ผลทดสอบ
ที่นิวซีแลนด์
ครั้งนี้ฟอร์ดเทียบเชิญเราให้ไปลอง เอสเคพที่ประเทศนิวซีแลนด์
คงเป็นเพราะประเทศนี้มีความพร้อมทางด้านภูมิศาสตร์และภูมิอากาศที่หลากหลายภายในรัศมีการเดินทางไม่ห่างจ
ากกันนัก เราเดินทางจากโอคแลนด์มุ่งหน้าลงใต้สู่วนอุทยานแห่งชาติทนการิโร ที่แห่งนี้ได้ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลก
มีอาณาเขต 750 ตร.กม. ครอบคลุมพื้นที่ 3 กลุ่มภูเขาไฟ รัวเปฮัว งารูโฮ และทนการิโร
วนอุทยานแห่งนี้นับพื้นที่รวมแล้วใหญ่เป็นอันดับสี่ของโลก ด้วยการเดินทางเพียง 360 กม. ของวันแรก
ใครเล่าจะเชื่อว่าพวกเราผ่านพ้นอุปสรรค์นานาชนิด
ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้าที่อากาศโปร่งบนถนนดำไฮเวย์ได้ลองสมถรรนะเครื่องยนต์ย่านความเร็วสูง
สายหน่อยเข้าถนนเล็กผ่านเมืองต้องเร่งแซงรถบรรทุก
ช่วงบ่ายฝนเทถนนแคบลัดเลาะทะเลสาบและเนินสูงชันให้เราได้สัมผัสกับระบบช่วงล่าง และการบังคับควบคุม
ขบวนพวกเรานึกสนุกวิ่งลัดเลาะตัดเข้าถนนแดงลูกรัง ผ่านไร่เลอะเทอะเปรอะโคลนกันพอหอมปากหอมคอ
กระตุ้นให้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเริ่มทำงาน ในช่วงเย็นอุณหภูมิลดฮวบหมอกลงจัดมีโอกาสได้สัมผัสหิมะ
ผมขอย้ำทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นเพียงวันแรกของการเดินทางจริงๆ
ก่อนเข้าเรื่องตัวรถขอพูดถึงความพิเศษของประเทศนิวซีแลนด์สักนิด ตั้งอยู่แถบซีกโลกใต้
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย เป็นประเทศแรกๆ ที่ได้เห็นแสงอาทิตย์แย้มวันสหัสวัสใหม่
เส้นเขตแบ่งเวลาโลกเริ่มนับหนึ่งที่นี่ (บวก 12 จากเวลากรีนิช) มีเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตัวเอง
และรายได้หลักมาจากการทำกสิกรรม ฟาร์มปศุสัตว์ ประเทศมีขนาดเล็กกว่าไทยครึ่งหนึ่ง มีประชากรเพียง 3.9
ล้านคน ความหนาแน่นของประชากรน้อยกว่าเราถึง 8.5 เท่า
จึงไม่น่าประหลาดใจที่จำนวนแกะที่เลี้ยงในประเทศมีมากกว่าประชากรถึง 5 เท่า!
และเพื่อต้องการพิสูจน์ว่าเอสเคพสามารถผ่านพ้นอุปสรรค์ในเส้นทางสภาพต่างๆ ได้
การเดินทางครั้งนี้มีคณะสักขีพยานจากเมืองไทยร่วมเดินทางด้วย 10 คน และจากนี้คือความเห็นของเรา
ฟอร์ดเริ่มแผนการพัฒนาเอสเคพร่วมกับมาสดา
โดยตั้งทีมออกแบบแยกเป็นเอกเทศเพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน
ขณะที่มาสดาวางตำแหน่งการตลาดว่าเป็นรถ กิจกรรมกลางแจ้งขนาดเล็ก สมถรรนะแบบเก๋งสปอร์ท (คล้ายๆ
อาจารย์กับลูกศิษย์อะไรทำนองนั้น)
แต่ฟอร์ดตั้งใจให้เอสเคพเป็นรถกิจกรรมกลาแจ้งที่ดูเทห์ในวันทำงานและใช้สมบุกสมบันลุยได้ในวันหยุด
ฟอร์ดรับหน้าที่พัฒนาเครื่องยนต์กลไก ระบบเกียร์ และระบบขับเคลื่อน
โดยฝากหน้าที่การพัฒนาออกแบบห้องสัมภาระให้ทีมวิศวกรมาซดาเพราะดูแล้วญี่ปุ่นน่าจะถนัดในเรื่องนี้มากกว่า
ภายนอก
ฟอร์ดมีโจทย์ให้กับทีมออกแบบ 4 ข้อภายใต้แนวคิด NO BOUNDARY หรือน่าจะแปลเป็นไทยว่า "ไปได้
ทุกหนทุกแห่ง" รูปทรงเอสเคพต้องดูแล้ว สนุก มีมาด ปราดเปรียว และต้องติดดิน
มิติตัวถัง กว้าง/ยาว/สูง 1,825/4,415/1,775 มม. ตามลำดับ ฐานล้อ 2,620 มม.
