ทดสอบ(formula) 1 Dec 2014
Honda Accord Hybrid TECH
ตลาดรถไฮบริดถือกำเนิดในบ้านเราสักพักใหญ่แล้ว ต่างก็มีตัวเลือกมากมาย หลากหลายรูปแบบ และราคาค่าตัว โดยหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมไม่น้อย คือ รถซีดานระดับกลาง/ใหญ่ เนื่องจากความเหมาะของราคา และประสิทธิภาพของระบบไฮบริด ครั้งนี้เรานำซีดานไฮบริดที่ลงมาลุยตลาดในกลุ่มนี้เป็นครั้งแรก ด้วยระบบไฮบริดที่ทันสมัยกับ ฮอนดา แอคคอร์ด ไฮบริด
EXTERIOR ภายนอก
แม้จะเป็นรุ่นที่มีความพิเศษจากขุมกำลังไฮบริดยุคหน้า แต่รูปทรงภายนอกของ แอคคอร์ด ไฮบริด กลับไม่แตกต่างจากรุ่นปกติที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินเท่าใดนัก มีเพียงกระจังหน้า และชุดโคมไฟหน้า/หลังเจือสีฟ้า ให้อารมณ์ "รักษ์โลก" ในแบบฉบับรถยนต์ไฮบริด ถึงอย่างนั้นทางผู้ผลิตนั้นระบุเองว่า ระบบไฮบริดที่ใช้กับรถรุ่นนี้มีความทันสมัย และสมรรถนะที่ดีพอจะเรียกว่า "สปอร์ท ไฮบริด" เลยทีเดียว ดังนี้แล้วน่าจะเสริมแต่งรูปทรงภายนอกให้มีความโฉบเฉี่ยวกว่ารุ่นปกติ จะสร้างความน่าสนใจได้อีกมากโข
INTERIOR ภายใน
เมื่อเข้ามานั่งภายในห้องโดยสาร แรกเริ่มที่เห็น ก็ยังพบว่าส่วนประกอบต่างๆ ยังคล้ายคลึงกับรุ่นปกติ แต่เมื่อสังเกตดีๆ แล้วก็พบความแตกต่างทีละน้อย จุดสำคัญ คือ บรรดาปุ่มใช้งานสำหรับรุ่นไฮบริดโดยเฉพาะ เช่น ปุ่มกดโหมดขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน หรือ อีวี (EV) ติดตั้งบริเวณด้านล่างของคันเกียร์ และรูปแบบการแสดงผลของหน้าปัด เพิ่มจอการทำงานของระบบไฮบริด ด้านซ้ายบอกสถานะการทำงานของระบบขับเคลื่อน และการชาร์จกระแสไฟฟ้า
ส่วนจอดิจิทอลตรงกลางของมาตรวัดความเร็วทรงกลม แสดงผลได้หลากหลาย หนึ่งในนั้น คือ การทำงานของระบบไฮบริด ว่ากำลังขับเคลื่อนด้วยกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้า หรือ เครื่องยนต์กำลังส่งกระแสไฟฟ้าป้อนเข้าแบทเตอรี จะให้ดีน่าจะแสดงผลทางจอภาพขนาดใหญ่ตรงคอนโซลกลางด้วย
เรื่องความกว้างขวาง ถือว่าหายห่วง สะดวกสบายไม่แพ้รถหรู ตำแหน่งการนั่งต่างๆ ไม่ต่างจากรุ่นปกติ แบทเตอรีที่ถูกติดตั้งอยู่หลังเบาะแถวที่ 2 ไม่กินเนื้อที่แต่อย่างใด รวมไปถึงพื้นที่ของห้องเก็บสัมภาระ ด้านข้างเพิ่มช่องระบายอากาศเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ผลที่ตามมา คือ เบาะแถว 2 ไม่สามาถพับเก็บลงมาได้
ENGINE เครื่องยนต์
