ทดสอบ(formula) 25 Aug 2014
FORD ECOSPORT VS NISSAN JUKE
ตลาดครอสส์โอเวอร์บ้านเราร้อนแรง ทันใดนั้นกับเซกเมนท์ที่ลดขนาด และราคาลงมาในระดับที่เอื้อมถึงได้ง่ายขึ้น จากการลงมาทำตลาดพร้อมกันทีเดียว 2 รุ่น นั่นคือ ฟอร์ด อีโคสปอร์ท และ นิสสัน จูค แม้จะมีราคาใกล้เคียงกัน แต่ก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มาดูรุ่นไหน จะเป็นว่าที่ตัวลุยสมัยใหม่ที่โดนใจกว่ากัน
EXTERIOR ภายนอก
เริ่มด้วยรูปทรงภายนอก ทั้ง 2 รุ่น ต่างก็มีแนวทางในแบบฉบับของตัวเองอย่างชัดเจนทันที โดย อีโคสปอร์ท จะมีกลิ่นอายของตัวลุยแบบดั้งเดิม แม้ด้านหน้าจะปราดเปรียวคล้ายรถแฮทช์แบค หรือรุ่นพี่ร่วมค่ายอย่าง เทอร์ริทอรี แต่เหลี่ยมสันยังคมเข้ม แถมยังมียางอะไหล่ติดตั้งที่ท้ายรถ ยิ่งเพิ่มอารมณ์ความเป็น เอสยูวี ได้ไม่น้อย
ด้าน จูค นำเสนออีกแนวทาง ด้วยเส้นโค้งที่ออกแบบมาอย่างหวือหวา ไฟหรี่ และไฟเลี้ยวด้านหน้าทรงเรียว ส่วนไฟส่องสว่างจะเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ ดูคล้ายกับไฟสปอทไลท์ จุดเด่นด้านข้าง คือ สันเหลี่ยมของซุ้มโป่งล้อ มีขนาดใหญ่ ช่วยให้ตัวรถดูใหญ่โตทางสายตา หลังคาลาดเท และส่วนท้ายที่เอียงลู่ลง ช่วยให้รถดูปราดเปรียวทันสมัยไม่น้อย
ด้านมิติตัวถังที่ความยาว และระยะฐานล้อ อีโคสปอร์ท คือ 4,245 และ 2,521 มม. ส่วน จูค คือ 4,135 และ 2,520 มม. ถือว่าใกล้กัน ส่วนความสูงจากพื้นรถ อีโคสปอร์ท 200 มม. ทางด้าน จูค 180 มม. ถือว่าครอสส์โอเวอร์จาก ฟอร์ด อาจผ่านสิ่งกีดขวางได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่ที่แตกต่างค่อนข้างชัดเจน คือ ความสูง อีโคสปอร์ท 1,708 มม. ขณะที่ จูค 1,580 มม. จะมีผลต่อห้องโดยสาร และพื้นที่ใช้สอยแค่ไหน มาดูที่หัวข้อภายในกันเลย
INTERIOR ภายใน
ผลจากมิติตัวถังในหัวข้อก่อนหน้านี้ ส่งผลกับพื้นที่ภายในด้วย ในแง่ของความกว้างขวางแล้ว อีโคสปอร์ท มีความปราดเปรียวอย่างชัดเจน โดยเฉพาะพื้นที่เหนือศีรษะที่ให้ความรู้สึกโปร่งโล่งมากกว่า จูค นอกจากนี้ด้านท้ายแนวตั้ง ทำให้การบรรทุกสัมภาระทำได้หลากหลายกว่า โดยเฉพาะทรงสูง ซึ่งต่างจาก จูค ที่มีด้านท้ายลักษณะลาดเท แม้พื้นที่ทรงยาวก็น่าพอใจ แต่จะมีปัญหากับการขนสัมภาระทรงสูงทันที (โดยเฉพาะบริเวณส่วนท้าย) ในแง่การบรรทุก และความอเนกประสงค์ อีโคสปอร์ท ค่อนข้างกินขาด
อย่างไรก็ตามในแง่มุมแล้ว หากคนที่ไม่มีความจำเป็นจะใช้พื้นที่ภายในมากมาย เน้นใช้งานในเมือง ต้องการความ “เก๋ไก๋” สะดุดตา นั่นคือ สิ่งที่ จูค มีให้อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีความทันสมัย ด้วยชุดฟรอนท์เครื่องเสียงที่สามารถถอดออกมาใช้งานคล้ายแทบเลท นับเป็นลูกเล่นที่น่าสนใจไม่น้อย
ENGINE เครื่องยนต์
