สนามที่ 2 ของเวิร์ลด์ แรลลี แชมเพียนชิพ จัดขึ้นที่ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สภาพอากาศโดยทั่วไปนั้น นักแข่งเกือบทุกทีมหนักใจกับปัญหาเรื่องของหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ -27 องศาเซลเซียส ภูมิประเทศทางผู้จัดเลือกบริเวณทางตอนเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนเวียน

สนามที่ 2 ของเวิร์ลด์ แรลลี แชมเพียนชิพ จัดขึ้นที่ประเทศสวีเดน ระหว่างวันที่ 11-13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา สภาพอากาศโดยทั่วไปนั้น นักแข่งเกือบทุกทีมหนักใจกับปัญหาเรื่องของหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก อุณหภูมิโดยเฉลี่ยประมาณ -27 องศาเซลเซียส ภูมิประเทศทางผู้จัดเลือกบริเวณทางตอนเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนเวียน หิมะที่ตกลงมา เสมือนพายุหิมะที่ปกคลุมพื้นผิวทางที่รถของนักแข่งจะใช้วิ่งแข่ง จนทำให้แม้จะเลือกใช้ยางสโนว์ที่ดีที่สุดแล้ว แต่เส้นทางในบางจุดก็ยังลื่นเหมือนกับเอาน้ำมันเครื่องไปราดบนผิวทาง ในระหว่างการแข่งขันรถบางคันที่ตกหล่มหิมะต้องเสียเวลาอย่างมากกับการลงจากรถมาขุดหิมะออก เพื่อให้รถวิ่งแข่งต่อไปได้ ในเลกแรก ทันทีที่ปล่อยรถคู่แรกวิ่งไปตามเส้นทางตลอดระยะทาง 51 กม. เพื่อเข้าสู่สเตจ GRANBERGET ตลอดระยะทางแม้จะเต็มไปด้วยหิมะ แต่นักแข่งก็ยังสามารถใช้ความเร็วสูงในช่วงนี้ มาสิ้นสุดที่ LIKENAS SPEEDWAY ARENA ซึ่งมีฝูงคนที่คลั่งไคล้กีฬาแข่งรถมาดูกันเป็นพันๆ คน มีร้านค้ากระจายไปทั่วบริเวณ หลังจากนั้นเดินทางต่อไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 82 เพื่อไปยังพื้นที่จุดเซอร์วิศ สำหรับเลกที่ 2 ของวันที่ 12 ในการออกสตาร์ทมีการล่าช้าไปเล็กน้อย โดยเริ่มจากเลกที่ 8 มุ่งตรงไปยังสเตจ FREDRIKSBERG และต่อไปยัง KARLSTAD คั่นด้วยการพักเพื่อเซอร์วิศ ระยะทางที่ใช้แข่งในวันที่สองนี้มากกว่าในวันแรก มาถึงเลกสุดท้ายของวันอาทิตย์ ไม่มีการพักเพื่อเซอร์วิศเหมือนในเลกที่ 2 รถทุกคันต้องวิ่งเพื่อผ่านไปให้ทันเวลา เพื่อหาผู้ที่ทำคะแนนสะสมที่ดีที่สุด ส่วนไฮไลท์มันๆ ของการแข่งขัน ในแต่ละสเตจนั้น เรารวบรวมมาให้แล้ว ติดตามได้เลยครับ เอสเอส 1 เพทเทร์ โซลเบร์ก (PETER SOLBERG) ล้างอายจากสนามก่อน ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ฝ่าอุปสรรคเรื่องหิมะที่ตกลงมาอย่างหนัก โดยควบรถ ซูบารุ ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง ทิ้งห่าง เซบัสเตียง โลบ์ (SEBASTIEN LOEB) ที่ขับตามหลังมามากกว่า 5 วินาที โลบ์ ในรถ ซีตรอง ซารา ในช่วงสเตจที่ 1 ทำเวลาทิ้งห่าง โซลเบร์ก ที่ช้ากว่าถึง 5.4 วินาที นักแข่งเจ้าถิ่น แดเนียล คาร์ริสสัน (DANIEL CARRISSON) ควบรถแข่งคู่ชีพ เปอโฌต์ 307 ก็ไม่น้อยหน้าทำเวลาได้เร็วที่สุดเป็นอันดับ 3 ส่วนอันดับ 4 เป็นของ มาร์คุส โกรนโฮล์ม (MARCUS GRONHOLM) ที่ทิ้งห่างแค่วินาทีเดียวเท่านั้น สำหรับรถ สโกดา ฟาบีอา ที่ขับโดยนักแข่งหญิง จานี พาสโซเนน (JANI PASSONEN) ขับได้ดีทำเวลาเป็นลำดับที่ 5 ส่วนเอสเอส 2 เทพีแห่งโชค ยังคงเข้าข้าง โซลเบร์ก อีกครั้ง เมื่อเขาเลือกไลน์วิ่งได้ดี ทำให้เขาทำเวลาทิ้งห่างจาก โลบ์ ได้ไกลขึ้นไปอีกเป็น 7.5 วินาที สร้างความหนักใจให้กับผู้ตามเป็นอย่างมาก ส่วน คาร์ริสสัน ยังรักษาตำแหน่งที่ 3 ไว้ได้อย่างเหนียวแน่น รถแข่ง ซูบารุ อิมพเรซา ของ โซลเบร์ก ยิ่งถูกเฆี่ยนก็ยิ่งทิ้งห่าง โลบ์ ขึ้นเรื่อยๆ อันดับไล่จากหัวแถวลงมาจ่าฝูงยังคงเป็น โซลเบร์ก ตามติดด้วย คาร์ริสสัน และโกรนโฮล์ม พร้อมเพื่อนร่วมทีม ซีตรอง อีกคันคือ ฟรองซัวส์ ดือวาล (FRANCOIS DUVAL) ทำคะแนนสะสมได้ดีรั้งอันดับที่ 7 โดยมี ฟอร์ด โฟคัส ตามมาเป็นอันดับที่ 8 เอสเอส 3 โกรนโฮล์ม ควบ เปอโฌต์ ขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ไล่ตาม โลบ์ และโซลเบร์ก แต่ละตำแหน่งทิ้งห่างกันไม่เกิน 0.2 วินาที ก่อนที่รถทุกคันจะเข้าจุดเซอร์วิศที่ HAGFORS โกรนโฮล์ม อาศัยจังหวะไล่แซง มิตซูบิชิ ของ กีกี กัลลี (GIGI GALLI) และรถ เปอโฌต์ ของ มาร์คโค มาร์ทิน (MARKKO MARTIN) จนขึ้นมาทำเวลาได้ดีที่สุดในอันดับที่ 3 แม้ว่า โซลเบร์ก จะทำเวลาได้ดีที่สุดแค่เพียงอันดับที่ 7 แต่ก็ไม่สามารถรักษาตำแหน่งนำได้อยู่ ส่วน คาร์ริสสัน โชคร้ายที่ช่วงล่างด้านหน้าของรถได้รับความเสียหาย ต้องสูญเสียตำแหน่งที่นำตลอดมา หล่นมาอยู่อันดับที่ 3 เอสเอส 8 โลบ์ ไม่ยอมแพ้ ในเลกที่ 2 ของวันนี้ พระเจ้าเข้าข้าง โลบ์ เมื่อเขาสามารถคว้าชัยชนะมาให้ตัวเขาเองได้ แม้ว่า โกรนโฮล์ม จะไล่ตาม โซลเบร์ก แบบหายใจรดต้นคอ แต่ โกรนโฮล์ม ก็ยังควบ เปอโฌต์ ทำเวลาได้เร็วเป็นอันดับที่สอง แต่ยังเป็นรอง โลบ์ ถึง 0.7 วินาที จนในที่สุด โกรนโฮล์ม ยังไม่สามารถก้าวขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงในเลกที่ 2 นี้ได้ แล้วในเลกที่ 2 นี้ โลบ์ ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นจ่าฝูงได้ โดยมี โกรนโฮล์ม ตามหลังมาอย่างไม่ทิ้งห่าง เพื่อหาจังหวะเสียบขึ้นแทนให้ได้ จนถึงเอสเอส 14 โซลเบร์ก กลับมานำอีกครั้ง ในเลกที่ 2 ของการแข่งขันวันที่สองที่ผ่านมา โซลเบร์ก ยังคงทำเวลาได้ดีอยู่ เหลืออีกเพียง 6 สเตจเท่านั้นก็จะจบการแข่งขันในสนามนี้ นักแข่งเจ้าบ้าน แดเนียล คาร์ริสสัน หวังว่าอย่างน้อยที่ 2 คงไม่ไกลเกินฝัน แต่เอาเข้าจริงๆ ทำได้แค่เพียงอันดับที่ 9 เท่านั้นเมื่อจบการแข่งขัน โกรนโฮล์ม กับรถ เปอโฌต์ 307 แม้ว่าจะทำเวลาเร็วที่สุดได้เป็นอันดับที่ 6 แต่ก็ยังเป็นรอง โซลเบร์ก อันดับที่ 3 ยังคงเป็นของ โลบ์ อยู่ แม้ว่าเครื่องยนต์ของรถเขาจะมีปัญหาขัดข้อง และไม่สามารถหาช่าง เพื่อช่วยแก้ปัญหาได้ แต่เขาก็สามารถประคอง ซีตรอง คันเก่ง จนจบการแข่งขันในสนามนี้ และโซลเบร์ก ก็คว้าอันดับที่ 1 ไปครอง