ทดลองขับ(formula)
โพร์เช พานาเมรา เอส ไฮบริด
โพร์เช (PORSCHE) แตกไลน์สู่ตลาดรถซีดานกับ พานาเมรา เอส ไฮบริด (PANEMERA S HYBRID) เพิ่มพละกำลังด้วยระบบไฮบริดแบบคู่ขนาน (PARALLEL HYBRID) ซึ่งทางผู้ผลิตอ้างว่า เหมาะสมกับรถสมรรถนะสูง ส่งกำลังต่อเนื่องทุกย่านความเร็ว เราได้ทดลองขับรถรุ่นดังกล่าวที่สนามทดลองขับชั่วคราว กรมทหารราบที่ 11โพร์เช (PORSCHE) แตกไลน์สู่ตลาดรถซีดานกับ พานาเมรา เอส ไฮบริด (PANEMERA S HYBRID) เพิ่มพละกำลังด้วยระบบไฮบริดแบบคู่ขนาน (PARALLEL HYBRID) ซึ่งทางผู้ผลิตอ้างว่า เหมาะสมกับรถสมรรถนะสูง ส่งกำลังต่อเนื่องทุกย่านความเร็ว เราได้ทดลองขับรถรุ่นดังกล่าวที่สนามทดลองขับชั่วคราว กรมทหารราบที่ 11 ภายนอก เส้นสายคุ้นเคย แม้เป็นซีดาน รูปทรงด้านนอกยังคงเอกลักษณ์ของค่ายรถแห่งนี้ไว้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ากลม ฝากระโปรงโค้ง และด้านท้ายลาดเท คล้ายกับรถสปอร์ทอย่าง คาร์เรรา (CARRERA) ผู้ออกแบบคงมีเจตนาให้รถซีดานคันนี้ สามารถสร้างการรับรู้ทางสายตาได้โดยง่าย เรียกได้ว่ามองแค่ผ่านๆ ก็รู้ว่าซีดานคันนี้ สืบเชื้อสายจากค่าย โพร์เช อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ผลจากด้านท้ายที่ลาดเท ไม่ได้โค้งเพรียวเหมือนสปอร์ทซีดานทั่วไป ทำให้รถคันนี้ดูคล้ายแฮทช์แบคกลายๆ นอกจากนี้ยางที่ให้มาตามรุ่นมาตรฐาน สำหรับคู่หน้า 245/50 ZR18 และคู่หลัง 275/45 ZR18 มองด้วยสายตาแล้วมีความรู้สึกว่าแก้มยางดูหนาไปหน่อย แม้จะช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมันก็ตาม แต่ไหนๆ มีเชื้อสายพันธุ์สปอร์ททั้งที น่าจะใช้แมกใหญ่กว่านี้ กับยางแก้มเตี้ยลงมาหน่อย จะเท่ และลงตัวมาก (มียางรุ่นพิเศษ ด้านหน้า 255/45 R19 และด้านหลัง 285/40 R19 เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง) ภายใน อารมณ์สปอร์ท ทันสมัย แม้ภายนอก พานาเมรา จะมีความยาวค่อนข้างมาก แต่เอาเข้าจริงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4 คน แต่ผลดีที่ได้มา คือ เบาะแต่ละตำแหน่งโอบกระชับสรีระผู้โดยสารอย่างเหมาะสม กว้างขวางเหลือเฟือ ขณะที่ด้านหน้าหรูหราด้วยการจัดวางปุ่มใช้งานรอบคันเกียร์ วัสดุ และการตกแต่ง สมราคา ให้ความรู้สึกภูมิฐาน เมื่อขึ้นมาอยู่ที่เบาะคนขับ ก็พบกับแผงหน้าปัดที่คุ้นเคยของรถยี่ห้อนี้ แต่สำหรับรุ่น ไฮบริด ด้านขวาจะแสดงผลการทำงานของระบบขับเคลื่อน ระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน รวมไปถึงการชาร์จกระแสไฟฟ้า ตำแหน่งผู้ขับจะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ให้อารมณ์คล้ายรถสปอร์ท ทำให้ พานาเมรา คันนี้ ไม่ว่าการโดยสารด้านหลัง หรือจะลงมาคุมบังเหียนด้วยตัวเองหลังพวงมาลัย ก็ให้อารมณ์ตื่นเต้นตั้งแต่ขึ้นนั่งแล้ว เครื่องยนต์ สมรรถนะเยี่ยม อัตราเร่งต่อเนื่อง ขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 สูบ พละกำลัง 333 แรงม้า เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 