หลังจากเปิดตัวไปหมาดๆ กับซีดานหรู รุ่นล่าสุด Toyota Camry (คลิคอ่านรายละเอียดได้ที่นี่) ทางผู้ผลิตไม่รอช้า จัดทริพทดลองขับกันทันใด โดยมีสถานที่ คือ จ.บุรีรัมย์ ทั้งการขับบนท้องถนน และการขับขี่ในสนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ! จะรับมือการขับขี่ในสนามแข่งได้ดีแค่ไหน มาติดตามกัน

   

• เกริ่นนำกันก่อน

Toyota Camry ถูกเปิดตัวในบ้านเราเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2536 โดยเป็นรุ่นที่ 3 ในตลาดโลกขณะนั้น เมื่อได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้สนใจ Camry รุ่นที่ 4 จึงถูกนำมาจำหน่ายแบบประกอบในประเทศเต็มตัวในปี 2542 ขณะที่รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว เป็นรุ่นที่ 6 และไม่ใช่แค่การเป็นรถยนต์รุ่นใหม่เท่านั้น แต่ Camry รุ่นล่าสุด ถูกพัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด TNGA (Toyota New Global Architecture) กับการปรับปรุงให้ตัวรถมีประสิทธิภาพรอบด้านที่ดีขึ้น โดยโครงสร้างตัวถังถูกออกแบบให้มีความแข็งแรงกว่าเดิม ลดจุดศุนย์ถ่วงลงมาเล็กน้อย เพื่อสมดุลของตัวรถขณะขับขี่ที่ลงตัว ผสานการขับเคลื่อนร่วมกับเครื่องยนต์บลอคใหม่ และระบบส่งกำลัง แน่นอนว่า สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ รูปทรงที่ปราดเปรียว ผสมความหรู มีมาดสปอร์ทมากกว่ารุ่นก่อนหน้า แต่ยังดูภูมิฐานในเวลาเดียวกัน    

