พิเศษ
รถยนต์ส่วนตัว ถูกมองเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับคนไทย ถึงแม้สภาพเศรษฐกิจและราคาน้ำมันจะไม่เอื้ออำนวยต่อการซื้อ/ขายรถมากนัก แต่ด้วยความสะดวกสบาย และ
ความเป็นส่วนตัว ทำให้รถยนต์ส่วนตัวยังเป็นที่ต้องการของตลาดในบ้านเราเสมอ
รถยนต์ส่วนตัว ถูกมองเป็นปัจจัยที่ 5 สำหรับคนไทย ถึงแม้สภาพเศรษฐกิจและราคาน้ำมันจะไม่เอื้ออำนวยต่อการซื้อ/ขายรถมากนัก แต่ด้วยความสะดวกสบาย และ
ความเป็นส่วนตัว ทำให้รถยนต์ส่วนตัวยังเป็นที่ต้องการของตลาดในบ้านเราเสมอ
นอกจากรถใหม่ป้ายแดงแล้ว รถมือสองก็เป็นตลาดซื้อขายที่ยังมีความคึกคักอยู่ตลอดเวลา แม้ความเสี่ยงต่อการถูกย้อมแมวจะมีให้เห็นบ้าง แต่ด้วยราคาซื้อขายที่ไม่แพง ดอกเบี้ยไม่สูง
ผ่อนได้ระยะยาว จัดไฟแนนศ์ได้ง่าย 4 WHEELS จึงอยากแนะนำวิธีการเลือกซื้อรถมือสอง
หลังจากที่มองหารถยี่ห้อต่างๆ และรุ่นที่ต้องการแล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ การไปตระเวนดูรถมือสองในตลาดซื้อขายรถ หรือที่เรียกกันว่า เทนท์รถ นั่นเอง สำหรับขั้นตอนง่ายๆ
ในการมองหารถมือสองมาใช้สักคัน มีดังนี้
สภาพภายนอก
สภาพภายนอกของรถโดยรวม ผู้ซื้อต้องดูที่รูปทรงและตัวถัง ว่ามีการบิดเบี้ยวของตัวรถหรือไม่ รถที่สภาพดี ต้องมีรูปทรงที่สวยงาม กันชนหน้าและกันชนหลัง ได้รูปพอดีกับตัวรถ
นอกจากนี้ฝากระโปรงหน้ารถต้องเปิด/ปิด ได้ง่ายและสนิท แนวขอบฝากระโปรงทั้งซ้ายและขวา ต้องขนานไปกับแนวขอบแก้มซ้ายขวา ประตูทุกบานของรถ แนวขอบประตู ต้องรับได้รูปกับแนวเสา ส่วนประตูที่ติดกัน ขอบแนวประตูต้องไม่เบี้ยวหรือเกยเบียดกัน สำหรับฝากระโปรงหลังจะต้องปิดสนิทรับกับแนวแก้มซ้าย/ขวาและกันชนหลังด้วย
ไฟหน้า ไฟเลี้ยว และไฟท้าย ต้องอยู่ในสภาพเดิมๆ สีของไฟจะต้องไม่แตกต่างกัน หากเป็นไฟที่ผ่านการใช้งานมาแล้วจะต้องไม่ใหม่หมดจดจนผิดสังเกต เปิดฝากระโปรงหน้าดูรอยอาร์ค
จากโรงงาน เนมพเลทที่บอกเลขเครื่องยนต์และเลขตัวถังจะต้องตรงกับสมุดคู่มือจดทะเบียน กระจกทุกบานจะมีตราและรหัสการผลิตออกจากโรงงาน ถ้ารถมีกระจกมาแล้ว เราก็จะ
ทราบทันทีเพราะตราและสัญลักษณ์จะไม่เหมือนกัน
สีรถ
สำหรับผู้ใช้รถมือสอง หากอยากได้รถสภาพดี สีของรถอาจจะไม่ตรงตามต้องการ ซึ่งถ้าไม่ได้สีที่โดนใจก็ต้องหันมามองสีที่ชอบรองลงมา
การพิจารณาสภาพสีรถนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องขอดูคู่มือจดทะเบียน ถ้าจะให้ดีสีรถจะต้องเป็นสีเดิม ไม่มีการแจ้งเปลี่ยน หรือถ้าแจ้งเปลี่ยน ก็ต้องมีเหตุผลมาชี้แจงให้กระจ่าง
นอกจากนี้ต้องดูสภาพของสี ส่วนใหญ่รถมือสองตามเทนท์ จะได้รับการเก็บสีรอบคัน หรือที่เรียกกันว่า "อาบน้ำ" เมื่อทำสีมาใหม่แล้ว ก็อาจจะชักนำสายตาผู้ซื้อให้มองข้ามรายละเอียด
อื่นๆ ตรงนี้ผู้ซื้อจะต้องอาศัยแสงแดดหรือความสว่างในที่โล่ง เพื่อให้สามารถมองเห็นรายละเอียดอื่นๆ รอบคันได้ ซึ่งการมองดูสีนั้น หากมองดูในที่สว่าง จะสามารถมองเห็น
สภาพของสีว่ามีการทำมาสวยงามมากน้อยแค่ไหน เนื้อสีที่พ่น สีรองพื้น และแลคเกอร์ มีคุณภาพมากน้อยแค่ไหน หากเป็นรถสภาพปีใหม่ๆ ก็อาจจะยังไม่ได้ทำสีมา
ลองตรวจเชค ด้วยการเคาะรอบๆ คันดูความแตกต่างของเสียง หากตรงไหนมีเสียงแตกต่าง ต้องเชคดูให้ละเอียดว่าตรงส่วนนั้นมีอุบัติเหตุบ้างหรือเปล่า เปิดฝากระโปรงหน้าและหลัง
รวมทั้งประตูทั้งสี่ออก สังเกตความแตกต่างของสีระหว่างภายในภายนอก ของรถ ซึ่งต้องเป็นสีเดียวกันหรือโทนเดียวกัน ไม่มีความแตกต่างกันมาก เว้นแต่เพียงห้องเครื่องยนต์
ซึ่งสีที่โดนความร้อนมานานก็อาจจะมีความแตกต่างกันได้
ห้องเครื่องยนต์ ห้องโดยสาร และห้องเก็บสัมภาระด้านหลัง
ห้องเครื่องยนต์ นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ซื้อรถมือสองต้องดูให้ละเอียด เพราะจะสามารถรู้ได้ทันทีว่ารถคันนี้มีอุบัติเหตุหรือชนมาด้านไหนบ้าง คานด้านหน้าห้องโดยสารจะต้องอยู่ใน
สภาพเดิมๆ บางๆ ไม่มีการทำสีหรือเก็บสีมาใหม่ คานด้านหน้าต้องเป็นแนวได้รูปสวยงาม รอยอาร์คที่ปั๊มมาจากโรงงาน จะต้องเป็นรอยแท้ๆ ไม่มีการแต่งเติม รูต่างๆ ทั้งแบบกลมและรี
ต้องเป็นรูที่ไม่ได้อยู่ในสภาพแต่งเติม ถ้ากลมต้องกลมสนิทไม่บิดเบี้ยว รูและรอยอาร์คของแก้มซ้ายและขวาจะต้องเป็นแนวเสมอกัน ภายในห้องเครื่องต้องไม่มีรอยเชื่อมหรือการตัดต่อ
ทำสีมาใหม่ ขอบฝากระโปรงด้านใน ต้องได้รูปสภาพสวยงาม ไม่มีการแต่งเติมหรือทำสีจนน่าเกลียด
ภายในห้องโดยสาร ต้องตรวจเชคว่ามีการแตกชำรุด ของคอนโซล และแผงประตู หรือไม่ ประตูทั้งสี่ กลอนประตูต้องใช้งานได้ปกติ ถ้าเป็นรถที่ติดตั้งกระจกไฟฟ้า ต้องสามารถเปิด
