ความเป็นคนไทยอย่างมาก แบบที่ผมเองคิดไม่ถึง
ท่านได้กล่าวถึง วิถีชีวิตคนไทยในอดีตกาลได้เหมือนกับเอาหนังสือประวัติศาสตร์ไทยมากางตรงหน้าให้ผมอ่าน
เป็นการกางหนังสือแบบไม่ใช่หน้าเดียว แต่เป็นหลายๆ หน้า หลากหลายวิชาการ
เป็นต้นว่า ท่านอ้างถึงหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ "ปฐมจินดา" อายุของหนังสือนี้ เริ่มมาจากสมัยอยุธยาตอนต้น
"ปฐมจินดา" เป็นตำราเลี้ยงดูบุตรของคนไทยแต่โบราณกาล ถือเป็นคู่มือของมารดาที่มีหน้าที่เลี้ยงดูลูก
เอ่ยมาแค่นี้ ผมก็ปลงตัวเองว่าช่างโง่เง่าเสียเหลือเกิน ที่ไม่รู้ว่าคนไทยมีตำราเลี้ยงดูทารก ยิ่งมาถึงวันนี้แล้ว ผมก็อยากที่จะมองเห็นมารดาไทยใช้ตำราไทยเลี้ยงลูก เห็นแต่ใช้ตำราฝรั่งเลี้ยงดูเด็กฝรั่ง ราคานมผงเป็นหมื่น ก็ต้องซื้อให้ลูกกิน
ทำไมตำราไทยเล่มนี้ต้องชื่อ "ปฐมจินดา" ท่านรองศาสตราจารย์ประทีป บอกกับผมว่า เป็นเพราะ "ชีวิตที่เริ่มต้น ย่อมมีค่าดุจแก้วมณี"
ในกระบวนการตำรายาไทยแต่โบราณกาลนั้น ยกย่อง "ปฐมจินดา" เป็นประธานแห่งตำรายาเวชศาสตร์ทั้งปวง
"ปฐมจินดา" แบ่งเป็นเล่มสมุดไทย รวมด้วยกันแล้วมีทั้งสิ้น 12 เล่มสมุดไทย
คอนเทนท์ของมันเริ่มตั้งแต่ความพินาศของโลก การเกิดใหม่ของโลก สาเหตุการเกิดของธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและมนุษย์ ข้อแตกต่างระหว่างความเป็นผู้ชายและผู้หญิง การมีประจำเดือนของผู้หญิง การเกิด และการเลี้ยงดูเด็ก
ถ้าเราจะโฟคัสไปที่ การเกิด นั่นก็หมายถึง หนังสือ ปฐมจินดา วิสัชนาไว้ตั้งแต่การเสพกาม ก่อให้เกิดการปฏิสนธิของทารกในครรภ์ และการพัฒนาของเด็กในครรภ์
เป็นการอธิบายตามหลักปรัชญา แต่ก็แสดงได้ หรือเปรียบเทียบได้กับคำอธิบายว่าด้วยหลักวิทยาศาสตร์ ตามแนวของประเทศทางตะวันตก ตั้งแต่ 10 วัน จนถึง 10 เดือน
และยังว่าด้วยการใช้ยาตามลักษณะอาการของมารดาในระหว่างตั้งครรภ์
ต่อจากการเกิด หรือการปฏิสนธิของเด็กในครรภ์แล้ว ก็ต้องพูดถึงการคลอด
โดยรวมทั้งการเตรียมตัวเพื่อการคลอด การอยู่ในเรือนไฟ น้ำนมที่ดี และน้ำนมชั่ว และการใช้ยาแก้ไข ตลอดจนบทที่ว่าด้วยต้นไม้มงคลประจำปีเกิด
การเลี้ยงดูทารกตั้งแต่การเกิด ก็ด้วยน้ำนมของแม่ประการเดียว
ในกรณีที่มารดาไม่มีน้ำนม หรือมีน้ำนมไม่ดี จะต้องหาแม่นม อันได้แก่ สตรีที่คลอดทารกในเวลาไล่เลี่ยกันมา เป็นผู้ให้น้ำนมแก่เด็ก
น้ำนมมารดามีความสำคัญอย่างไรนั้น "ปฐมจินดา" มีบทวิเคราะห์ไว้ว่า
นมแม่ "ที่เลือกเอาไว้ให้กุมารบริโภคดีนัก ดุจดื่มกินโอสถอันเป็นทิพย์ มีคุณดุจดังโอสถ ป้องกันบำบัดซึ่งโรคให้พินาศฉิบหายทั้งปวง"
ท่านผู้อ่านจะเชื่อ หรือไม่เชื่อก็ตาม แต่ปฐมจินดาได้วิเคราะห์น้ำนมมารดาว่า
นมแม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์มากกว่า 100 ชนิด นมแม่ย่อยง่าย นมแม่ไม่ทำให้เกิดโรคอ้วน นมแม่ไม่เกิดท้องผูก ท้องเสีย นมแม่มีภูมิคุ้มกันโรค
การดูดนมแม่ ทำให้ทารกได้ฝึกแรงกล้ามเนื้อปากและเพดาน นมแม่สะอาด และปลอดภัย นมแม่กระตุ้นให้มดลูกของแม่เข้าอู่เร็ว และไม่มีประจำเดือน ป้องกันการตั้งครรภ์
นอกจากนี้ นมแม่ยังลดการเกิดมะเร็งเต้านม นมแม่ลดไขมันในกายของมารดา และประการสุดท้าย นมแม่ยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่กับทารก
ในบทที่กล่าวถึง ต้นไม้มงคลประจำปีเกิด เห็นได้ชัดว่า ตำราเลี้ยงลูกแบบไทยเล่มนี้มีความสัมพันธ์อย่างดีระหว่างมนุษย์กับต้นไม้ เป็นความสัมพันธ์ที่อธิบายได้ยาก เนื่องจากมันมีความลึกซึ้งอย่างบอกไม่ถูก
ข้อนี้ หากได้พิจารณาอย่างถ่องแท้ ย่อมจะเห็นว่า เป็นการทำให้เด็กเริ่มมีความเข้าใจ และเข้าถึงคำว่าธรรมชาติกับมนุษย์ และมนุษย์ คือ ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ
การที่ลูกคลอดจากครรภ์มารดา และมารดาจำเป็นต้องมีต้นไม้มงคลให้แก่ลูกนั้น ย่อมเป็นมรดกไทยที่ล้ำเลิศกว่าทุกชาติ ทุกประเทศ ในด้านวัฒนธรรม
"ปฐมจินดา" กล่าวว่า เด็กที่เกิด ปีชวด ต้นไม้ประจำปีเกิด คือ ต้นมะพร้าว ฉลู- ต้นตาล ขาล-ต้นรัง เถาะ ไม้งิ้ว (ต้นนุ่น) มะโรงกลัปพฤกษ์ มะเส็ง โพบาย หรือ โพธิ์พื้นบ้าน
มะเมียต้นกล้วย มะแมต้นทองหลาง วอกต้นขนุน ระกาไม้ไผ่ จอบัวบก และกุน คือ ต้นบัวหลวง
ทั้งหมดนี้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า หนังสือ "ปฐมจินดา" ของประเทศไทยเรา เป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับผู้เป็นมารดาคนไทยทุกคน
ท่านรองศาสตราจารย์ประทีป ยังเล่าให้ผมฟังว่า "ปฐมจินดา" นี้ เกิดในสมัยอยุธยา และในตอนต้นพุทธศตวรรษที่ 20 สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ มีกรมกองต่างๆ เกิดขึ้นมาก รวมทั้ง กรมหมอนวด และกรมหมอเด็ก
และท่านก็ยังบอกด้วยว่า ฝรั่งที่น่าจะเคยได้อ่านปฐมจินดาของไทยเป็นนายแพทย์ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จักกันดี คือ ฝรั่งที่ชื่อว่า หมอบรัดเลย์
หมอบรัดเลย์ เป็นหมอฝรั่งที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรสยาม ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 เป็นผู้ที่กล่าวว่า
"การเลี้ยงดูทารกของคนไทย มีลักษณะของการเติบโตตามธรรมชาติ"
ในสมัยนั้น หมอบรัดเลย์เห็นว่าเด็กฝรั่งในเมืองไทยล้มตายกันมาก เป็นเหตุให้หมอบรัดเลย์ เริ่มทำการวิจัยเด็กไทย จนได้บทสรุปมาว่า
"ข้าพเจ้ามาสำนึกเอาในภายหลัง ว่าสาเหตุหนึ่งที่ลูกหลานมิชชันนารีเสียชีวิตไปมากต่อมาก เป็นเพราะเราจ่ายยากันมากจนเกินการ ไม่ว่าเด็กเป็นโรคแค่ไหน"
"เพราะดังนั้นแล้ว ข้าพเจ้าจึงเห็นว่า เราควรปล่อยให้เด็กๆ ของเรา มีการเติบโตตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับการเติบโตของเด็กสยาม น่าจะเหมาะสม"
พูดกันถึงแค่นี้แล้ว การรับประทานของคนไทยก็มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ไม่น้อย
ฝรั่งยอมรับว่า คนไทยกินผลไม้เป็นหลัก อาหารคาวก็มักเป็นผัก และปลา ดื่มน้ำเปล่าเป็นส่วนมาก
ส่วน เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว เป็นอาหารที่คนไทยจะกินก็แต่เฉพาะในห้วงเวลาของเทศกาล
ท่านรองศาสตราจารย์ประทีป ยังเปรียบเทียบตำราเลี้ยงลูกแบบเด็กสยาม กับเด็กฝรั่ง โดยท่านอ้างว่าตำราฝรั่งขาดในเรื่องคุณธรรม และพระคุณแม่
ฝรั่งนิยมเลี้ยงลูกเหมือนเลี้ยงสัตว์ เน้นความเจริญเติบโต ความฉลาด และความเห็นแก่ตัว
ไม่ได้พูดถึงการมีชีวิตร่วมกัน เกื้อกูลต่อเพื่อนร่วมโลก เหมือนเช่นที่ปฐมจินดาของสยามประเทศกล่าวไว้
"ปฐมจินดา" ได้รับการปรุงแต่งมาตลอดตามยุคตามสมัย ดังจะเห็นได้ว่า วรรณคดีไทยสมัยรัชกาลที่ 3 นิยมเอามาอ้างถึงบ่อย ๆ เช่น "ขุนช้างขุนแผน" ตอน "กำเนิดพลายงาม"
แม้ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็มีการนำไปสอนในโรงพยาบาลศิริราชพยาบาล อันเป็นห้วงเวลาที่นักเรียนแพทย์เริ่มเรียนแพทย์แผนฝรั่งกับแพทย์แผนไทยคู่กันไป
ปฐมจินดา ก็เริ่มจะเลือนหายไปจากคนไทยมากขึ้น จนตราบเท่าทุกวันนี้
ความรู้เรื่องการเลี้ยงลูกของคนไทยวันนี้ ต้องขอบคุณท่านรองศาสตราจารย์ประทีป ชุมพล ผู้ซึ่งทำให้ผมรู้สำนึกว่า การคบหาสมาคมกับบัณฑิตย่อมมากด้วยประโยชน์เช่นนี้แล
เรื่องโดย : บรรเจิด ทวี
นิตยสาร Formula ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2550
คอลัมน์ Online : ทั่วไป
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/25816