47 แรงม้า ทำงานร่วมกันแบบคู่ขนาน (PARALLEL HYBRID) ซึ่งทางผู้ผลิตระบุว่าระบบดังกล่าวสามารถส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังได้อย่างต่อเนื่อง จุดนี้เราได้พิสูจน์จากการทดลองอัตราเร่งขณะออกตัว แรงบิดมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมาตั้งแต่เริ่มแรกจากโหมด BOOSTING (ทำงานเมื่อกดคันเร่งสุด) ให้ความรู้สึกที่ฉับไวจนแทบจะลืมความเป็นซีดานขนาดใหญ่ของ พานาเมรา เอส ไฮบริด เสียสนิท แถมเสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ให้ความเร้าใจเช่นกัน การตอบสนองคันเร่งถือว่าทำได้ดีมาก จากการทำงานเสริมพละกำลังซึ่งกันและกันของระบบไฮบริด แต่หากต้องขับในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง เพียงกดปุ่มเข้าสู่โหมด E-POWER การตอบสนองของคันเร่งจะค่อยเป็นค่อยไป และเน้นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ามากกว่า นอกจากจะได้ความนุ่มนวลที่ความเร็วต่ำแล้ว ยังมีผลดีเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงอีกต่างหาก ระบบรองรับ นุ่ม หนึบ ปรับได้ ระบบรองรับของ พานาเมรา เอส ไฮบริด เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของค่าย โพร์เช (PASM: PORSCHE ACTIVE SUSPENSION MANAGEMENT) มีพื้นฐานเป็นช่วงล่างแบบถุงลม การหักเลี้ยวในมุมแคบให้ความรู้สึกนุ่มในสไตล์รถซีดานในทีแรก แต่ด้วยช่วงล่างที่สามารถแปรผันการตอบสนอง ความหนึบแน่นจะตามมาทันใด ทำให้การบังคับควบคุมอยู่มือ มั่นคง ไม่มีอาการโอเวอร์สเตียร์ให้รู้สึก โดยรวมแล้วเรามีความรู้สึกว่าช่วงล่างของซีดานรุ่นนี้ให้มีความนุ่มนวล เพื่อให้เหมาะสมกับการเดินทางที่เน้นความสะดวกสบาย แต่ยังไม่ลืมมาดสปอร์ทที่รถยี่ห้อนี้พึงมี โดยเฉพาะโหมด สปอร์ท (SPORT) ที่เพิ่มความฉับไวของการตอบสนอง และความหนึบของช่วงล่างด้วย ทำให้รถคันนี้สามารถพลิกบุคลิกเป็นรถสปอร์ทดุดันได้อย่างไม่ยากเย็น สรุป สปอร์ทซีดาน สมชื่อสายพันธุ์แรง แม้เป็นการทดลองขับช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ โพร์เช พานาเมรา เอส ไฮบริด ก็แสดงความเป็นรถสปอร์ทซีดานยุคไฮบริดได้ชัดเจน ผนวกกับการบังคับควบคุมที่เลือกได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะนุ่มนวล หรือจะเร้าใจราวกับรถสปอร์ท นอกจากนี้ระบบไฮบริดยังมีโหมด SAILING ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้วนๆ ที่ความเร็วคงที่ 165 กม./ชม. ช่วยให้การเดินทางไกลประหยัดเชื้อเพลิงได้มาก แม้เศรษฐีผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ระดับ 10 ล้านบาท จะไม่ยี่หระเรื่องค่าเชื้อเพลิงเท่าใดนัก แต่การโลดแล่นไปกับซีดานหรูคันโปรด โดยไม่ต้องแวะเติมน้ำมันบ่อยเกินไป ถือเป็นเรื่องที่น่าอภิรมย์ไม่น้อยเหมือนกัน จริงไหม !?! ข้อมูลจำเพาะ โพร์เช พานาเมรา เอส ไฮบริด ผู้จัดจำหน่าย บริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด โทร. 0-2522-6655� มิติและน้ำหนัก ยาว/กว้าง/สูง (มม.) 4,970/2,114/1,418 มม. ช่วงล้อหน้า/หลัง (มม.) 1,658/1,662 ฐานล้อ (มม.) 2,920 น้ำหนัก (กก.) 1,980 ความจุถังเชื้อเพลิง (ลิตร) 95 เครื่องยนต์ แบบ วี 6 สูบ ความจุ (ซีซี) 2,995� กระบอกสูบ/ช่วงชัก (มม.) 87.5/83.1� อัตราส่วนกำลังอัด 10.1:1� แรงม้าสูงสุด (แรงม้า/รตน.) 380/5,500 แรงบิดสูงสุด (กก.