ธุรกิจ
กลุ่มสยามกลการ เปิดบริการเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับพ่นสารเคมีแปลงเกษตร
กลุ่มสยามกลการ ร่วมทุนกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ไทย และญี่ปุ่น เปิดบริษัทฯ รับบริการพ่นสารเคมีในแปลงเกษตร โดยเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับ ยกระดับการทำการเกษตรในประเทศไทย นับเป็นบริษัทแรกในประเทศไทยที่ได้รับใบอนุญาต เพื่อประกอบธุรกิจในการเดินอากาศโดยใช้อากาศยานไร้คนขับอย่างถูกต้องจากกรมการบินพลเรือน และกระทรวงคมนาคม
มนตรี เด่นไพโรจน์ศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามยามาฮ่า มอเตอร์ โรโบทิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า กลุ่มสยามกลการ เดินหน้ารุกธุรกิจใหม่ มุ่งหวังพัฒนาภาคการเกษตรของประเทศไทยให้ก้าวไปอีกระดับด้วยการเปิดบริการพ่นสารเคมีในแปลงเกษตรโดยเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับ ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่ทั้งในประเทศไทย และประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ชื่อ บริษัท สยามยามาฮ่า มอเตอร์ โรโบทิคส์ จำกัด โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ได้แก่ บริษัท สยามกลการอะไหล่ จำกัด ถือหุ้น 41 %, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ถือหุ้น 34 %, บริษัท มิตซุยแอนด์คัมปะนี จำกัด ถือหุ้น 15 % และชาติศิริ โสภณภนิช ถือหุ้น 10 %
"บริษัทที่เปิดใหม่ขึ้นมานั้น เพื่อให้บริการรับจ้างพ่นสารเคมีในการเกษตรในเมืองไทยโดยใช้เฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับของ Yamaha (ยามาฮา) ซึ่งมีการพัฒนาและใช้งานในประเทศญี่ปุ่นมาอย่างยาวนานมากกว่า 30 ปี และมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลายมากกว่า 3,000 ลำ ในประเทศญี่ปุ่น ด้วยการใช้งานเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับ"
การใช้งานเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับในการทำเกษตรกรรมนั้น สามารถช่วยให้เกษตรกรสามารถทำงานได้เร็วขึ้นกว่าวิธีการเดิมๆ หลายเท่า เนื่องจากเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับ สามารถฉีดพ่นสารเคมีได้เร็วโดยใช้เวลาในการฉีดพ่นสารเคมีบนพื้นที่ 1 ไร่ ภายใน 1 นาที ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรทำงานได้เร็วขึ้นจากการทำงานวิธีเดิม 7-10 เท่า และสามารถทำงานได้ต่อเนื่องทั้งวัน เนื่องจากเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับของเราใช้เครื่องยนต์ขนาด 400 ซีซี และมีการออกแบบการระบายความร้อนมาโดยเฉพาะเพื่อการทำงานอย่างต่อเนื่องทั้งวันในสภาพภูมิอากาศที่ร้อนได้อย่างดี
นอกจากนี้ ยังเข้าถึงพื้นที่ที่แต่เดิมไม่สามารถเข้าไปทำงาน เพื่อช่วยเพิ่มผลผลิตให้กับพืชได้ เช่น ในไร่อ้อยที่มีอายุมากกว่า 5 เดือน แต่เดิมเกษตรกรไม่สามารถเข้าไปทำงานเพื่อพ่นปุ๋ย หรือฮอร์โมน เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้เกษตรกรเพิ่มคุณภาพ และช่วยเพิ่มน้ำหนักให้กับอ้อยได้ หรือแม้แต่การพ่นสารเร่งสุกแก่ เพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำตาลในอ้อยที่มีการใช้กันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ แต่ในประเทศไทยยังไม่สามารถใช้ได้เนื่องจากขาดเครื่องมือในการทำงานที่จะช่วยให้เกษตรกรสามารถพ่นสารเร่งสุกแก่ในแปลงของตัวเองได้ เนื่องจากสารเร่งสุกแก่นี้ จะต้องทำการฉีดพ่น ณ ตอนที่อ้อยมีอายุ 9-10 เดือน ซึ่งจะมีความสูงไม่ต่ำกว่า 4 เมตร ทำให้ยากต่อการทำงาน และมีระยะเวลาการทำงานที่สั้น เพราะต้องฉีดพ่นก่อนเก็บเกี่ยวไม่เกิน 45 วัน หลังพ่น เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำตาลที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด”
