หนึ่งในซีดานที่ทำตลาดมายาวนานหลายสิบปีในบ้านเรา และได้รับความนิยมในระดับหัวแถวตลอดมา HONDA CIVIC กับรุ่นใหม่ล่าสุด ที่มาพร้อมเส้นสายแนวใหม่ ห้องโดยสารดูลงตัว และเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ การขับขี่มีความลงตัวแค่ไหน เรามาทดลองขับกัน ในระยะเวลาสั้นๆ
รูปทรงของ HONDA CIVIC (ฮอนดา ซีวิค) รุ่นล่าสุด มีเส้นสายที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน เน้นสันเหลี่ยมในแนวนอน เกือบเป็นเส้นตรงจรดส่วนท้าย ส่วนฝากระโปรงหน้ายาวเป็นพิเศษ แลดูคล้ายกับซีดานรุ่นพี่อย่าง ACCORD (แอคคอร์ด) นอกจากนี้มิติตัวถังโดยรวมยังมีขนาดใหญ่กว่า โดยเฉพาะฐานล้อ รุ่นที่เราได้ทดลองขับ คือ ตัวทอพ RS (อาร์เอส) เสริมชุดตกแต่งตัวถังรอบคัน เน้นโทนสีดำ รวมถึงล้อแมกขนาด 17 นิ้ว เราคิดว่าน่าจะให้ล้อแมกขนาด 18 นิ้วมาเลย
สิ่งแรกที่เรารู้สึกหลังจากขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัย พบว่า ตัวรถให้ความรู้สึกโปร่งโล่งมากกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ การตกแต่งที่ดูหรูหรา และมีการจัดวางที่ลงตัว การปรับแต่งตำแหน่งเบาะ รวมถึงการเตรียมตัวก่อนการขับทำความคุ้นเคยได้ในเวลาไม่นาน ความรู้สึกโดยรวมโปร่งโล่งกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ คอนโซลเกียร์ค่อนข้างสูง เน้นความกระชับแน่นแบบรถสปอร์ท แต่ใน CIVIC รุ่นล่าสุดจะเน้นการใช้งานที่สะดวกสบายทั้งผู้ขับ และผู้โดยสารด้านข้าง ช่องแอร์ถูกซ่อนไว้หลังตะแกรงทรงรังผึ้งดูแปลกตา แต่ยังสวยงามลงตัวเช่นกัน การตกแต่งส่วนอื่นๆ ใช้วัสดุที่เหมาะสม ดูหรูหรากว่ารุ่นก่อน อย่างไรก็ตามเบาะด้านหลังยังคงพับพนักพิงหลังไม่ได้
เครื่องยนต์ของ HONDA CIVIC รุ่นล่าสุด เป็นแบบเบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 178 แรงม้า มีการปรับปรุงเครื่องยนต์ให้มีการตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น มีโหมดการขับขี่แบบ SPORT มาให้ด้วย (รุ่นก่อนหน้านี้ไม่มี มีเพียงโหมด S ของเกียร์) เมื่อลองปรับมาที่โหมดนี้ ตัวรถจะปรับการทำงานของระบบเกียร์แปรผันให้มีรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น (แม้แล่นที่ความเร็วต่ำรอบเครื่องยนต์จะอยู่ใกล้ๆ ช่วง 3,000 รตน. เลยทีเดียว) และการตอบสนองของคันเร่งที่ไวขึ้นเล็กน้อย รวมถึงแผงหน้าปัดแบบดิจิทอลจะเพิ่มขอบสีแดงตรงมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ และความเร็ว (เสริมความเร้าใจได้ส่วนหนึ่ง) รวมไปถึงการใช้แพดเดิล ชิฟท์ จะลากรอบเครื่องยนต์ในแต่ละช่วงจังหวะเกียร์ได้นานขึ้นกว่าโหมด NORMAL