• ไม่รอช้า เริ่มขับกันเลย

หลังจากการฟังข้อมูลของตัวรถภายใต้แนวคิด TNGA แล้ว ก็ได้เวลาทดลองขับ กลุ่มของเราได้เริ่มต้นด้วยการขับบนท้องถนนก่อน โดยมีรุ่นย่อย คือ 2.5G และ HV Premium (ไม่มีรุ่น 2.0G) จัดเป็นตัวทอพของแต่ละเครื่องยนต์ ลักษณะเส้นทาง คือ การแล่นผ่านถนนเส้นหลักเป็นระยะทางประมาณ 50 กม. ในเวลา 1 ชม. อาจฟังดูไม่ยากเย็น แต่ระหว่างทางที่มีไฟสัญญาณจราจรพอสมควร บวกกับอุปสรรคระหว่าเส้นทางเล็กน้อย ความเร็วเฉลี่ยจึงอยู่ระหว่าง 60-70 กม./ชม. เป็นความเร็วของการใช้งานทั่วไปรวมถึงในตัวเมือง การขับขี่ของเราอิงความสะดวกสบายในความเป็นจริง นั่นคือ เปิดแอร์ประมาณ 25 องศา แรงลมระดับ 3-4  เรียกได้ว่าเย็นสบาย ตรงกับการใช้งานทั่วไป (ในรุ่นทอพ HV Premium เบาะหลังสามารถปรับเอนได้ และมีปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศ บริเวณพนักแขน)     เราเริ่มด้วยรุ่น 2.5G เมื่อขึ้นมานั่ง พบว่าตัวรถมีความกว้างขวางอย่างเหลือเฟือ นับเป็นหนึ่งในจุดเด่นของ Toyota Camry เสมอมา ทัศนวิสัยด้านหน้าดี จากการออกแบบให้กระจกหน้ามีพื้นที่มากขึ้น เบาะผู้ขับอยู่ในตำแหน่งต่ำลงมาเล็กน้อย ตามรูปทรงของตัวรถที่ลดความสูงลง พวงมาลัยมีแพดเดิล ชิฟท์ (ติดตั้งทุกรุ่นย่อย) คอนโซลหน้าทรงหนา ดูภูมิฐาน แต่ปุ่มใช้งานสีเงินทรงเรียวในแนวนอนอาจมีขนาดเล็กไปหน่อย ตำแหน่งของที่ชาร์จมือถือแบบไร้สายมีความเหมาะสมกว่าเดิม นั่นคือ ขยับเข้าไปด้านในเล็กน้อย รองรับมือถือขนาดใหญ่ได้ดี (มือถือต้องรองรับการชาร์จลักษณะดังกล่าวด้วย)     พิจารณาห้องโดยสารส่วนผู้ขับกันพอประมาณ เจ้าหน้าที่ก็ให้สัญญาณปล่อยตัวขบวนรถ ช่วงแรกที่ยังไม่พ้นเขตตัวเมือง เราใช้ความเร็วต่ำ ผ่านการจราจรที่หนาแน่นปานกลาง การขับขี่โดยรวมให้ความรู้สึกหนักแน่น พวงมาลัยหักเลี้ยวง่ายในช่วงความเร็วต่ำ ระบบรองรับจะแข็งกว่ารุ่นก่อนหน้า ภายใต้ล้อแมกขนาด 18 นิ้ว ของ รุ่น 2.5G ในแง่ของระบบรองรับในการขับขี่บนท้องถนน Camry ทำได้อย่างน่าพอใจมาก     ระยะทางร่วม 50 กม. ผ่านไป เราได้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ประมาณ 17-18 กม./ลิตร ถือว่าน่าพอใจมาก สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร บลอคใหม่หมด ตัวเลขเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร เลยทีเดียว ภายใต้พละกำลังที่สูงถึง 209 แรงม้า มากกว่าคู่แข่งรายอื่นในพิกัดเครื่องยนต์ขนาด 2.4-2.5 ลิตร     เราแวะพักที่ ร้านตั้งถาวรฟาร์ม เพิ่มพลังผู้ขับด้วยเมลอนรสชาติดี และเปลี่ยนรถยนต์ที่ขับเป็น Toyota Camry รุ่น HV Premium เครื่องยนต์ไฮบริด บลอคใหม่เช่นกัน ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.5 ลิตร กำลังสูงสุด 178 แรงม้า ส่งกำลังร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 120 แรงม้า คิดเป็นกำลังสูงสุดทั้งระบบ คือ 211 แรงม้า แบทเตอรีแบบนิคเคิล เมทัล ไฮดไรด์ (รับประกันนาน 10 ปี ส่วนระบบไฮบริดรับประกันนาน 5 ปี) เดินทางกลับสู่สนามช้างอินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ด้วยเส้นทางเดิม ในแง่ของความกว้างขวาง และหรูหรา ในรุ่นทอพขุมพลังไฮบริด มีเทียบเท่ารุ่น 2.5G แต่จะเพิ่มระบบเนวิเกเตอร์เข้ามาด้วย พร้อมหลังคาซันรูฟ (มีเฉพาะรุ่น 2.5G และ HV Premium) การขับขี่โดยรวมมีความนุ่มนวล แต่มั่นคง เสียงรบกวนต่ำตามสไตล์รถยนต์ไฮบริด จุดเด่นที่ขาดไม่ได้ คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง แม้ใช้ความเร็วเฉลี่ยเท่ากับรอบก่อนหน้า แต่ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 23-24 กม./ลิตร เลยทีเดียว นับเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ต้องการความหรูหรา และการประหยัดเชื้อเพลิงในคันเดียว    

• ได้เวลาลุยสนามแข่ง !

