Deepal S07
ลองขับ e:N1 รถไฟฟ้า 100 % ในร่าง Honda HR-V
Suzuki XL7 Hybrid ใหม่ ราคา 799,000 บาท ลองขับทั้งทางเรียบ/ทางลุย ระบบไฮบริดขนาดเล็ก แต่ลงตัว
New Mitsubishi Pajero Sport เปลี่ยนเครื่อง และเกียร์ใหม่
Lamborghini Urus SE ซูเพอร์เอสยูวี 800 แรงม้า ระบบ PHEV
C 350 e AMG Night Edition ผสานชุด AMG กับ Night Package
Toyota Majesty กลับมาแล้ว
มิลเลนเนียม ออโต้ กรุ๊ปฯ จัดกิจกรรม A May Zing Deals
MG ทดสอบระบบความปลอดภัย Cyberster
TADA เริ่มรับสมัครคนขับรถจักรยานยนต์
Redmi 13C 5G สมาร์ทโฟน 5G รุ่นประหยัดตัวใหม่ หน้าจอ 6.74 นิ้ว
Apple เผยโฉม iPad Pro ใหม่ พร้อมจอภาพล้ำ, ชิพ M4 และ Apple Pencil Pro
INFINIX NOTE 40 Pro+ 5G ชาร์จไว ชาร์จได้หลากหลาย
Crossover SUV พลังไฟฟ้า คว้ารางวัล CAR OF THE YEAR 2024
ช่วงล่างระดับเทพ ! Lamborghini ปรับมุมล้ออัตโนมัติ | X-RAY
มุมล้อ 101 : ตั้งมุม Camber มุม Toe อย่างไรถึงจะขับดี | X-RAY
วิทวัส สวัสดิ์-ชูโต ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม ประธานเจ้าหน้าที่เทคโนโลยีและวิศวกรรม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันนวัตกรรม ปตท. และกลุ่มบริษัทโตโยตา เป็นพันธมิตรกันอย่างยาวนานถึง 15 ปี โดยมีจุดเริ่มต้นเมื่อเดือนธันวาคม 2547 จาก “โครงการวิจัยเรื่องเมล็ดสบู่ดำ” โครงการในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อพัฒนาไบโอดีเซลในประเทศไทยร่วมกัน จากนั้นทั้ง ปตท. และโตโยตา ต่างสานต่อพระราชปณิธาน ร่วมมือกันศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงาน ส่งผลให้คนไทยได้มีทางเลือกในการใช้พลังงานทดแทนที่สามารถผลิตได้เองในประเทศ ลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ โดยนับเป็นความโชคดีของประเทศไทยที่มีทางเลือกในการใช้พลังงานทดแทนอย่างหลากหลาย ทั้งแกสโซฮอล ที่ได้มาจากอ้อย และมันสำปะหลัง ไบโอดีเซลจากปาล์ม หรือแม้กระทั่งแกสธรรมชาติ (ซีเอนจี) จากแหล่งอ่าวไทยของเรา เป็นต้น ทั้งนี้การที่มีกลุ่มบริษัทโตโยตา เป็นพันธมิตร ทำให้เราสามารถร่วมกันทำการศึกษาผลกระทบของเชื้อเพลิงชีวภาพเหล่านี้กับเครื่องยนต์ได้ ตัวอย่างของความสำเร็จของโครงการ เช่น การศึกษาการใช้น้ำมันไบโอดีเซล ร้อยละ 10 จนนำมาสู่การจำหน่ายเชิงพาณิชย์ในปัจจุบัน นอกจากนี้ยังเป็นแนวทางในการพัฒนาเชื้อเพลิงเพื่อให้คนไทยได้ใช้พลังงานสะอาด รวมทั้งช่วยให้เกษตรกรสามารถขายผลิตผลทางการเกษตรในราคาสูงขึ้นอีกด้วย สอดคล้องกับนโยบายของ ปตท. ที่ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการอย่างสมดุล 3 หลัก คือ การพัฒนาคน (People) การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ (Planet) และการสร้างความยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจของประเทศ (Prosperity)
นินนาท ไชยธีรภิญโญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีว่าแม้ว่าในหลายปีที่ผ่านมาสภาวะราคาน้ำมันจะอยู่ในภาวะที่ปรับตัวสูงขึ้น ประเทศไทยมีความจำเป็นที่ต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศในปริมาณมหาศาล อย่างไรก็ดี ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรมที่มีวัตถุดิบที่สามารถนำมาผ่านกระบวนการเพื่อผลิตเป็นพลังงานเชื้อเพลิงทางเลือกได้มากมาย ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงได้ให้การสนับสนุน ตลอดจนส่งเสริมการพัฒนาและใช้พลังงานทดแทนต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง โตโยตา ในฐานะที่เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ในประเทศไทย ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ของเราให้สามารถรองรับการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่หลากหลาย สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมของเราอีกด้วย