ในด้านขุมกำลัง อีโคสปอร์ท ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร 110 แรงม้า (บลอคเดียวกับแฮทช์แบค ฟิเอสตา ที่มีกำลัง 109 แรงม้า) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ (POWERSHIFT) ทางด้าน จูค ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร กำลัง 116 แรงม้า (บลอคที่วางใน ซิลฟี และ พัลซาร์ รุ่น 1.6 ลิตร) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน (XTRONIC CVT)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. อีโคสปอร์ท ทำได้ 14.0 วินาที ส่วน จูค แซงหน้าไปก่อนที่ 12.4 วินาที นับว่าห่างกันพอประมาณ เมื่อวัดกันยาวๆ กับระยะ 0-1,000 ม. อีโคสปอร์ท ทำเวลาอยู่ที่ 35.4 วินาที (ที่ความเร็ว 149.7 กม./ชม.) และ จูค คือ 34.1 วินาที (ที่ความเร็ว 153.0 กม./ชม.) เรียกได้ว่าจะตีนต้น หรือ ตีนปลาย จูค ยังมีอัตราเร่งที่นำหน้าอยู่ดี หรือแม้แต่อัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. ครอสส์โอเวอร์จาก ฟอร์ด คือ 10.3 วินาที ส่วนทาง นิสสัน ฉับไวกว่าอย่างชัดเจนที่ 8.5 วินาที
ทางด้านหัวข้ออัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยที่ความเร็ว 80/100/120 กม./ชม. อีโคสปอร์ท ทำได้ดีขึ้น กับตัวเลขตามนี้ 20.5/15.9/12.4 กม./ลิตร ทาง จูค ทำได้ 19.8/14.8/11.5 กม./ลิตร นับว่าครอสส์โอเวอร์สัญชาติอเมริกันพอจะตีตื้นได้บ้างในหัวข้อนี้ มีความประหยัดเชื้อเพลิงที่น่าพอใจ
SUSPENSION ระบบรองรับ
แม้หน้าตาจะดูเหมือนตัวลุยแบบดั้งเดิมอยู่บ้าง แต่ระบบรองรับของ อีโคสปอร์ท กลับปรับแต่งให้เน้นความนุ่มนวล บังคับควบคุมง่าย ให้ความรู้สึกราวกับรถเก๋ง หรือแฮทช์แบคอย่างไรอย่างนั้น ขณะเดียวกันที่ความเร็วสูง ก็มีความมั่นคงในระดับที่น่าพอใจ ถ้าพิจารณาการใช้งานทั่วไป รองรับได้สบายๆ ด้านความปลอดภัยยังเสริมด้วยระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) นับว่าน่าสนใจสำหรับรถยนต์ราคาระดับนี้
อารมณ์ขณะขับขี่ของ จูค จะเน้นความสปอร์ทมากกว่าเล็กน้อย ออกไปทางนุ่มหนึบ นับว่าเหมาะสมกับบุคลิกที่ทันสมัย แหวกแนว ของรถรุ่นนี้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถเลือกโหมดขับเคลื่อนได้หลากหลาย ได้แก่ สปอร์ท แบบปกติ และ อีโค ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างเหมาะสมและสมดุล
ในแง่พื้นที่ใช้สอย หรือ สเปศ งานนี้ ฟอร์ด อีโคสปอร์ท มีความได้เปรียบอย่างชัดเจน อันเป็นคุณประโยชน์จากการผสมผสานความเป็นรถทรงสูง คล้าย เอสยูวี ดั้งเดิม ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ การขับขี่ที่ดีทั้งในเมือง และนอกเมือง ประหยัดน่าพอใจ แต่ไม่ควรคาดหวังเรื่องสมรรถนะมากนัก (ราคา 669,000-829,000 บาท)
อีกด้านหนึ่ง คือ ความโดดเด่นเฉพาะตัว หรือ สไตล์ งานนี้ จูค ถึงคราวสนองตอบได้ดีกว่าบ้าง ด้วยรูปทรงที่แปลกตา มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมไปถึงภายในที่เล่นสีสันอย่างน่าประทับใจ พร้อมด้วยระบบความบันเทิงที่ให้ความเพลิดเพลินแก่ผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี กับสมรรถนะที่พอใจ อัตราเร่งไม่แพ้รถเก๋ง (ราคา 819,000 -858,000 บาท)
จุดเด่นที่แตกต่างกันแบบนี้ ใครที่สนใจต้องตั้งสติให้ดี ว่าในใจต้องการอะไร แล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับครอสส์โอเวอร์ที่คุณเลือกเแน่นอน !