เจเนอเรชันที่ 3 ของ มีนี ที่คงความคลาสสิค เพิ่มความอวบอิ่ม กว้างสบาย และลงตัวกว่าเดิม ขุมพลังเทอร์โบใหม่ 2.0 ลิตร แรงแต่ประหยัด หลังเปิดตัว มีนี แฮทช์ (MINI HATCH) 3 ประตู ตัวใหม่ ไม่นาน มินิ ประเทศไทย และ บีเอ็มดับเบิลยูกรุ๊ป ประเทศไทย เชิญสื่อมวลชนไปร่วมกิจกรรม “MINI DRIVING EXPERIENCE: FROM THE ORIGINAL TO THE NEW ORIGINAL” ทดลองขับ มีนี 3 ประตู ใหม่ ทั้ง 3 รุ่น คือ คูเพอร์ (COOPER) คูเพอร์ เอส (COOPER S) และคูเพอร์ ดี (COOPER D) โดยใช้เส้นทางกรุงเทพ ฯ-แก่งกระจาน-ชะอำ-กรุงเทพ ฯ
มีนี 3 ประตู รุ่นล่าสุด เจเนอเรชันที่ 3 รหัส F56 ยังคงคอนเซพท์ของ มีนี ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไฟหน้าทรงกลม เสา เอ บี และ ซี แนวตั้ง หลังคาทรงหนา มีนี 3 ประตู ใหม่ มีขนาดที่เพิ่มขึ้นในทุกมิติ โดยมีความ ยาว/กว้าง/สูง เพิ่มขึ้น 98/44/7 มม. และมีความยาวฐานล้อมากขึ้น 28 มม. รวมทั้งความกว้างช่วงล้อหน้า/หลังเพิ่มขึ้น 42/34 มม. แต่ก็ไม่ได้ทิ้งภาพลักษณ์ของความเป็น มีนี คูเพอร์ เอส จะต่างจาก คูเพอร์ และคูเพอร์ ดี ในส่วนสกูพบนฝากระโปรง กันชนหน้าและหลังที่อวบเสริมกรอบโครเมียม กระจังหน้าแบบสปอร์ท และซันรูฟแบบไฟฟ้า ไฟหน้า และไฟเลี้ยวเป็นแบบแอลอีดี พร้อมไฟเสริมส่องทางในมุมอับด้านหน้าเมื่อเลี้ยวและไฟตัดหมอกแบบแอลอีดี นอกจากนี้ มีนี ยังนำแอลอีดีมาใช้กับไฟท้ายใน มีนี คูเพอร์ ทั้ง 3 รุ่นด้วย
มีนี 3 ประตู ใหม่ แยกมาตรวัดความเร็วและวัดรอบเครื่องยนต์มาติดตรงคอพวงมาลัย โดยมีจอสีแสดงผลและการควบคุมการทำงานทรงกลมขนาดใหญ่กลางคอนโซล และอุปกรณ์มาตรฐานที่มีดีไซจ์นเฉพาะตัว ขนาดตัวใหญ่ทำให้ห้องโดยสารกว้างขึ้น เบาะที่นั่งคู่หน้าปรับได้มากขึ้นและเพิ่มระยะห่างเบาะหลังมากกว่าเดิมถึง 23 มม. ทำให้ผู้โดยสารด้านหลังมีพื้นที่ช่วงไหล่และที่วางขามากขึ้น เบาะหลังยังสามารถพับแยกได้แบบ 60:40 สำหรับห้องเก็บสัมภาระที่กระโปรงหลังเพิ่มความจุมากขึ้น 51 ลิตร รวมเป็น 211 ลิตร หน้าจอสีขนาด 6.5 นิ้ว ใน คูเพอร์ และ คูเพอร์ ดี แสดงฟังค์ชันของรถ เชื่อมต่อ USB และระบบเชื่อมต่อกับแอพพลิเคชัน มีนี คอนเนคเทด (MINI CONNECTED) โดยมี คูเพอร์ และ คูเพอร์ ดี จะเป็นแบบหมุน/กด มีนี คอนทโรลเลอร์ (MINI CONTROLLER) แต่ถ้าต้องการหรูกว่านี้ก็ คูเพอร์ เอส ที่มีทั้ง ระบบลำโพงไฮไฟของ HARMAN KARDON และระบบสัมผัส มีนี ทัช คอนทโรลเลอร์ (MINI TOUCH CONTROLLER) สามารถใช้นิ้วมือลากบนปุ่มควบคุมโดยตรง กับจอสีขนาด 8.8 นิ้ว พร้อมระบบนำทาง มีนี ยังเพิ่มลูกเล่นเปลี่ยนสีไฟแอลอีดีวงแหวนรอบหน้าปัดแสดงผลกลาง ตามสถานะ เช่น ขณะระบบควบคุมระยะการจอด (PDC) ทำงาน วงแหวนจะแสดงระยะห่างระหว่างรถกับสิ่งกีดขวางด้านหลังรถ ด้วยการแสดงผลในสีต่างๆ ตามระยะความใกล้กับสิ่งกีดขวางหลังรถ ตั้งแต่ สีเขียว (ไกล) เหลือง (ใกล้) หรือแดง (ชิด) นอกเหนือจากการแสดงผลกราฟิคบนหน้าจอ รวมถึงการเปลี่ยนโหมดการขับที่สามารถเห็นได้จากสีต่างๆ ได้แก่ สีเขียว สีส้ม หรือสีแดง เป็นต้น นอกจากนี้ยังแสดงไฟสถานะสำหรับระบบนำทาง (คูเพอร์ เอส) ซึ่งเมื่อรถเข้าใกล้จุดหมายปลายทางมากขึ้นแถบไฟบนวงแหวนก็จะลดน้อยลงตามไปด้วย