หลังจากการขับขี่บนท้องถนนในช่วงแรก กลุ่มของเราได้สลับมาขับในสนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต กันบ้าง นับเป็นความท้าทายไม่น้อย สำหรับซีดานที่เน้นความหรูหราเช่นนี้ การขับขี่ในสนามแข่งดูเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเข้ากันได้เท่าใดนัก Toyota Camry รุ่นใหม่ จะรับมือกับการเข้าโค้งแต่ส่วนของสนามได้ดีแค่ไหน เราจะมาพิสูจน์กัน     การขับในสนามแข่งจะมีครูฝึกคอยแนะนำความเร็วที่เหมาะสม เราบอกได้เลยว่าหลายช่วงของการเข้าโค้ง ใช้ความเร็วสูงเกินคาด บางช่วงครูฝึกแนะนำให้เข้าโค้งอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องเบรคด้วยซ้ำ ในทีแรกเราก็อดคิดไม่ได้ว่าซีดานหรูคันนี้จะรับมือได้หรือไม่ แต่เมื่อลองเข้าโค้งไปแล้ว กลับพบว่า ตัวรถมีความมั่นคงที่ยอดเยี่ยมเกินคาด อาการโคลงน้อยกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด พวงมาลัยแม่นยำ โดยเฉพาะรุ่น 2.5G ที่แฝงอารมณ์สปอร์ทของระบบรองรับ และระบบบังคับเลี้ยวเอาไว้ด้วย ทำให้ขับสนุก ควบคุมอยู่มือ การพัฒนาตัวรถให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงมา ตามแนวคิด TNGA เสริมจุดเด่นด้านการขับขี่อย่างได้ผล ที่โค้ง 4 ของสนามแห่งนี้ Camry สามารถใช้ความเร็วถึง 120-130 กม./ชม. โดยไม่ต้องแตะเบรคเลย ควบคุมรถได้ดี ไม่มีความหวาดเสียวแต่อย่างใด ขณะที่ช่วงโค้งต่อเนื่องสลับซ้าย/ขวาสามารถใช้ความเร็วในระดับ 80 กม./ชม. รวมถึงการขับแบบสลาลอมในระยะค่อนข้างชิด ใช้ความเร็วในระดับ 70 กม./ชม. ตัวรถมีความมั่นคงเป็นอย่างดี ควบคุมได้ดังใจ นั่นคือ อารณ์การขับขี่ที่เราได้สัมผัสในรุ่น 2.5G     เมื่อสลับมาขับรุ่น HV Premium กับการขับในสนามแข่ง ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต การขับขี่โดยรวมจะมีความนุ่มนวลมากกว่ารุ่น 2.5G เล็กน้อย ล้อแมกมีขนาด 17 นิ้ว แต่ยังให้ความมั่นคงที่น่าพอใจในการขับผ่านในแต่ละโค้ง ช่วงที่ใช้ความเร็วต่ำจะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เมื่อไต่ความเร็วสูงขึ้นจนประทั่งเครื่องยนต์สันดาปเริ่มทำงาน การส่งกำลังเป็นไปอย่างเรียบเนียน ต่อเนื่อง ไม่สัมผัสถึงอาการสะดุดแม้แต่น้อย ระบบบังคับเลี้ยวของรุ่นไฮบริด HV Premium จะมีความแตกต่างกับรุ่น 2.5G บางส่วน มีการช่วยผ่อนแรงมากขึ้น น้ำหนักจึงเบากว่า แต่ยังให้ความแม่นยำที่ดีเยี่ยม การเข้าโค้ง และการทำความเร็วในแต่ละช่วงของสนามแข่งแห่งนี้ ทำได้ดีไม่แพ้รุ่น 2.5G แม้น้ำหนักตัวของรุ่น HV Premium จะมากกว่าร่วม 100 กก. ก็ตาม ส่วนหนึ่งมาจากการปรับแต่งระบบรองรับให้มีความลงตัว ตามความเหมาะสม และบุคลิกของตัวรถในแต่ละรุ่นย่อย     เป็นอันว่าการลุยสนามแข่งของซีดานหรู Toyota Camry รุ่นล่าสุด สามารถสอบผ่านความท้าทายในส่วนนี้ได้สบาย ด้วยระบบรองรับ และการขับขี่ ที่พัฒนาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ภายใต้แนวคิด TNGA ที่สอดประสานกันทั้งในแง่ของโครงสร้างตัวถัง ระบบส่งกำลัง และเครื่องยนต์ มีความลงตัวอย่างยอดเยี่ยม    