-ม./รตน.) 44.9/3,000-5,250 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง ฉีดเชื้อเพลิงโดยตรง ระบบถ่ายทอดกำลัง� เกียร์ (จังหวะ) กึ่งอัตโนมัติ 8 ขับเคลื่อน (ล้อ) 2 หลัง ระบบรองรับ� หน้า อิสระ ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลง� หลัง อิสระ มัลทิลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง� ระบบบังคับเลี้ยว แบบ ฟันเฟือง และตัวหนอน พร้อมเพาเวอร์ไฮดรอลิค ระบบห้ามล้อ� แบบ พีเอสเอม หน้า จาน พร้อมช่องระบายความร้อน� หลัง จาน พร้อมช่องระบายความร้อน ราคา (บาท) 9,600,000 บาท
ภายนอก เส้นสายคุ้นเคย แม้เป็นซีดาน
รูปทรงด้านนอกยังคงเอกลักษณ์ของค่ายรถแห่งนี้ไว้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นไฟหน้ากลม ฝากระโปรงโค้ง และด้านท้ายลาดเท คล้ายกับรถสปอร์ทอย่าง คาร์เรรา (CARRERA) ผู้ออกแบบคงมีเจตนาให้รถซีดานคันนี้ สามารถสร้างการรับรู้ทางสายตาได้โดยง่าย เรียกได้ว่ามองแค่ผ่านๆ ก็รู้ว่าซีดานคันนี้ สืบเชื้อสายจากค่าย โพร์เช อย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ผลจากด้านท้ายที่ลาดเท ไม่ได้โค้งเพรียวเหมือนสปอร์ทซีดานทั่วไป ทำให้รถคันนี้ดูคล้ายแฮทช์แบคกลายๆ นอกจากนี้ยางที่ให้มาตามรุ่นมาตรฐาน สำหรับคู่หน้า 245/50 ZR18 และคู่หลัง 275/45 ZR18 มองด้วยสายตาแล้วมีความรู้สึกว่าแก้มยางดูหนาไปหน่อย แม้จะช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมันก็ตาม แต่ไหนๆ มีเชื้อสายพันธุ์สปอร์ททั้งที น่าจะใช้แมกใหญ่กว่านี้ กับยางแก้มเตี้ยลงมาหน่อย จะเท่ และลงตัวมาก (มียางรุ่นพิเศษ ด้านหน้า 255/45 R19 และด้านหลัง 285/40 R19 เป็นอุปกรณ์เลือกติดตั้ง)
ภายใน อารมณ์สปอร์ท ทันสมัย
แม้ภายนอก พานาเมรา จะมีความยาวค่อนข้างมาก แต่เอาเข้าจริงสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4 คน แต่ผลดีที่ได้มา คือ เบาะแต่ละตำแหน่งโอบกระชับสรีระผู้โดยสารอย่างเหมาะสม กว้างขวางเหลือเฟือ ขณะที่ด้านหน้าหรูหราด้วยการจัดวางปุ่มใช้งานรอบคันเกียร์ วัสดุ และการตกแต่ง สมราคา ให้ความรู้สึกภูมิฐาน
เมื่อขึ้นมาอยู่ที่เบาะคนขับ ก็พบกับแผงหน้าปัดที่คุ้นเคยของรถยี่ห้อนี้ แต่สำหรับรุ่น ไฮบริด ด้านขวาจะแสดงผลการทำงานของระบบขับเคลื่อน ระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน และมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน รวมไปถึงการชาร์จกระแสไฟฟ้า ตำแหน่งผู้ขับจะอยู่ในระดับค่อนข้างต่ำ ให้อารมณ์คล้ายรถสปอร์ท ทำให้ พานาเมรา คันนี้ ไม่ว่าการโดยสารด้านหลัง หรือจะลงมาคุมบังเหียนด้วยตัวเองหลังพวงมาลัย ก็ให้อารมณ์ตื่นเต้นตั้งแต่ขึ้นนั่งแล้ว