ขุมกำลังไฮบริดแบบเต็มตัว (FULLY HYBRID) ของรถรุ่นนี้ ประกอบไปด้วย เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 143 แรงม้า และมอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อน กำลังสูงสุด 169 แรงม้า คิดเป็นกำลังสูงสุดทั้งระบบจะอยู่ที่ 199 แรงม้า และแบทเตอรีแบบลิเธียม-ไอออน จะเห็นได้ว่ากำลังของมอเตอร์ไฟฟ้ามีมากกว่าเครื่องยนต์เบนซินด้วยซ้ำ และเราพบว่าการขับเคลื่อนส่วนใหญ่ของรถรุ่นนี้เป็นหน้าที่ของ "มอเตอร์ไฟฟ้า" ต่างจากระบบไฮบริดส่วนใหญ่ที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปทำหน้าที่ขับเคลื่อนหลัก (แม้แต่รถยนต์ที่มีราคาหลายล้านบาทก็ตาม)
นับว่าเกินคาดพอสมควรสำหรับ ฮอนดา แอคคอร์ด ไฮบริด กับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีความทันสมัย ให้พละกำลังสูง ส่วนเครื่องยนต์สันดาปมีหน้าที่ปั่นกระแสไฟฟ้าป้อนให้ระบบขับเคลื่อน และจะทำงานที่ความเร็วสูงเท่านั้น แต่จะมีผลต่ออัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงแค่ไหน มาดูผลทดสอบกันเลย โดยเปรียบเทียบกับซีดานระดับเดียวกันแต่ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.4-2.5 ลิตร ได้แก่ โตโยตา แคมรี 2.5 กำลังสูงสุด 181 แรงม้า นิสสัน เทอานา 2.5 กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ฮอนดา แอคคอร์ด 2.4 กำลังสูงสุด 174 แรงม้า และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ คือ คู่แข่งโดยตรงอย่าง โตโยตา แคมรี ไฮบริด กับกำลังสูงสุดทั้งระบบที่ 206 แรงม้า
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แอคคอร์ด ไฮบริด คือ 9.1 วินาที คู่แข่งอย่าง แคมรี ไฮบริด อยู่ที่ 8.8 วินาที ส่วนเหล่าเครื่องยนต์เบนซินตามนี้ แคมรี 2.5 ทำเวลาที่ 10.0 วินาที เทอานา 2.5 คือ 9.8 วินาที และ แอคคอร์ด 2.4 คือ 11.1 วินาที
ในช่วงตีนต้น แอคคอร์ด ไฮบริด แสดงให้เห็นว่าแม้จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก อัตราเร่งในส่วนนี้ก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าคู่แข่งแต่อย่างใด แถมยังฉับไวกว่าเหล่าเครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่ด้วยซ้ำ นับว่ามอเตอร์ไฟฟ้าตัวนี้มีความทันสมัย และประสิทธิภาพที่ดีมาก
ด้านอัตราเร่งยืดหยุ่น 80-120 กม./ชม. แอคคอร์ด ไฮบริด คือ 6.2 วินาที คู่แข่งอย่าง แคมรี ไฮบริด ทำได้ที่ 5.6 วินาที ทางด้านเครื่องยนต์เบนซิน แคมรี 2.5 อยู่ที่ 6.3 วินาที เทอานา 2.5 คือ 6.4 วินาที และ แอคคอร์ด 2.4 มีตัวเลขที่ 7.2 วินาที
การตอบสนองด้านอัตราเร่งของมอเตอร์ไฟฟ้าทำได้น่าพอใจทีเดียว แม้จะยังตามคู่แข่งระบบไฮบริดอยู่บ้าง แต่ยังมีความกระฉับกระเฉงไม่แพ้เครื่องยนต์เบนซินขนาดใหญ่กว่า แม้จะเป็นการเร่งแซงที่ความเร็วค่อนข้างสูงก็ตาม