ขึ้น/ลงได้ทั้งสี่บาน ปุ่มสวิทช์ควบคุมต่างๆ สามารถใช้งานได้ทั้งหมด
ฝากระโปรงท้าย เปิดและยกยางอะไหล่ออกมา และเปิดแผงปิดไฟท้ายทั้งซ้ายและขวา ออกทั้งหมด เพื่อจะดูว่าเกิดการชนหรืออุบัติเหตุด้านหลังด้วยหรือเปล่า รถจะต้องไม่มีการทำสี
และอยู่ในสภาพเดิม เป็นสีเดิมจากโรงงานทั้งหมด
เครื่องยนต์
การดูเครื่องยนต์เป็นเรื่องสำคัญอย่างหนึ่ง นอกจากดูสภาพของเครื่องยนต์แล้ว จะต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ดูด้วย เครื่องยนต์ต้องสตาร์ทติดง่าย และดับสนิท เดินเรียบ ไม่มีอาการ
สะดุด ประเกนและโอริงต่างๆ ของเครื่องยนต์ ต้องไม่รั่วซึม ตรงนี้อาจดูยาก เพราะทางเทนท์คงล้างทำความสะอาดเครื่องยนต์จนใหม่เอี่ยม
หลังจากลองติดเครื่องยนต์ได้สักระยะหนึ่ง ลองเร่งเครื่องยนต์ดู ว่ามีอาการผิดปกติหรือไม่ หากมีเสียงดังในห้องเครื่องยนต์ หรือเร่งแล้วเครื่องยนต์สะดุด แสดงให้เห็นความไม่สมบูรณ์
ของเครื่องยนต์ แต่ถ้าเครื่องยนต์เดินเรียบ ก็ต้องไปดูที่เกจวัดอุณหภูมิ ว่าทำงานปกติหรือไม่
รถยนต์ส่วนใหญ่ เกจวัดอุณหภูมิของน้ำจะขึ้นไม่เกินครึ่ง นอกจากนี้ต้องคอยสังเกตพัดลมไฟฟ้าขณะทำงานลมต้องแรงและไม่เกิดเสียงดัง ปลายท่อไอเสียสีจะต้องนวล ถ้าเป็น
รถเครื่องยนต์เบนซินต้องไม่มีควันดำและควันขาวออกมา ถ้าเครื่องยนต์สมบูรณ์ หากเอามือไปอังที่ท่อไอเสีย จะรู้สึกเหมือนมีความชื้นปนออกมากับไอเสียด้วย
ระบบปรับอากาศ (แอร์) ต้องลองเปิดสวิทช์แอร์ให้คอมเพรสเซอร์ทำงานดูว่า ขณะเครื่องยนต์อยู่ในรอบเดินเบา แอร์ยังมีกำลังอัดและให้ความเย็นออกมาทั่วถึงหรือเปล่า
นอกจากนี้คอมเพรสเซอร์แอร์ขณะทำงานจะต้องไม่มีเสียงดัง
นอกจากนี้ยังสามารถเชคการทำงานของปั๊มเพาเวอร์ สำหรับรถที่มีพวงมาลัยเพาเวอร์ ด้วยการลองโยกพวงมาลัยซ้ายและขวาดู ปั๊มเพาเวอร์จะต้องทำงานอย่างเงียบสนิท พวงมาลัยต้อง
ไม่มีอาการหนักข้างหรือเบาข้าง เป็นอันใช้ได้
ระบบรองรับ
การตรวจดูระบบรองรับ เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยุ่งยาก เนื่องจากจะต้องก้มลงไปดู ว่ามีส่วนไหนเสียหายบ้างหรือเปล่า เริ่มจากด้านหน้า ก้มดูก้นแครงค์อ่างน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์
ต้องไม่มีรอยบุบ หรือรอยรั่วซึม นอกจากนี้ให้กวาดสายตาไปรอบๆ ดูปีกนกทั้งซ้ายและขวา ว่าเสียรูปหรือมีรอยบุบ คดงอ หรือเปล่า คานด้านหน้า ต้องไม่มีรอยขูดหรือบุบมาก ถ้าเป็นรอย
