รายงานจาก Automotive News ว่ามีข่าวลือจาก ค่าย Mini ประกาศยกเลิกสายการผลิตรถรุ่นเปิดประทุน ในสหรัฐอเมริกา หลังหมดอายุรถรุ่นปัจจุบัน ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567แหล่งข่าวระบุว่า ข่าวลือแยกเป็น 2 กระแส คือ เรื่องแรก Mini รุ่นเปิดประทุน มียอดจำหน่ายในปี 2562 มากกว่า 4,000 คัน เพียงเล็กน้อย ซึ่งลดลงถึง 25 % โดยที่รุ่น Clubman และ Convertible ทำยอดขายได้ต่ำสุด แม้ว่าโฆษกของค่ายจะยืนยันว่า รถเปิดประทุน ยังคงได้รับความสนใจของผู้บริโภคมาโดยตลอด ขณะที่ Sam Fiorani รองประธานฝ่ายขาย ยืนยันว่า Mini รุ่นเปิดประทุน ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของรถตระกูลแฮทช์แบค อีกทั้งการผลิตรถเปิดประทุน ว่า “ต้องการเครื่องมือพิเศษและความชำนาญอย่างมากในสายการผลิต” Sam Fiorani ชี้แจงอีกว่า รถเปิดประทุน ยังคงเป็นรถที่มีความต้องการเฉพาะกลุ่ม เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีเงินน้อย และ “ผู้บริโภค จะเปลี่ยนไปเป็น ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ขนาดเล็ก เป็นรถคันต่อไป ขณะที่ผู้บริโภคที่สนใจรถเปิดประทุน ก็จะเลือกรถอย่าง Mazda MX-5 หรือรถสปอร์ทอย่าง Ford Mustang เป็นรถคันต่อไป” จากข้อมูลของ Automotive News แสดงให้เห็นว่า รถขนาดเล็กที่ไม่หรูหรา มียอดขายเพียง 9.2 % ของยอดขายรถยนต์นั่งในครึ่งแรกของปีนี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งลดลง 17 % จากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ขณะที่ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี ที่ไม่ใช่ยี่ห้อหรูหรา เติบโตขึ้น 34.7 % จากช่วงเวลาเดียวกันที่มีเพียง25 % เท่านั้น ดังนั้นข่าวลือประเด็นต่อมา คือ ความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยที่ค่าย Mini มีแผนงานที่จะแนะนำ ครอสส์โอเวอร์ เอสยูวี อีก 2 รุ่น โดยหนึ่งในนั้นเป็นรถไฟฟ้า ขณะที่ความต้องการรถเปิดประทุนลดลงอย่างช้าๆ ในช่วงที่ผ่านมา โดยในปีที่แล้ว Mini ผลิตรถเปิดประทุนเพียง 30,000 คัน หากข่าวลือเป็นความจริง เดือนกุมภาพันธ์ 2567 เท่ากับหมดอายุของ Mini รุ่นเปิดประทุน ที่แนะนำสู่ตลาดสหรัฐอเมริกา นับตั้งแต่ปี 2548