แนวคิดสูงใหญ่ทำให้เอสเคพได้เปรียบในเรื่องพื้นที่ความจุในห้องโดยสาร
โคมไฟหน้าฮาโลเจนออกแบบให้เพรียวลม กันชนหน้าฝังแนวกันกระแทกคู่ ปั้มนูนขึ้นเสริมความขรึม
ดุดันไสตล์รถขับเคลื่อนสี่ล้อ ใช้สีและวัสดุด้านแตกต่างจากตัวถัง ไฟตัดหมอกติดมาให้เป็นมาตรฐาน
มีแผ่นอลูมิเนียมกันกระแทกเพิ่มความเท่ห์ทั้งด้านหน้าและหลังเป็นออพชันเสริมให้เลือก
บันไดข้างสวยงามเข้าที ช่วยให้การก้าวขึ้น/ลงสะดวกขึ้น แต่ถ้าลุยโคลนกันจริงๆ แล้ว เวลาขึ้น/ลง
อาจทำให้กางเกงเลอะได้ถ้าไม่ระวัง
ฝาท้ายเปิดแบบยกขึ้น อันนี้แตกต่างจากคู่แข่งที่เป็นบานเปิดแบบด้านข้าง
มีข้อดีคือสะดวกในการขนสัมภาระเข้า/ออก
แต่อาจมีปัญหาบ้างสำหรับเด็กและผู้หญิงเนื่องจากความสูงของบานประตูขณะที่เปิดยกขึ้นสุด
ยังดีที่มีกระจกบานเล็กไว้ให้เปิดแยกใช้งานได้อีกด้วย
ทีมออกแบบตั้งใจให้พื้นห้องเก็บของสัมภาระอยู่ไม่สูงจากพื้นนัก เพื่อความสะดวกในการขนถ่ายสัมภาระ
จึงจำเป็นต้องแลกด้วยความคล่องตัวของตัวถังรถ หรือมุมต่างๆ ขณะปีนป่าย ทางทุระกันดาร
ขนาดยางที่เลือกใช้ 234/70 R16 ด้านหลังไม่มียางอะไหล่ให้บดบังทัศนวิสัย โดยย้ายไปเก็บไว้ใต้ห้องเก็บสัมภาระ
เนื่องจากระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ PTO (POWER TAKEOFF)
ติดตั้งกับชุดเกียร์ที่ทำหน้าที่ถ่ายกำลังไปยังแกนล้อหลังทั้งสองข้าง ถูกออกแบบให้เล็กและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
ไม่เสียพื้นที่ห้องโดยสารและห้องเก็บสัมภาระ นับเป็นการใช้พื้นที่ได้คุ้มค่า
ภายใน
เอสเคพได้เปรียบในเรื่องพื้นที่ความจุในห้องโดยสาร 3,792 ลิตร
มีพื้นที่เหลือเฟือบริเวณเหนือศรีษะผู้โดยสารตอนหน้า ความจุห้องเก็บสัมภาระ 934 ลิตร ถ้าพับเบาะจะได้ถึง 1,792
ลิตร ซึ่งใหญ่กว่าของคู่แข่งหลายยี่ห้อ พื้นที่ใช้สอยเพียงพอสำหรับการเดินทาง 5 คนพร้อมสัมภาระ เบาะหลังพับได้
60:40 ถ้ายังเก็บของไม่พอ แรคหลังคายังรับน้ำหนักได้อีก 45 กก.