ขุมกำลังของ มีนี คูเพอร์ ทั้ง 3 รุ่น เป็นเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์เจอร์ใหม่ล่าสุด (MINI TWINPOWER TURBO) ทั้งเบนซิน และดีเซล ให้กำลังเพิ่ม และประหยัดกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ กับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีบวก/ลบ คูเพอร์ รุ่นพื้นฐาน ตัวใหม่ เปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ เทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้กำลัง 136 แรงม้า และแรงบิด 22.4 กก.-ม. โอเวอร์บูสต์ 23.5 กก.-ม. ตอบสนองเร็วและประหยัดกว่า เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ 1.6 ลิตร 122 แรงม้า ตัวเดิม โดยมีอัตราเร่งตามตัวเลขผู้ผลิต 0-100 กม./ชม. ใน 7.8 วินาที แต่มีอัตราสิ้นเปลืองเพียง 20.8 กม./ลิตร ขณะ คูเพอร์ เอส ยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ 1.6 ลิตร 184 แรงม้า มาเป็น 2.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 192 แรงม้า แรงเหลือๆ สะใจคนชอบความเร็ว อัตราเร่งตามตัวเลขผู้ผลิต 0-100 กม./ชม. ใน 6.7 วินาที ซึ่งเร็วกว่ารุ่นเดิม ถึงครึ่งวินาที ในขณะที่ความเร็วสูงสุดขึ้นไปถึง 233 กม./ชม. อัตราการประหยัดน้ำมัน 18.5 กม./ลิตร ก็ดีกว่าเดิม ส่วน คูเพอร์ ดี ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 3 สูบ เทอร์โบ 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 116 แรงม้า มากกว่า 4 สูบ 2.0 ลิตร ตัวเดิมที่ทำได้เพียง 112 แรงม้า โดยมีแรงบิดสูงสุด 27.5 กก.-ม. ที่ 1,750 รตน. เท่ากันประหยัดน้ำมันถึง 26.3 กม./ลิตร
ช่วงล่างในรุ่น คูเพอร์ เอส นอกจากให้ความมั่นใจและดึงเอาความรู้สึกแบบรถโกคาร์ท กลับมาอีกครั้งในโหมด สปอร์ท (SPORT MODE) คล้ายกับเจเนอเรชันแรก ที่ได้กลิ่นอายของความดิบ ส่วนในโหมดมาตรฐาน (MID MODE) นั้น เน้นความสบาย มีความอเนกประสงค์ เดินทางในระยะไกลๆ ลงจากรถมาแล้วไม่รู้สึกเหนื่อย แม้จะใช้ล้อ 18 นิ้ว กับยางแก้มเตี้ย และโหมดประหยัด (GREEN MODE) ความสบายเหมือนกับโหมดมาตรฐาน เพียงแค่ปรับให้เครื่องยนต์มีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่น้อยลง ต่างกับรุ่น คูเพอร์ และคูเพอร์ ดี ที่ไม่มีระบบการควบคุมชอคอับด้วยไฟฟ้า แรงกระแทกจากพื้นถนนยังมีอยู่แม้ว่า จะใช้ล้อ 16 นิ้ว และยางแก้มสูงขึ้น
คูเพอร์ ตัวเริ่มต้น 2,190,000 บาท ขับสนุกกว่ารุ่นเดิมด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบเทอร์โบ 136 แรงม้า ห้องโดยสารกว้างขึ้นนั่งสบายกว่าเดิม คูเพอร์ ดี 3 สูบดีเซลเทอร์โบ ราคา 2,440,000 บาท ถึงไม่จัดจ้านเท่า คูเพอร์ เอส แต่ก็ได้ใจที่ความประหยัด ชนิดที่อีโคคาร์ยังอาย ส่วนเรื่องช่วงล่างต้องยกให้ คูเพอร์ เอส ราคา 2,840,000 บาท ที่มีระบบการควบคุมชอคอับด้วยไฟฟ้า นอกจากจะแรงสั่งได้ ด้วยเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบ 192 แรงม้า ที่มีอัตราเร่งสะใจเมื่อใช้งานในเมืองแล้ว ยังสามารถเดินทางไกลได้โดยไม่รู้สึกเหนื่อย
บทความแนะนำ คอลัมน์ ทดลองขับ(formula)