ปิยุรัช ศุภารัตน์ ผู้จัดการทั่วไป (COO: Chief Operating Officer) กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากเป็นการช่วยผ่อนแรงในการทำงานแล้ว ที่สำคัญ ยังมีส่วนช่วยให้เกษตรกรสามารถทำงานทางด้านการเกษตรได้อย่างปลอดภัย หลีกเลี่ยงจากการสัมผัสสารเคมีอย่างสิ้นเชิง ทางบริษัทฯ ได้มีการทดสอบร่วมกับกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้เกษตรกรทุกท่านมั่นใจได้ว่าการทำงานด้วยเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับนั้นปลอดภัย เราได้พิสูจน์แล้วว่าด้วยการใช้งานเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับนั้น ทั้งตัวเกษตรกร และตัวนักบินที่บังคับเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับนั้น ไม่มีการสัมผัสกับสารเคมีแม้แต่จุดเดียวบนร่างกาย โดยมีการทดสอบคู่กับวิธีการทำงานแบบเดิมนั้น เกษตรกรจะต้องมีการสัมผัสกับสารเคมีเกือบทุกจุดบนร่างกาย ดังนั้นเราจึงมั่นใจว่าด้วยการใช้งานเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับนั้น เกษตรกรจะปลอดภัยในการทำงานกับสารเคมีมากขึ้นกว่าเดิม
การทำงานของเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับนั้น เป็นการพัฒนาและออกแบบมาเพื่อใช้งานในการเกษตรโดยเฉพาะ และมีการออกแบบหัวพ่น (Nozzle) ให้มีการทำงานร่วมกับแรงลมใต้ใบพัดของเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับที่จะช่วยกดน้ำยาสารเคมีลงสู่พืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการควบคุมปริมาณโดยกล่องคอมพิวเตอร์ภายในเครื่องยนต์ที่จะช่วยควบคุมการจ่ายน้ำยาลงสู่พืชให้ได้ปริมาณตามที่คำนวณเอาไว้อย่างแม่นยำ
การฉีดพ่นสารเคมีโดยเฮลิคอพเตอร์ไร้คนขับนั้น จะเป็นการฉีดพ่นโดยการใช้ปริมาณน้ำน้อยมากเพียง 1.28 ลิตร/ไร่ ซึ่งน้อยกว่าการใช้น้ำในการเกษตรแบบปัจจุบัน 40-60 เท่า ช่วยลดปริมาณการใช้น้ำในประเทศ เพื่อการเกษตรลงอย่างมหาศาล แต่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพของสารเคมีได้ดังเดิม
สำหรับบริษัทฯ นับเป็นบริษัทแรกในประเทศไทย ที่ได้รับใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจในการเดินอากาศโดยใช้อากาศยานไร้คนขับอย่างถูกต้องจากกรมการบินพลเรือน และกระทรวงคมนาคม ในการขอใบอนุญาตเพื่อประกอบธุรกิจในการเดินอากาศกับกรมการบินพลเรือนนั้น จะต้องขออนุญาตทั้งหมด 3 ส่วนหลัก ได้แก่
- การขออนุญาตสำหรับเครื่องบิน
- การขออนุญาตสำหรับนักบิน
- การขออนุญาตดำเนินธุรกิจทางอากาศ
ABOUT THE AUTHOR
นุสรา เงินเจริญ
บรรณาธิการข่าวธุรกิจและสังคม รักการอ่าน ขอบงานเขียน ชอบพบปะผู้คน ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ผู้บริหารในวงการยานยนต์ไทย ท่องเที่ยว เป็นประสบการณ์ที่ดี พร้อมได้ เปิดโลก ได้พัฒนาตัวในแวดวงสื่อสารมวลชน
ภาพโดย : จินดา ลัยนันท์คอลัมน์ Online : ธุรกิจ (บก. ออนไลน์)