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ดำเนินธุรกิจโดยยึดถือการพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ควบคู่กับการพัฒนาสังคมไทยเป็นสำคัญ เราจึงมีความพยายามในการนำเสนอนวัตกรรมพลังงานทางเลือก ที่ทั้งประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและนโยบายของภาครัฐ อันจะนำมาซึ่งประโยชน์แก่สังคมโดยรวม ไม่เพียงเฉพาะลูกค้าของ โตโยตา แต่ยังรวมไปถึงผู้ใช้รถที่พิจารณาเลือกใช้พลังงานทางเลือกในรูปแบบต่างๆ โดยภายใต้ความร่วมมือวิจัยและพัฒนาโครงการร่วมกับ ปตท. ในครั้งนี้ โตโยตา ได้เข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนงบประมาณ รถยนต์ เครื่องยนต์ ตลอดจนชิ้นส่วนต่างๆ ในการทดลอง ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ผลแห่งความร่วมมือในครั้งนี้จะนำมาซึ่งประโยชน์เพื่อสิ่งแวดล้อม และเพื่อโลกของเราต่อไป”
ยูคิโอะ โยชิดะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงเล็งเห็นศักยภาพของประเทศด้านทรัพยากรชีวมวล สามารถนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงได้ จึงมีพระราชดำริส่งเสริมการพัฒนาและผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพเพื่อสร้างความยั่งยืนทางด้านพลังงานให้กับคนไทย ดังนั้นเพื่อดำเนินตามรอยพระราชดำริดังกล่าว บริษัท โตโยต้า ไดฮัทสุ เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด จึงเดินหน้าและพัฒนายานยนต์ที่สามารถใช้เชื้อเพลิงชีวภาพมาอย่างต่อเนื่อง
ตลอดระยะเวลา 15 ปีแห่งความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนาเชื้อเพลิงในยานยนต์ เราได้บรรลุความสำเร็จในโครงการสำคัญหลายโครงการ อาทิ การผลิตไบโอดีเซลจากต้นสบู่ดำ (Jatropha Biodiesel) น้ำมันดีเซลชีวภาพสังเคราะห์ (Bio-hydrogenated Diesel) การผลิตไบโอดีเซลจากสาหร่าย การผลิตเอธานอลจากฟางข้าว และชานอ้อย นอกจากนี้ ยังมีโครงการสำคัญที่ได้ร่วมพัฒนาและเกิดผลสำเร็จในเชิงพาณิชย์ อาทิ การใช้ B20 ในรถยนต์ โตโยตา ไอเอมวี รถกระบะ ไฮลักซ์, ฟอร์ทูเนอร์, ไฮเอศ, คอมมิวเตอร์, มาเจสตี โดยไม่มีผลกระทบต่อเครื่องยนต์ และรถยนต์ โตโยตา รุ่น โคโรลลา อัลทิส เอนจีวี สามารถใช้ผลิตภัณฑ์แกสธรรมชาติของไทยที่มีคุณภาพที่หลากหลายได้ ความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายนี้ ไม่เพียงแต่ส่งเสริมการพัฒนาบุคลากร แต่ยังมีส่วนช่วยการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทย ตลอดจนเสริมสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศอีกด้วย
วิทวัส สวัสดิ์-ชูโต กล่าวในตอนท้ายว่า กว่า 20 ปี ในการดำเนินงานของ สถาบันนวัตกรรม ปตท. เรามีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาเชื้อเพลิงในยานยนต์ ในขณะที่กลุ่มบริษัทโตโยตา เป็นผู้นำในด้านเทคโนโลยียานยนต์ ตลอดระยะเวลาแห่งความร่วมมือ 15 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการนำเสนอผลการศึกษาต่อภาครัฐเพื่อเป็นแนวทางหนึ่งในการกำหนดเป็นนโยบายพลังงานของประเทศ จาก “ไบโอดีเซล-แกสโซฮอล-ซีเอนจี” คือ ความสำเร็จของความร่วมมือระหว่างกันที่เป็นรูปธรรม จนทำให้ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นผู้นำด้านเชื้อเพลิงชีวภาพในภูมิภาคนี้ ในวันนี้เราพร้อมเดินหน้าผลักดันเทคโนโลยีพลังงานสะอาดที่เหมาะสมกับประเทศไทยให้ก้าวสู่ยุค “ยานยนต์ไฟฟ้าและไฮโดรเจน” ต่อไป
บทความแนะนำ
Cockpit เปิดตัวภาพยนตร์โฆษณา
Omoda & Jaecoo เปิดตัวหุ่นยนต์ Mornine
ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์
ภาครัฐ เอกชน ร่วมเปิดงาน "Future Energy Asia & Future Mobility Asia 2024"
OR เผยผลประกอบการไตรมาสแรก 2567
Follow Motor Expo Club Network