ระเบียงรถใหม่ 13 Oct 2020

Honda City e:HEV ซีดานไฮบริด เปิดตัวแล้วที่ประเทศมาเลเซีย

UPDATE !! ประเทศไทยเตรียมเปิดตัว Honda City e-HEV วันที่ 24 พย. นี้ !! พร้อมกับ City Hatchback !

Honda City (ฮอนดา ซิที) ถูกเปิดตัวแล้วในประเทศเพื่อนบ้านของเรา นั่นคือ มาเลเซีย แม้จะช้ากว่าประเทศไทยหลายเดือน แต่มีทีเด็ดตรงที่การเปิดตัวของรุ่นเครื่องยนต์ไฮบริดเป็นที่แรกของโลก (ของเราใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.0 ลิตร) พร้อมกับการเผยสเปคอย่างเป็นทางการ มาดูกันเลย

ทางเลือกเครื่องยนต์ของ Honda City รุ่นใหม่ที่ทำตลาดในประเทศมาเลเซีย มี 2 รูปแบบด้วยกัน นั่นคือ เบนซิน 1.5 ลิตร (1,498 ซีซี) กำลังสูงสุด 121 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.8 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 10.2-10.4 วินาที (ตามแต่รุ่นย่อย) ความเร็วสูงสุด 195-196 กม./ชม. และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ 18.5 กม./ลิตร

ดูจากสเปคถือว่ามีความแตกต่างจากเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ที่ใช้งานกับ Honda Jazz ของบ้านเราเล็กน้อย โดยมีความจุ 1,497 ซีซี กำลังสูงสุด 117 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 14.9 กก.-ม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยตาม Eco Sticker ที่ 16.7 กม./ลิตร (5.4 ลิตร/100 กม.) ไม่มีการระบุอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากผู้ผลิตในบ้านเรา แต่จากการทดสอบของนิตยสารฟอร์มูลา คือ 11.2 วินาที

จุดน่าสนใจของ Honda City ที่เปิดตัวในประเทศมาเลเซีย คือ รุ่นทอพ e:HEV กับขุมพลังแบบไฮบริด ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 98 แรงม้า หน้าที่หลัก คือ การสร้างกระแสไฟฟ้าสำหรับการขับเคลื่อนมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีกำลังสูงสุดถึง 108 แรงม้า ที่ 3,500-8,000 รตน. และมีแรงบิดสูงสุดที่มากถึง 25.8 กก.-ม. ที่ 0-3,000 รตน. กับเกียร์อัตโนมัติแปรผัน e-CVT

ข้อมูลจากทางประเทศมาเลเซีย ระบุถึงอัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยของ Honda City e:HEV มาด้วย ตามนี้ คือ 0-100 กม./ชม. ใน 9.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 173 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย 26.5 กม./ลิตร (3.77 ลิตร/100 กม.) ถือว่ามีอัตราเร่งที่ทำได้ดีมาก แม้มีจุดอ่อน คือ ความเร็วสูงสุด เนื่องจากการขับเคลื่อนส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของมอเตอร์ไฟฟ้า หลักการคล้ายกับระบบไฮบริดของ Honda Accord นั่นคือ เครื่องยนต์สันดาปจะทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าป้อนให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อน และจะทำการขับเคลื่อนในช่วงความเร็วสูงเท่านั้น (Honda City ของบ้านเรา ใช้เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 122 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยจากทางผู้ผลิตที่ 23.8 กม./ลิตร ขณะที่อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. จากการทดสอบของนิตยสารฟอร์มูลา คือ 10.5 วินาที)

เมื่อพิจารณาตารางสเปคแล้ว เราพบว่า จุดแตกต่างของ Honda City ของประเทศมาเลเซีย ระหว่างรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร และเครื่องยนต์ไฮบริด คือ น้ำหนักโดยรวม โดยรุ่น 1.5 ลิตร มีน้ำหนักที่ 1,125-1,135 กก. ขณะที่รุ่น e:HEV มีน้ำหนักที่ 1,246 กก. เป็นผลจากชุดมอเตอร์ขับเคลื่อน และแบทเตอรีที่เพิ่มเติมเข้ามา (ส่วน Honda City เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.0 ลิตร ของบ้านเรา มีน้ำหนักโดยรวมที่ 1,150-1,165 กก.) นอกจากนี้ยังมีความจุที่เก็บสัมภาระท้ายแตกต่างกัน โดยรุ่น 1.5 ลิตร มีความจุ 519 ลิตร แต่รุ่น e:HEV คือ 409 ลิตร อาจเป็นผลจากการใช้พื้นที่ติดตั้งชุดแบทเตอรีก็เป็นได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจของ Honda City e:HEV คือ การติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda Sensing มาเต็มระบบ ได้แก่ ระบบครูสคอนทโรลแปรผันความเร็ว (Adaptive Cruise Control) ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกเลนโดยไม่เจตนา (Lane Departure Warning) และระบบควบคุมรถให้อยู่กึ่งกลางเลน (Lane Keep Assist System) ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High Beam) ระบบเตือนเมื่อแล่นเข้าใกล้รถคันหน้าเร็วเกินไป (Forward Collision Warning) และระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ (Collision Mitigation Braking System) รวมถึงระบบกล้องเสริมทัศนวิสัยทางฝั่งซ้ายของตัวรถ (Honda Lane Watch) ซึ่งแต่ละรายการที่กล่าวมา ไม่มีติดตั้งใน Honda City ที่ทำตลาดในบ้านเราเลย

สิ่งที่น่าประหลาดใจเล็กน้อย คือ ราคา โดย Honda City ในประเทศมาเลเซียของรุ่น 1.5 ลิตร คือ 74,191.27-86,561.45 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 557,397-650,125 บาท ตามค่าเงิน 1 ริงกิต = 7.5 บาท) แต่กลับไม่ระบุราคาของรุ่น e:HEV ซะงั้น โดยบางแหล่งข่าวระบุว่า การจำหน่ายรุ่นไฮบริดจะเริ่มต้นขึ้นในปีหน้า ประมาณเดือนมกราคม แต่สามารถรับจองล่วงหน้าได้แล้วตั้งแต่ตอนนี้

หันกลับมาทางบ้านเรา ! Honda City เปิดตัวมาเกือบ 1 ปีแล้ว มีกระแสข่าวการเสริมทางเลือกของตัวถังแบบแฮทช์แบค ขณะที่ทางเลือกเครื่องยนต์ไฮบริดเหมือนประเทศมาเลเซียก็มีความน่าสนใจ แต่ทั้งหมดล้วนยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากทางผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการ ล่าสุดในเพจ Facebook ของทาง Honda Thailand มีการโพสต์เกี่ยวกับระบบ Honda Sensing และระบบไฮบริด Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) กับสโลแกน “Future is now” จะหมายถึงรถที่กำลังทำตลาดในตอนนี้ หรือหมายถึงรถรุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง คงต้องติดตามกันให้ดี !!