ส่วนโหมด ECON ยังคงมีให้เหมือนเดิม เน้นประหยัดเชื้อเพลิงยิ่งขึ้น การตอบสนองคันเร่งจะช้าลงเล็กน้อยในช่วงแรก (แต่ถ้ากดคันเร่งลึกทันทีก็ยังตอบสนองได้รวดเร็วพอ) เราพบว่าที่ความเร็ว 100 กม./ชม. รอบเครื่องยนต์อยู่ที่ประมาณ 1,600-1,700 รตน. เท่านั้น ! หากเป็นการขับทางไกล แล้วใช้ความเร็วคงที่ และไม่สูงจนเกินไป เครื่องยนต์บลอคนี้ก็สามารถตอบสนองด้านการประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างน่าพอใจเช่นกัน มีการใช้งานที่ยืดหยุ่น และยังรองรับน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ E85 ด้วย
ในการขับขี่ช่วงแรกเราใช้ความเร็วไม่สูงมาก เพื่อสังเกตการตอบสนองในเบื้องต้นของตัวรถ เรามีความรู้สึกว่า HONDA CIVIC รุ่นใหม่ มีการปรับแต่งให้ระบบรองรับมีความหนึบมากขึ้นเล็กน้อย (แต่ไม่แข็งกระด้าง) การแล่นผ่านพื้นผิวถนนที่ขรุขระ สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ส่วนความหนึบที่เพิ่มขึ้นนั้นช่วยให้การขับขี่รู้สึกมั่นคงยิ่งขึ้น ผนวกกับน้ำหนักของพวงมาลัยที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้ขณะขับขี่มีความรู้สึกที่ดี (สำหรับการใช้งานทั่วไป และเหมาะสม) และเป็นอีกจุดหนึ่งที่ CIVIC รุ่นนี้พัฒนาขึ้นอย่างน่าพอใจ
ช่วงความเร็วสูง แทบไม่มีอาการสะดุดให้เห็น ขับขี่ได้มั่นคง และสนุกเร้าใจได้หอมปากหอมคอ สมกับบุคลิกของรูปทรงภายนอกที่เพิ่มความเป็น “ผู้ใหญ่” ยิ่งขึ้น ห้องโดยสารเก็บเสียงได้ดีกว่าเดิม มีเสียงรบกวนน้อยลง สะท้อนถึงอารมณ์การขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถยนต์ขนาดใหญ่กว่า นั่นคือ เน้นความมั่นคงกว่าเดิม ขับขี่ได้มั่นใจ แต่ยังเผื่อเหลือความนุ่มนวลสำหรับการใช้งานทั่วไปที่มากพอเช่นกัน นอกจากนี้ระบบความปลอดภัย HONDA SENSING ที่มีติดตั้งมาให้ทุกรุ่น ยังคงทำงานได้อย่างแม่นยำ พร้อมการแสดงผลบนจอแผงหน้าปัดแบบดิจิทอล มีรูปแบบที่ทันสมัยกว่าเดิมมาก
HONDA CIVIC มีแนวทางการพัฒนาที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้านี้ แม้หลายๆ องค์ประกอบจะยังใช้ร่วมกัน เครื่องยนต์ที่มีอัตราเร่งดี มีการใช้งานที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม ภายใต้สมรรถนะที่น่าพอใจ ห้องโดยสารมีความหรูหรากว่าเดิมมาก ภายใต้ความกว้างขวางที่น่าพอใจ อุปกรณ์ใช้งานต่างๆ ให้มาค่อนข้างครบครัน แม้เรารู้สึกว่าจะขาดอุปกรณ์บางอย่างไปบ้าง เช่น กล้องมองภาพรอบคัน และระบบเตือนจุดอับสายตาด้านหลัง กับราคาที่อยู่ระหว่าง 964,900-1,199,900 บาท มีทั้งขุมพลังเทอร์โบ และระบบความปลอดภัย HONDA SENSING ทุกรุ่นย่อยก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อยแล้ว