เป้าหมายการออกแบบภายใน เน้นประโยชน์ใช้สอยและต้องการลดเสียงรบกวนในห้องโดยสาร
โครงสร้างยูนิบอดี้เก็บเสียงได้ดี และยังช่วยดูดซับแรกกระแทกเมื่อเกิดการชน
แผงลามิเนทและแผ่นเหล็กสองชั้นประกบกับฉนวนที่ยืดหดได้ มันจะพองตัวและอัดแน่นเมื่อเมื่อผ่านขั้นตอนการอบสี
เป็นตัวช่วยลดแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนระหว่างห้องเครื่องกับห้องโดยสาร
มาตรวัดสีขาวและก้านพวงมาลัยลายจุด เพิ่มความเป็นสปอร์ท แผงควบคุมปุ่มต่างๆ มีขนาดใหญ่
ใช้งานง่ายและคุ้นเคยดี มีปุ่มหรี่ไฟเก๋ง แต่ปุ่มนี้กลับไม่มีไฟในตัว มองไม่เห็นในเวลากลางคืนทั้งๆ
ที่ส่วนใหญ่แล้วถูกต้องใช้งานในที่มืด
ตำแหน่งเกียร์มือนั้นอาจต้องใช้เวลาปรับตัวสักหน่อย แต่ไม่นานก็จะชินเอง ใหม่ๆ
ต้องมองทุกครั้งที่เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ เกียร์มือแบบนี้มีดีตรงที่ได้พื้นที่ห้องโดยสารเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ไม่มีเพลาขับคั่นกลางให้เสียอารมณ์ในรุ่นขับล้อหน้า แต่สำหรับรุ่นขับสี่
ทีมออกแบบตบตาด้วยการใส่ถาดวางแก้วและที่ใส่ของลงไปแทน
ที่เก็บของคอนโซลกลางมีหลายช่องและใหญ่พอที่จะเก็บอุปกรณ์ในการเดินทาง เช่นแว่นตา แผนที่ GPS
หรือกล่องซีดี ที่วางแก้วมีที่ด้านหน้า 2 หลัง 2 แต่สองใบสำหรับด้านหลังดูเหมือนจะจับขวดน้ำไม่ค่อยอยู่
ที่จับยึดหลังคา 4 จุดบริเวณเสา A และ B มีประโยชน์เวลาขึ้นลง/ปีนป่าย
เก้าอี้สามารถปรับให้กระชับได้ดีแต่บางครั้งรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเมื่อวิ่งผ่านรอยตะเข็บถนน รุ่น วี 6 3.0 ลิตร
ที่ขายในบ้านเรามีเครื่องเสียง ซีดี 6 แผ่น มีปลักไฟ 12 โวลต์ให้ 2 จุด ด้านหน้าและที่ห้องเก็บสำภาระ
ถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง เบาะหนัง ตาข่ายยึด 4 จุดใช้รัดของสำภาระ และมูนรูฟ
ติดตั้งให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
เครื่องยนต์
มีให้เลือก 2 รุ่นด้วยกัน ซีเทค 2.0 ลิตร 4 สูบ 127 แรงม้าที่ 5,400 รตน. แรงบิดสูงสุด 183 นิวตันเมตรที่ 4,500 รตน.
และ ดูราเทค 3.0 ลิตร วี 6 สูบ 201 แรงม้าที่ 5,200 รตน. แรงบิดสูงสุดที่ 266 นิวตันเมตรที่ 4,700 รตน.
เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะตามลำดับ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตัวเลขที่ได้จากโรงงาน 11.8
และ 10.3 กม./ลิตร ได้รับมาตรฐานเครื่องยนต์ที่ปล่อยมลพิษต่ำ (LEV)
ผมมีโอกาสได้กดคันเร่งแซงรถใหญ่ในถนนแคบ อัตราเร่งแซงในช่วงความเร็วต้นให้การตอบสนองดี
เร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่รู้สึก "แห้งๆ" ที่ความเร็วปลาย อาจเป็นเพราะน้ำหนักบรรทุกผู้โดยสาร 4
คนพร้อมของสัมภาระเต็มคันก็เป็นได้
การบังคับควบคุม
เอสเคพ เป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า 4x2 ในสภาวะปกติ และเมื่อเกิดอาการลื่นไถลระบบควบคุมทิศทาง CONTROL
TRAC II จะปรับเปลี่ยนเป็นระบบขับเคลื่อน 4x4 เองอัตโนมัติ โดยถ่ายกำลังไปยังล้อคู่หลังในสถานการณ์ที่จำเป็น
ข้อดีของระบบนี้คือ ในสภาวะปกติเช่นขับในเมืองจะช่วยลดความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
เมื่อถนนลื่นและจำเป็นต้องใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ระบบ RBC (ROTARY BLADE COUPLING)
จะทำงานเองเพิ่มความปลอดภัยในการบังคับรถยิ่งขึ้น และถ้าต้องการใช้งานสมบุกสมบัน กดปุ่มลอค 4x4
ระบบขับเคลื่อนนี้จะถ่ายกำลังไปที่ล้อคู่หน้า 50 คู่หลัง 50 ใช้งานสะดวกไม่มีด้ามเกียร์ 4x4 กดเรียกใช้งานได้เลย
ระบบ RBC มีหน้าที่ตรวจวัดรอบการหมุนของล้อคู่หน้า/คู่หลัง จะถูกกระตุ้นให้ทำงานเมื่อมีการลื่นไถล
ปั้มไฮดรอลิคจะส่งแรงดันไปยังชุดคลัทชเพื่อจับและส่งกำลังไปยังล้อหลัง อุปกรณ์นี้จะทำงานเองโดยอัตโนมัติ
ทำงานได้ราบรื่นจนไม่สามารถสังเกตุการทำงานได้ ทำให้เอสเคพ ลุยได้ในสภาพถนนลื่น ทางโคลน
หรือแม้กระทั่งหิมะ
คณะเรามีโอกาสได้ลองใช้ 4x4 LOCK เมื่อเข้าเส้นทางทุระกันดาร เส้นทางลื่น และถนนที่ปกคลุมด้วยหิมะ
หลักการทำงานจะคล้ายกับ 4x4 HIGH ในรถขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์
ซึ่งไม่แนะนำให้ใช้ในสภาพถนนแห้งเพราะจะทำให้สึกหรอมากกว่าปกติ
ผมพยายามสักเกตุการทำงานของระบบนี้แต่มันซ่อนตัวได้ดี ราบเรียบไม่มีอาการกระชากรอบเครื่องให้รู้สึก
รู้แต่เพียงว่ารถไปในทิศทางได้อย่างที่ตั้งใจ
พวกมาลัย ระบบฟันเฟืองและตัวหนอนทำให้การบังคับควบคุมแม่นยำ ตอบสนองดี
ระบบเบรคป้องกันล้อลอค 4 ช่องทาง (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงแบรคด้วยอิเลคทรอนิค (EBD) จานเบรค
คู่หน้าหน้าเป็นแบบจาน (276.88 มม.) คู่หลังเป็นดุม (228.60 มม.) ผมมีโอกาสได้เบรคหนักๆ ในช่วงถนนลื่น
ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี
ระบบรองรับ
โครงสร้างตัวรถที่แข็งแรง RIGID UNIBODY และช่วงล่างอิสระขับเคลื่อน 4 ล้อทำให้แนวคิดที่จะให้เอสเคพเป็นรถ 2
บุคคลิกที่ ขับเทห์ในวันทำงานและลุยหนักได้ในวันสุดสัปดาห์ เป็นจริงได้
ระบบรองรับ แมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมคอยล์สปริงในด้านหน้า และมัลทิลิงค์ พร้อมคอยล์สปริงที่ด้านหลัง
และเมื่อระบบรองรับทำงานร่วมกับโครงสร้าง UNIBODY ทำให้ตอบสนองแม่นยำและทำให้การขับขี่นิ่มนวล
และเสถียร ทั้งบนถนนปกติและทางทุระกันดาร
ช่วงล่างมัลทิลิงค์ทำให้เอสเคพเข้าโคงได้อย่างแม่นยำ รักษาองศาตั้งฉากกับพื้นของยางกับพื้นเสมอ
ยึดเกาะถนนดีให้ความรู้สึกเหมือนขับเก๋ง ไม่มีการอาการโยนตัวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง
แตกต่างจากรถเอสยูวีหลายรุ่น ที่ยังใช้ช่วงล่างหลังแหนบและคานแข็ง
ขณะเดียวกันจำเป็นต้องแลกด้วยสมถรรนะที่ไม่สามารถปีนป่ายหรือลุยงานหนักได้
สรุป
ในเมืองไทยตลาดรถกิจกรรมกลางแจ้ง (SUV) กำลังโตแบบไม่หยุด ดูจากตัวเลขสถิติการขายของรถประเภทนี้
โตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดสถิติเดือนสิงหาคมโตแบบไม่ยั้ง 353%
เจ้าพ่อตลาดรถอเมริกันอย่างฟอร์ดคงอดรนทนไม่ไหวที่จะกระโดดร่วมแจมในตลาดที่กำลังหอมหวนที่สุดเวลานี้
แม้ว่าจะปล่อยให้คู่แข่งเจ้าตลาดอย่าง ซี-อาร์วี อิ่มเปรมกับตลาดกวาดส่วนแบ่งไปครองคนเดียวกว่า 70%
มาหลายปีแล้ว แต่คราวนี้ฟอร์ดปรับกลยุทธ หมายมั่นปั้นมือส่งเอสเคพลงลุยตลาด
ผมรับรองว่าถ้าตั้งราคาได้เหมาะสมเอสเคพจะไม่ทำให้ฟอร์ดต้องหาวเรอเป็นแน่
บรรยายใต้ภาพ
โลโกวี 6 ได้แรงบันดาลใจจากรุ่น V8 ที่เปิดตัวครั้งแรกในงานที่มหกรรมยานยนต์ที่ชิคาโกปี 1934
ใช้งานทั้งได้ทั้งในเมืองและถิ่นทุระกันดาร
ปุ่มบังคับการทำงานขับเคลื่อน 4 ล้อโดยแบ่งกำลังไปที่หน้า 50 หลัง 50
เพลาขับ จุดยึดแขนต่างๆ และระบบขับเคลื่อนถูกทาสีดำกลมกลืนเมื่อมองจากด้านหลัง
ข้อมูลจำเพาะ
ฟอร์ด เอสเคพ ลิมิทเทด 3.0 แอลที 4x4
ตัวแทนจำหน่าย
มิติและน้ำหนัก
ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,415/1,825/1,775
ช่วงล้อ หน้า/หลัง (มม.) 848/925
ฐานล้อ (มม.) 2,620
องศามุมปะทะ 28.5
องศามุมจาก 22.0
องศามุมคร่อม 20.0
น้ำหนักรถ (กก.) 1,754-1,858
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร) 62
เครื่องยนต์
ชนิด ดูราเทค 3.0 วี 6
ความจุ (ซีซี) 2,967
กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 89.0/79.5
อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 201/5,200
แรงบิดสูงสุด (กก.-ม/รตน.) 27.0/4,700
ระบบป้อนเชื้อเพลิง หัวฉีด SEQUENTIAL MULTI PORT ควบคุมด้วยอิเล
คทรอนิค EEC
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เกียร์ อัตโนมัติ (4จังหวะ)
ขับเคลื่อน คอนโทรแทรค II ระบบ 4x4 ON DEMAND ขับเคลื่อน 2
ล้อ และ 4 ล้อ FULL TIME
ระบบรองรับ
หน้า แมคเฟอร์สันสตรัท คอนโทรลอาร์ม
ชอคอับ พร้อมคอลยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
หลัง อิสระ คานยึดคู่ เซมิเทรลลิ่งอาร์ม
ชอคอับ พร้อมคอยล์สปริง มัลทิลิงค์
ระบบบังคับเลี้ยว ฟันเฟืองและตัวหนอน
พร้อมเพาเวอร์ตามความเร็วรอบเครื่อง
ระบบห้ามล้อ
แบบ ระบบป้องกันล้อลอค (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรค
(EBD)
หน้า จาน พร้อมครีบระบายความร้อน ขนาด 278 มม.
หลัง ดุม 229 มม.
เรื่องโดย : ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์
นิตยสาร 4wheels ฉบับเดือน พฤศจิกายน ปี 2545
คอลัมน์ Online : ผลทดสอบ
ลิงค์สำหรับแชร์ : https://www.autoinfo.co.th/archive/11695