ก็ต้องเป็นรอยที่เกิดขึ้นจากการใช้งานทั่วไป แชสซีส์ต้องอยู่ในสภาพสวยงาม ซึ่งผู้ซื้อจะต้องก้มลงไปดูรอบๆ รถว่าแชสซีส์จะต้องไม่มีรอยบุบ ยุบ แตก หรือเป็นสนิม
ส่วนชอคอับนั้น ส่วนใหญ่รถที่ผ่านการใช้งานมาหลายปี ประสิทธิภาพของชอคอับย่อมลดลงไปมาก รถบางคันถึงกับชอคอับเสียไปแล้ว เพราะฉะนั้น หากยังไม่ได้ลองวิ่งดู
ก็ลองกดตัวรถด้านหน้าและหลัง ให้ยุบขึ้นและลงดู หลังจากหยุดทำแล้วรถต้องมีการคืนตัวของชอคได้ไว ไม่ยุบตัวไปมาให้เห็นหลายครั้ง
นอกจากนี้การเชคดูลูกหมากแรคพวงมาลัย ยังสามารถทำได้ โดยขณะที่ยังไม่สตาร์ทเครื่องยนต์ โยกพวงมาลัยซ้าย/ขวาเร็วๆ หากมีเสียงดังกึกกักสะท้านขึ้นมาแสดงว่า
ลูกหมากแรคอาจจะเสียแล้ว
นอกจากนี้ ยางทั้งสี่ล้อ ต้องอยู่ในสภาพใช้งานได้ ไม่มีการแตกลายงา และควรเป็นยี่ห้อและรุ่นเดียวกันทุกล้อ ดอกยางอยู่ในสภาพดีทั้งหมด
สมุดคู่มือจดทะเบียน (เล่มทะเบียน)
เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการเลือกซื้อรถมือสอง เพราะสมุดคู่มือจดทะเบียนจะแสดงถึงผู้ครอบครองรถ วันที่จดทะเบียน เลขเครื่องยนต์ เลขตัวถัง สีของรถ ขนาดความจุของ
เครื่องยนต์ อย่างถูกต้อง ผู้ซื้อรถจำเป็นจะต้องตรวจเชคอย่างละเอียด ว่าสิ่งที่แจ้งมาในเล่มทะเบียนนั้นตรงกับตัวรถทั้งหมดหรือไม่ สมุดคู่มือที่มีการเปลี่ยนเล่มเป็นรุ่นใหม่ หรือ
แจ้งย้ายจากต่างจังหวัด ต้องตรวจเชคให้รอบคอบด้วย
นอกจากนี้ ยังสามารถรู้ว่ามีการเปลี่ยนมือผู้ครอบครองรถมากี่รายแล้ว ถ้าเป็นรถที่ดี ไม่น่าจะเปลี่ยนมือผู้ครอบครองบ่อย
สมุดคู่มือจดทะเบียนหน้า/หลัง จะเป็นส่วนที่แสดงถึงการแจ้งการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เช่น แจ้งการเปลี่ยนสีรถมาแล้ว แจ้งเปลี่ยนเครื่องยนต์ ตรงนี้ผู้ซื้อรถมือสองจะต้องดูให้รอบคอบ
ก่อนตัดสินใจซื้อทุกครั้ง
เปลี่ยนถ่ายน้ำมันและตรวจเชคน้ำ
หลังจากท่านซื้อรถมาเรียบร้อย ควรที่จะกันเงินส่วนหนึ่งไว้สำหรับค่าซ่อมบำรุง เริ่มจากนำรถไปถ่ายน้ำมันเครื่องพร้อมเปลี่ยนไส้กรองให้เรียบร้อย เพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าของรถคนก่อน
เขาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องมานานหรือยัง