เครื่องยนต์ สมรรถนะเยี่ยม อัตราเร่งต่อเนื่อง
ขุมกำลังเครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร วี 6 สูบ พละกำลัง 333 แรงม้า เสริมด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 47 แรงม้า ทำงานร่วมกันแบบคู่ขนาน (PARALLEL HYBRID) ซึ่งทางผู้ผลิตระบุว่าระบบดังกล่าวสามารถส่งกำลังสู่ล้อคู่หลังได้อย่างต่อเนื่อง จุดนี้เราได้พิสูจน์จากการทดลองอัตราเร่งขณะออกตัว แรงบิดมหาศาลที่ถูกปลดปล่อยออกมาตั้งแต่เริ่มแรกจากโหมด “BOOSTING” (ทำงานเมื่อกดคันเร่งสุด) ให้ความรู้สึกที่ฉับไวจนแทบจะลืมความเป็นซีดานขนาดใหญ่ของ พานาเมรา เอส ไฮบริด เสียสนิท แถมเสียงคำรามของเครื่องยนต์ก็ให้ความเร้าใจเช่นกัน
การตอบสนองคันเร่งถือว่าทำได้ดีมาก จากการทำงานเสริมพละกำลังซึ่งกันและกันของระบบไฮบริด แต่หากต้องขับในเมืองที่มีการจราจรคับคั่ง เพียงกดปุ่มเข้าสู่โหมด “E-POWER” การตอบสนองของคันเร่งจะค่อยเป็นค่อยไป และเน้นการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้ามากกว่า นอกจากจะได้ความนุ่มนวลที่ความเร็วต่ำแล้ว ยังมีผลดีเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงอีกต่างหาก
ระบบรองรับ นุ่ม หนึบ ปรับได้
ระบบรองรับของ พานาเมรา เอส ไฮบริด เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของค่าย โพร์เช (PASM: PORSCHE ACTIVE SUSPENSION MANAGEMENT) มีพื้นฐานเป็นช่วงล่างแบบถุงลม การหักเลี้ยวในมุมแคบให้ความรู้สึกนุ่มในสไตล์รถซีดานในทีแรก แต่ด้วยช่วงล่างที่สามารถแปรผันการตอบสนอง ความหนึบแน่นจะตามมาทันใด ทำให้การบังคับควบคุมอยู่มือ มั่นคง ไม่มีอาการโอเวอร์สเตียร์ให้รู้สึก
โดยรวมแล้วเรามีความรู้สึกว่าช่วงล่างของซีดานรุ่นนี้ให้มีความนุ่มนวล เพื่อให้เหมาะสมกับการเดินทางที่เน้นความสะดวกสบาย แต่ยังไม่ลืมมาดสปอร์ทที่รถยี่ห้อนี้พึงมี โดยเฉพาะโหมด สปอร์ท (SPORT) ที่เพิ่มความฉับไวของการตอบสนอง และความหนึบของช่วงล่างด้วย ทำให้รถคันนี้สามารถพลิกบุคลิกเป็นรถสปอร์ทดุดันได้อย่างไม่ยากเย็น
สรุป สปอร์ทซีดาน สมชื่อสายพันธุ์แรง
แม้เป็นการทดลองขับช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ โพร์เช พานาเมรา เอส ไฮบริด ก็แสดงความเป็นรถสปอร์ทซีดานยุคไฮบริดได้ชัดเจน ผนวกกับการบังคับควบคุมที่เลือกได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะนุ่มนวล หรือจะเร้าใจราวกับรถสปอร์ท นอกจากนี้ระบบไฮบริดยังมีโหมด “SAILING” ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้วนๆ ที่ความเร็วคงที่ 165 กม./ชม. ช่วยให้การเดินทางไกลประหยัดเชื้อเพลิงได้มาก
แม้เศรษฐีผู้เป็นเจ้าของรถยนต์ระดับ 10 ล้านบาท จะไม่ยี่หระเรื่องค่าเชื้อเพลิงเท่าใดนัก แต่การโลดแล่นไปกับซีดานหรูคันโปรด โดยไม่ต้องแวะเติมน้ำมันบ่อยเกินไป ถือเป็นเรื่องที่น่าอภิรมย์ไม่น้อยเหมือนกัน จริงไหม !?!