แม้มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่ขับเคลื่อนได้ดีมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเป็นข้อจำกัดของระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าคือ ความเร็วตีนปลาย สังเกตได้จาก อัตราเร่ง 0-1,000 ม. แอคคอร์ด ไฮบริด ทำเวลาได้ 30.6 วินาที (ที่ความเร็ว 169.6 กม./ชม.) ทางด้าน แคมรี ไฮบริด อยู่ที่ 29.5 วินาที (ที่ความเร็ว 182.1 กม./ชม.) ส่วนเครื่องยนต์เบนซิน แคมรี 2.5 คือ 31.1 วินาที (ที่ความเร็ว 173.6 กม./ชม.) เทอานา 2.5 คือ 30.9 วินาที (ที่ความเร็ว 174.5 กม./ชม.) และ แอคคอร์ด 2.4 ทำเวลาได้ 31.9 วินาที (ที่ความเร็ว 172.1 กม./ชม.) แม้เวลารวมจะทำได้ดี แต่กลับมีความเร็วปลายที่ระยะ 1,000 ม. น้อยกว่าใครอื่น ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าในช่วงความเร็วสูง แอคคอร์ด ไฮบริด จะใช้การขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์แทน ส่งกำลังผ่านเพลาขับด้านหน้า แต่ด้วยอัตราทดเกียร์ที่ต่ำมาก (ที่ 0.803 เท่านั้น) จึงเหมาะกับการขับเคลื่อนที่ความเร็วคงที่ ไม่ใช่เพื่ออัตราเร่งแต่อย่างใด
มาอีกหัวข้อ คือ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ยที่ความเร็วคงที่ 60/80/100/120 กม./ชม. แอคคอร์ด ทำได้ตามนี้ 29.6/22.6/17.1/14.0 กม./ลิตร แคมรี ไฮบริด 25.6/19.1/17.9/13.1 กม./ลิตร ในช่วงความเร็วต่ำ แอคคอร์ด ไฮบริด ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดี อันเป็นผลมาจากมอเตอร์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามีความยืดหยุ่นในการใช้งาน โดยเครื่องยนต์จะทำงานเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตามที่ความเร็ว เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักเพื่อสร้างกระแสไฟ รวมไปถึงส่งกำลังขับเคลื่อนด้วย อัตราสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นเทียบเท่าเครื่องยนต์สันดาป
จุดเด่นของระบบไฮบริดจะเห็นชัดขึ้นมา เมื่ออยู่ภายใต้การใช้งานที่หลากหลาย นั่นคือ มีการใช้ความเร็ว มีการเบรค หรือยกคันเร่ง เพื่อใช้แรงเฉื่อยของการขับเคลื่อนมาปั่นกระแสไฟฟ้า หรือแม้แต่การใช้ความเร็วคงที่อย่างเหมาะสมก็สามารถชาร์จกระแสไฟฟ้าเช่นกัน เราพบว่าโหมด อีวี ของ แอคคอร์ด ไฮบริด มีความยืดหยุ่นสูงมาก (ต้องกดปุ่มเพื่อลอคให้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน) แม้จะใช้ความเร็วสูง หรือแล่นขึ้นทางลาดชัน มอเตอร์ไฟฟ้าสามารถขับเคลื่อนได้ โดยไม่ต้องอาศัยเครื่องยนต์สันดาป จนกว่าปริมาณของแบทเตอรีจะลดลงมาอยู่ในระดับต่ำ เครื่องยนต์จึงจะเริ่มทำงาน ต่างจากเครื่องยนต์ไฮบริดทั่วไป จะอยู่ในโหมด อีวี ได้ ต้องแล่นช้าๆ และห้ามกดคันเร่งลึก แต่ด้วยเงื่อนไขของการทำงานที่จุกจิกน้อยกว่า ทำให้ระบบไฮบริดของ แอคคอร์ด รุ่นนี้ทำงานด้วยไฟฟ้าล้วนมากกว่า นำไปสู่การประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าภายใต้สภาวะดังกล่าว
SUSPENSION ระบบรองรับ
แอคคอร์ด ไฮบริด ที่เรานำมาทดสอบเป็นรุ่นทอพ เทค อุปกรณ์ใช้สอย และระบบความปลอดภัย เหมือนกับรุ่นทอพของเครื่องยนต์เบนซินขนาด 2.5 ลิตร ระบบเตือนสิ่งกีดขวางด้านหน้าพร้อมระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ ไฟส่องสว่างด้านข้างขณะเลี้ยว (มีเฉพาะรุ่นย่อย เทค) นอกจากนี้ก็มี ถุงลมนิรภัยรอบคัน ระบบแสดงภาพมุมอับสายตา (เฉพาะด้านซ้าย) ระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมการบังคับพวงมาลัยขณะเข้าโค้ง และมีแม้กระทั่งเสียงเตือนคนภายนอกขณะขับขี่ด้วยโหมด อีวี (เนื่องจากเครื่องยนต์สันดาปไม่ได้ทำงาน) แต่ละรายการที่กล่าวมามีติดตั้งทั้ง 2 รุ่นย่อยของ แอคคอร์ด ไฮบริด นับว่าครบสมกับราคาค่าตัวแตะ 1 ล้านบาทปลายๆ
ด้านการบังคับควบคุม โดยรวมแล้วมีการปรับแต่งไม่ต่างจากรุ่นปกติมากนัก ช่วงล่างเน้นความนุ่มนวล ผสมความมั่นคงตามสไตล์ซีดานหรู ขนาดกลาง/ใหญ่ น้ำหนักของพวงมาลัยเบาแรง แต่ยังมั่นใจได้ที่ความเร็วสูง อย่างไรก็ตามจากสมรรถนะที่ปรากฏออกมา เรามีความคิดว่า ทางผู้ผลิตน่าจะปรับแต่งให้รถรุ่นนี้มีความสปอร์ทมากกว่ารุ่นปกติ ทั้งความหนึบแน่น และการบังคับควบคุมที่ฉับไวกว่าเดิม จะช่วยเสริมจุดขายของขุมกำลังไฮบริดได้เป็นอย่างดี ไม่จำเป็นต้องเน้นภาพพจน์ด้านการประหยัดเชื้อเพลิงเพียงด้านเดียว
สำหรับประสิทธิภาพของระบบเบรค ที่ความเร็ว 60/80/100 กม./ชม. แอคคอร์ด ไฮบริด ทำได้ 15.1/26.7/42.1 ม. ตามลำดับ ขณะที่คู่แข่งอย่าง แคมรี ไฮบริด มีตัวเลขที่ 16.1/27.7/43.2 ม. นับว่าเป็นระยะเบรคที่น่าพอใจของซีดานไฮบริดจาก ฮอนดา แม้จะเป็นระบบเบรคแบบชาร์จกระแสไฟฟ้าในตัว (BRAKE GENERATOR) ไม่แพ้ระบบเบรคของรถปกติทั่วไป
ฮอนดา แอคคอร์ด ไฮบริด แม้จะมาทีหลัง แต่ก็มาพร้อมเทคโนโลยีขุมกำลังไฮบริดที่ล้ำหน้า และมีประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่าเดิม ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าพละกำลังสูง สามารถทำหน้าที่ขับเคลื่อนเป็นหลัก ผลลัพธ์ คือ สมรรถนะที่ฉับไว และการประหยัดเชื้อเพลิงที่น่าพอใจในช่วงความเร็วต่ำ ทำให้ซีดานไฮบริดคันนี้เข้าใกล้ความเป็นรถขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าอีกขั้นหนึ่ง แม้จะยังมีจุดอ่อนในช่วงความเร็วสูงอยู่บ้าง แต่ยังนับว่าคุ้มค่าสำหรับค่าตัวที่ 1 ล้านบาทปลายๆ เนื่องจากรถไฮบริดระดับหรู ราคาหลายล้านบาทหลายรุ่น ยังอิงกับระบบไฮบริดเดิมๆ ด้วยซ้ำ