นอกจากนี้ น้ำมันเกียร์ ทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ ควรที่จะเปลี่ยนไปพร้อมกันทั้งหมด สำหรับรถที่ขับเคลื่อนล้อหลัง ก็ต้องเปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย ไปพร้อมๆ กันด้วย
นอกจากนี้ น้ำมัน พวงมาลัยเพาเวอร์ ต้องดูว่าสีของน้ำมันเปลี่ยนจากสีแดงใสเป็นสีดำขุ่นข้นหรือเปล่า หากน้ำมันเพาเวอร์พวงมาลัยเป็นสีดำ แสดงว่าภายในระบบเพาเวอร์ค่อนข้างสกปรก
ต้องรีบไปเปลี่ยนถ่ายที่ศูนย์บริการ คาร์แคร์ใหญ่ๆ หรืออู่ที่เขารับติดตั้งและซ่อมพวงมาลัยเพาเวอร์โดยเฉพาะ
น้ำในหม้อน้ำ ก็ควรรีบดูด้วยว่าขาดหายไปจากหม้อพักน้ำมากน้อยแค่ไหน มีตะไคร่สะสมมากหรือไม่ ถ้าน้ำในหม้อน้ำเป็นสีขุ่นมีตะกรันสะสมมาก นำรถไปล้างหม้อน้ำซักครั้ง ให้ร้านหม้อน้ำ
ล้างและเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็นหม้อน้ำให้ใหม่ พร้อมทั้งตรวจเชคท่อน้ำต่างๆ ให้เรียบร้อย เพราะท่อยางต่างๆ จะมีอายุการใช้งาน ท่อยางจะต้องไม่มีรอยร้าวรอยแตก ท่อไม่แข็ง
สามารถบีบและให้ตัวได้
ยางและเบรค
ยางและเบรคเป็นเรื่องที่สำคัญ เราต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้ายางและเบรคไม่ดี อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ยางที่ติดอยู่กับรถทั้งหมด เมื่อใช้งานปกติแล้วจะต้องอยู่ใน
สภาพที่ใช้งานได้ หลายครั้งที่ผู้ซื้อรถอาจเจอกับยางบวม วิ่งแล้วพวงมาลัยสั่น ก่อนซื้อรถอาจดูว่าดอกยางอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่พอใช้งานจริงกลับขับได้ไม่ดี อาจเป็นเพราะยางบวม
หรือยางแกะดอกมา ถ้าจำเป็นจะต้องใช้รถเดินทางออกต่างจังหวัดเป็นประจำ ไปหาซื้อยางใหม่มาเปลี่ยนขับแล้วสบายใจกว่า ไหนๆ เปลี่ยนยางแล้วให้ทางร้านตั้งศูนย์ถ่วงล้อไป
พร้อมกันทีเดียว อย่าลืมยางอะไหล่ ควรตรวจเชคสภาพและลมให้อยู่ในสภาพใช้งานปกติด้วย
สำหรับเบรคทั้งสี่ล้อ ที่มีหน้าที่ในการห้ามล้อเพื่อหยุดรถ การตรวจเชคด้วยตัวเองค่อนข้างยาก เพราะก้มลงไปแล้วใช้ไฟฉายส่องดูที่คาลิเพอร์เบรค ถ้าไม่มั่นใจ ให้นำรถเข้าศูนย์บริการ
เชคผ้าเบรคทั้งสี่ล้อให้เรียบร้อย ทั้งผ้าจานเบรคและผ้าดุมเบรค รวมทั้งเชคจานเบรคด้วยว่าจะต้องเจียนจานเบรคไปพร้อมกันทีเดียวหรือไม่
สายพาน