• ขับดีไม่พอ ต้องนั่งสบายด้วย

นอกเหนือจากการทดลองขับบนท้องถนน และในสนามแข่ง ทางผู้ผลิตยังจัดมุมพิเศษ สำหรับการทดลองนั่งในห้องโดยสาร และฟังประสิทธิภาพของระบบเครื่องเสียงของ JBL ที่ถูกออกแบบมาสำหรับซีดานหรูรุ่นนี้โดยเฉพาะ มีเจ้าหน้าที่ของ JBL ให้ความรู้ และข้อมูลต่างๆ อย่างใกล้ชิด เราพบว่าคุณภาพของเครื่องเสียงน่าพอใจมาก เสียงดูมีมิติ ชัดเจน ห้องโดยสารเก็บเสียงรบกวนภายนอกได้ดี รายละเอียดของเสียงครบถ้วนในบริเวณผู้โยสารเบาะหน้า มีการเสริมลำโพงหลายจุด รวมทั้งการเพิ่ม Amplifier ใต้เบาะนั่งข้างผู้ขับ เพิ่มกำลังขับของชุดเครื่องเสียงอีกแรง ส่วนซับวูเฟอร์ติดตั้งด้านหลังของเบาะหลัง เพิ่มความหนักแน่นในย่านเสียงทุ้ม อย่างไรก็ตามเบาะหลังมักจะถูกโดยสารโดย “บุคคลสำคัญ” (ในแง่ของการเป็นรถลีมูซีน) ทางผู้ผลิตน่าจะเพิ่มรายละเอียดของชุดลำโพงมากกว่านี้ เพื่อความรื่นรมย์ขณะโดยสารบริเวณดังกล่าว  อนึ่งระบบเครื่องเสียงของ JBL มีติดตั้งในรุ่นทอพ HV Premium เท่านั้น    

• สรุป: ซีดานหรู เสริมมาดสปอร์ท ขับสนุกขึ้นมาก

หลังจากได้ทดลองขับ Toyota Camry รุ่นล่าสุด กันพอประมาณ เราพบว่า ซีดานหรูรุ่นนี้มีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (จากเดิมที่รุ่นก่อนหน้านี้ก็ทำได้ดีอยู่แล้ว) การขับขี่มีความมั่นคง ควบคุมได้ดังใจ ระบบรองรับหนึบกำลังดี มั่นคงในโค้ง มีมาดสปอร์ทที่ผสมผสานอย่างพอเหมาะ ทั้งรูปทรง และการขับขี่ ใครที่ชอบใช้ความเร็วสูง เรียกอัตราเร่งได้ดังใจ ขับขี่บนทางไกลเป็นประจำ รุ่น 2.5G มีความเหมาะสมมาก ภายใต้การประหยัดเชื้อเพลิงที่ดีขึ้น ในขณะที่รุ่น HV Premium เหมาะสำหรับการใช้งานที่หลากหลาย รวมถึงในตัวเมือง เน้นความนุ่มนวล ภูมิฐาน ภายใต้สมรรถนะที่ดีไม่แพ้กัน แถมยังมีจุดเด่นในแง่ของการประหยัดเชื้อเพลิงด้วย     Toyota Camry

• รุ่น HV Premium ราคา 1,799,000 บาท
• รุ่น HV ราคา 1,639,000 บาท
• รุ่น 2.5G ราคา 1,589,000 บาท
• รุ่น 2.0G ราคา 1,445,000 บาท

  ตารางสเปค และออพชันของ Toyota Camry (คลิคที่ภาพเพื่อดูขนาดเต็ม)   ข้อมูลเพิ่มเติม : บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด