Deepal S07
ลองขับ e:N1 รถไฟฟ้า 100 % ในร่าง Honda HR-V
Suzuki XL7 Hybrid ใหม่ ราคา 799,000 บาท ลองขับทั้งทางเรียบ/ทางลุย ระบบไฮบริดขนาดเล็ก แต่ลงตัว
New Mitsubishi Pajero Sport เปลี่ยนเครื่อง และเกียร์ใหม่
Lamborghini Urus SE ซูเปอร์เอสยูวี 800 แรงม้า ระบบ PHEV
C 350 e AMG Night Edition ผสานชุด AMG กับ Night Package
Toyota Majesty กลับมาแล้ว
BMW จัดแข่งขัน BMW Golf Cup 2024 รอบคัดเลือก
Jaecoo 6 เปิดไฮไลท์ฐานผลิตพลังงานใหม่ในประเทศจีน
สมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย พร้อมจัดประกวดรถโบราณ ครั้งที่ 46
Redmi 13C 5G สมาร์ทโฟน 5G รุ่นประหยัดตัวใหม่ หน้าจอ 6.74 นิ้ว
Apple เผยโฉม iPad Pro ใหม่ พร้อมจอภาพล้ำ, ชิพ M4 และ Apple Pencil Pro
INFINIX NOTE 40 Pro+ 5G ชาร์จไว ชาร์จได้หลากหลาย
ช่วงล่างระดับเทพ ! Lamborghini ปรับมุมล้ออัตโนมัติ | X-RAY
มุมล้อ 101 : ตั้งมุม Camber มุม Toe อย่างไรถึงจะขับดี | X-RAY
รีวิว ! สงกรานต์ 2024 อุบัติเหตุลด ! ผลงานเยี่ยม แนะ ! เมาแล้วขับ กับความเชื่อผิดๆ
ไพโรเวฟ (Pyrowave) ผู้บุกเบิกการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการทางเคมี และการรีไซเคิลพลาสติค และ Michelin (มิเชอแลง) ผู้นำด้านนวัตกรรม และเทคโนโลยีการสัญจรอย่างยั่งยืน ตกลงใจร่วมกันยกระดับนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีการรีไซเคิลขยะพลาสติคสู่ภาคอุตสาหกรรม
ไพโรเวฟ บริษัทสัญชาติแคนาดา ได้ประกาศการทำข้อตกลงร่วมพัฒนากับกลุ่ม Michelin ทั้งนี้ เทคโนโลยีที่ Pyrowave พัฒนาขึ้นช่วยให้เกิดความเป็นไปได้ที่จะผลิตสไตรีนรีไซเคิล (Recycled Styrene) จากพลาสติคที่ใช้ทำบรรจุภัณฑ์ แผ่นฉนวนกันความร้อน และ/หรือเครื่องใช้ในครัวเรือนต่างๆ สไตรีนที่ได้จากการรีไซเคิลนี้เป็น "โมโนเมอร์" [1] (Monomer) ที่สำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งใช้ในการผลิตโพลีสไตรีน (Polystyrene) และยางสังเคราะห์สำหรับยางล้อ และสินค้าอุปโภคบริโภคจำนวนมาก
ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังเทคโนโลยี Pyrowave ช่วยให้สามารถรีไซเคิลพลาสติคด้วยการใช้คลื่นไมโครเวฟ เทคโนโลยีนี้แตกต่างจากกระบวนการทางความร้อน (Thermal Process) ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เพราะช่วยรีไซเคิลขยะพลาสติคให้กลายเป็นวัตถุดิบคุณภาพสูงด้วยการใช้กระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นรูปแบบพลังงานที่ปัจจุบันมีศักยภาพในการกำจัดคาร์บอนได้สูงสุด นอกจากเทคโนโลยีดังกล่าวจะมีความเที่ยงตรงกว่าเทคโนโลยีทั่วไปแล้ว ยังให้ผลผลิตในปริมาณสูงกว่าซึ่งสามารถนำมาใช้แทนวัตถุดิบตั้งต้นจากน้ำมัน หรือแกส
ข้อตกลงร่วมพัฒนาระหว่าง Michelin และ Pyrowave ครั้งนี้จะส่งผลต่อการนำห่วงโซ่คุณค่าใหม่ๆ ไปใช้ในระบบเศรษฐกิจแบบหมุนเวียนด้านพลาสติค ส่งผลให้เกิดความเป็นไปได้ในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่ หรือการผลิตสินค้าใหม่ๆ จากพลาสติครีไซเคิลในภาคยานยนต์ อีเลคทรอนิคส์ หรือยางล้อ
พัฒนาชุดสาธิตทางอุตสาหกรรมภายในปี 2566
Michelin และ Pyrowave จะทำงานร่วมกันตลอดระยะเวลาหลายเดือนข้างหน้าเพื่อผลักดันเทคโนโลยี Pyrowave เข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมอย่างเร่งด่วน โดยมีเป้าหมายที่จะได้รับใบรับรอง และเปิดตัวทำตลาดเชิงพาณิชย์ในตลาดต่างๆ ทั่วโลก ข้อตกลงการร่วมพัฒนานี้ซึ่งใช้งบลงทุนทั้งสิ้นมากกว่า 20 ล้านยูโร จะผสานความเชี่ยวชาญของ Pyrowave เข้ากับทักษะความชำนาญทางอุตสาหกรรมของ Michelin
เพื่อผลักดันให้การตรวจสอบยืนยันเทคโนโลยีดังกล่าว และการออกใบรับรองผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ทีมงานด้านเทคนิคของ Michelin จะทำงานร่วมกับทีมงานด้านเทคนิคของ Pyrowave เพื่อพัฒนาชุดสาธิตทางอุตสาหกรรมขึ้นภายในปี 2566 โดย Michelin จะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุน และดำเนินการทดลองชุดสาธิตดังกล่าว ทั้งนี้ เทคโนโลยีดังกล่าวจะเป็นไปตามมาตรฐานขั้นสูงสุดที่กลุ่ม Michelin กำหนดในด้านความปลอดภัย การดำเนินงาน และสมรรถนะ
มุ่งเพิ่มสัดส่วนการใช้วัสดุที่ยั่งยืน ทั้งในการผลิตยางล้อของ Michelin และในอุตสาหกรรมอื่นๆ
หลังจากประเมินผลมาเป็นเวลา 1 ปี Michelin ไม่เพียงได้เห็นภาพการทำงานของกระบวนการรีไซเคิลดังกล่าว แต่ยังได้ทดลองนำตัวอย่างสไตรีนที่ได้จากการรีไซเคิลมาใช้เป็นองค์ประกอบของยาง Michelin กระบวนการผลิตโพลีเมอร์ขึ้นมาใหม่นี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ของกลุ่ม Michelin และเป้าหมายในการผลิตสินค้าที่ยั่งยืน
โซเนีย อาร์ติเนียน-เฟรดู (Sonia Artinian-Fredou) รองประธานบริหาร ฝ่ายบริการพร้อมโซลูชัน และวัสดุไฮเทค ของกลุ่ม Michelin เปิดเผยว่า “การร่วมพันธมิตรครั้งนี้สะท้อนถึงกลยุทธ์ที่ยั่งยืนของกลุ่ม Michelin ซึ่งมีเป้าหมายที่จะผลิตยางล้อด้วยวัสดุที่มีความยั่งยืนมากขึ้น และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ในช่องทางการรีไซเคิลต่างๆ ทั้งนี้ เราเชื่อในศักยภาพของเทคโนโลยี Pyrowave และมีวิสัยทัศน์สอดคล้องกันในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อมุ่งสู่อนาคตที่ยั่งยืนยิ่งขึ้น”
โจเซลีน ดูเซต์ (Jocelyn Doucet) ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร Pyrowave กล่าวว่า “การร่วมพันธมิตรครั้งนี้เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นยกระดับเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรม โดยอาศัยความชำนาญ และความแข็งแกร่งทางเทคนิคของกลุ่ม Michelin อีกทั้งพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความน่าสนใจ และศักยภาพของการใช้ไฟฟ้าในกระบวนการทางเคมี ทั้งในเชิงสิ่งแวดล้อม และเชิงพาณิชย์ สำหรับผู้ที่ต้องการมีบทบาทด้านห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก การร่วมพันธมิตรกับ Michelin ส่งผลให้เราอยู่ในจุดที่สามารถพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเพื่อทำให้เกิดวัสดุแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน”
บทความแนะนำ
รถไฟฟ้าสายสีแดง มอบความสุข ทุก Lifestyle
Goodyear จัดกิจกรรม กู๊ดเยียร์ กู๊ดแคร์
Ferrari 12Cilindri
Ferrari 12Cilindri ตัวโหดจัดจากเครื่องยนต์ V12
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
Follow Motor Expo Club Network