สายพานเป็นเรื่องจำเป็น หลังจากซื้อรถเรียบร้อย ผู้ใช้รถจะต้องตรวจเชคให้ละเอียด เพราะสายพานมีความจำเป็นที่จะทำให้รถท่านวิ่งได้ รวมถึงอุปกรณ์ใช้งานอื่นๆ เริ่มตั้งแต่
สายพานเครื่องยนต์ (สานพานไทมิง) อายุการใช้งานอยู่ระหว่าง 70,000-100,000 กิโลเมตร ผู้ซื้อไม่สามารถรู้ได้ว่าเจ้าของเดิมเขาเปลี่ยนมาหรือยัง เป็นเรื่องที่คาดเดายาก ถ้าเป็นรถ
ที่เข้าศูนย์บริการ สามารถตรวจเชคประวัติจากศูนย์บริการได้ แต่ถ้ารถไม่ได้เข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ ก็ต้องใช้ช่างตรวจเชคสภาพสายพานดู ถ้าเปลี่ยนสายพานใหม่ ผู้ใช้รถสามารถ
จดเลขกิโลเมตรหลังจากเปลี่ยนสายพานได้ จากนั้นเราสามารถประมาณอายุการใช้งานจริงของสายพานได้ตลอด
ถ้าเปลี่ยนสายพานควรเปลี่ยนไปพร้อมๆ กับลูกรอกสายพานในครั้งเดียว ส่วนสายพานไดชาร์จคอมเพรสเซอร์แอร์ และพวงมาลัยเพาเวอร์ ต้องดูสภาพสายพานว่าเป็นอย่างไรบ้าง
ใกล้หมดอายุหรือยัง สังเกตดูร่องของสายพานว่ามีรอยแตกร้าวหรือเปล่า สภาพของสายพานบางลงไปแค่ไหน สายพานตึงหรือหย่อนเกินไป
ระบบรองรับ และระบบขับเคลื่อน
ระบบรองรับ หรือที่เรียกว่าช่วงล่างของรถ หลังจากที่ซื้อมาใช้ได้ซักระยะหนึ่ง หากไม่ค่อยประทับใจกับประสิทธิภาพของระบบรองรับ เช่น เลี้ยวแล้วมีเสียงดัง วิ่งบนถนนขรุขระ แล้ว
เกิดเสียงดังสะท้อนถึงพวงมาลัย ชอคอับนิ่มเกินไปเข้าโค้งไม่มั่นใจ ผู้ใช้รถควรที่จะรีบปรึกษาช่างโดยด่วน เพราะระบบรองรับของรถทุกคันย่อมมีอายุการใช้งาน ผู้ที่ต้องการซื้อรถมือสอง
จะไม่รู้ว่าเจ้าของรถเขาดูแลรักษารถคันนั้นมากน้อยแค่ไหน พฤติกรรมการขับเป็นอย่างไร รถบางคันสภาพสวย ไม่มีชน แต่เจ้าของเดิมขับแบบไม่ทะนุถนอม ทำให้ระบบรองรับ
เสื่อมคุณภาพและพังไว
การตรวจเชคระบบรองรับต้องดูเป็นอย่างๆ ไป อย่างถ้าเกิดเลี้ยวแล้วมีเสียงดัง ก็ต้องดูที่เพลาขับ ลูกหมากแรค หรือถ้าตกหลุมดังก็ต้องลองดูที่ลูกหมากปีกนก บุชปีกนก หรือบุชกันโคลงด้วย หากรถไม่ค่อยเกาะถนนวิ่งแล้วมีอาการโคลง ลองเชคชอคอับหน้า/หลัง ดูว่าเสื่อมคุณภาพแล้วหรือยัง หากเปลี่ยนชอคอับของใหม่ เดี๋ยวนี้ราคาไม่แพง แถมขับสบายใจกว่าชอคอับซ่อม
เรื่องโดย : ณัฐเวช ยอดแสง
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน ตุลาคม ปี 2548
คอลัมน์ Online : พิเศษ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/13303