เรื่องน่ารู้ 15 Aug 2019

Honda Civic RS ซีดานอารมณ์สปอร์ท เพิ่มระบบความปลอดภัยราวกับรถในสนามแข่ง !

ตลาดกลุ่ม ซี-เซกเมนท์ มีการแข่งขันอย่างดุดันเสมอมา โดยหนึ่งในรถที่ยืนอยู่ในระดับหัวแถวมาช้านาน คือ Honda Civic โดยรุ่นล่าสุดทำตลาดมาระยะหนึ่งแล้ว และมีการปรับโฉมไปในงาน Thailand International Motor Expo 2018 พร้อมเพิ่มระบบความปลอดภัย Honda Sensing ในรุ่นทอพ RS เรามาอัพเดทการขับขี่ของซีดานรุ่นนี้กัน

การเปิดตัวครั้งแรกของ Honda Civic RS รุ่นปรับโฉม ในงาน Thailand International Motor Expo 2018

Honda Civic RS รุ่นทอพ มีจุดเด่นที่ตัวถังรอบคันเน้นโทนสีดำ (รุ่นย่อยอื่นๆ จะใช้วัสดุโครเมียม) ล้อแมกของรุ่น RS ขนาด 17 นิ้ว ติดตั้งสปอยเลอร์ท้ายมาพร้อม และท่อไอเสียคู่ แอบอยู่ด้านในกันชนท้าย พร้อมตราสัญลักษณ์ของรุ่น RS สีแดงสดที่กระจังหน้า และกันชนท้าย โดยรวมแล้วมีมาดที่คมเข้มกว่าเดิม มีความเป็นสปอร์ทซีดานชัดเจนขึ้น แม้ทำตลาดมาสักพักแล้ว

รูปทรงด้านหน้า/หลังของ Honda Civic RS เน้นโทนสีดำเข้ม ล้อแมกลายใหม่ เน้นอารมณ์สปอร์ท สมกับสมรรถนะ

ห้องโดยสารเน้นโทนเคร่งขรึม เบาะหนังเดินด้ายสีแดงสด มีเฉพาะรุ่น RS เช่นกัน พวงมาลัยติดตั้งแพดเดิล ชิฟท์ (บวก/ลบได้ 7 จังหวะ แม้จะเป็นเกียร์อัตโนมัติแปรผัน) ในรุ่น RS มีจอแสดงผลระดับบูสท์ของเทอร์โบ แสดงผลบนจอดิจิทอลตรงกลางมาตรวัดแบบดิจิทอล และสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการแสดงผลได้หลากหลาย

ห้องโดยสารกว้างขวาง เบาะเย็บด้ายสีแดง ดูเร้าใจ มีความหรูหราในสัดส่วนที่พอเหมาะ สมกับการเป็นรุ่นทอพ

จุดที่น่าสนใจของ Honda Civic RS รุ่นล่าสุด คือ การเพิ่มระบบความปลอดภัย และระบบช่วยเหลือการขับขี่ Honda Sensing เปรียบเสมือนทีมงานในสนามแข่งที่คอยดูแลความปลอดภัยของผู้ขับขี่ กับระบบ Adaptive Cruise Control สามารถปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าอัตโนมัติ พร้อมรักษาระยะห่างตามที่ปรับตั้งเอาไว้ ระบบสามารถหน่วงลงมาถึงช่วงความเร็วต่ำได้อย่างนุ่มนวล และเพิ่มความเร็วตามที่ปรับตั้งเอาไว้อัตโนมัติ หากไม่ตรวจพบรถยนต์ข้างหน้า

จอแสดงผล (มุมขวา) ของระบบ Adaptive Cruise Control และระบบ Lane Keeping Assist System ทำงานได้อย่างแม่นยำ ราวกับเป็น "ทีมงาน" คอยดูแลความปลอดภัยให้กับผู้ขับตลอดเวลา

ในสนามแข่ง การทำงานเป็นทีมมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ขับขี่

นอกจากนี้ยังมีระบบ Lane Keeping Assist System สามารถรักษาตำแหน่งของตัวรถให้อยู่กึ่งกลางเลน โดยที่ผู้ขับยังต้องใช้มือประคองจับพวงมาลัยเอาไว้ ทำให้การขับขี่มีความผ่อนคลายยิ่งขึ้น คล้ายกับระบบ Drving Assist ของรถยนต์ราคาหลายล้านบาท เมื่อใช้ระบบช่วยเหลือการขับขี่ทั้ง 2 อย่างด้วยกัน ทำให้การขับขี่ระยะทางไกลมีความสะดวกสบายมากๆ แต่ควรใช้งานในขณะที่การจราจรปลอดโปร่ง ขณะที่เวลากลางคืน Civic RS ยังติดตั้งระบบปรับไฟหน้าอัตโนมัติ หากตรวจพบว่าพื้นที่มีความมืด และไม่มีรถคนอื่นร่วมเลน หรือแล่นมาจากเลนสวนทาง ไฟสูงจะถูกเปิดใช้งานอัตโนมัติ และปรับเป็นไฟธรรมดาตามสภาพแวดล้อม

ภายใต้มาดสปอร์ทเข้ม คือ ระบบความปลอดภัย Honda Sensing เพิ่มความมั่นใจรอบด้านขณะขับขี่

ความปลอดภัย คือ สิ่งสำคัญนอกเหนือจากการทำความเร็ว เช่นเดียวกับรถที่อยู่บนท้องถนน หรือ ในสนามแข่ง

ในแง่ของสมรรถนะ เราเคยทำการทดสอบมาแล้วกับ Honda Civic รุ่นก่อนปรับโฉม กับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 1.5 ลิตร กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รตน. แรงบิดสูงสุด 22.4 กก.-ม. ที่ 1,700-5,500 รตน. ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแปรผัน อัตราเร่งฉับไวระดับหัวแถวของ ซี-เซกเมนท์ มีอัตราเร่ง และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดังนี้ 0-100 กม./ชม. : 8.4 วินาที 0-400 ม. : 16.2 วินาที 0-1,000 ม. : 29.2 วินาที 60-100 กม./ชม. : 4.3 วินาที 80-120 กม./ชม. : 5.3 วินาที Fuel 80 กม./ชม. : 26.4 กม./ลิตร Fuel 100 กม./ชม. : 19.9 กม./ลิตร

พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ ตอบสนองดี แต่เราคิดว่าระบบรองรับน่าจะมีความหนึบแน่นมากกว่านี้

อารมณ์สปอร์ทที่สัมผัสได้ ทั้งจากสนามแข่ง และจากสปอร์ทซีดานตัวทอพอย่าง Honda Civic RS

เราเคยลองของจริงมาแล้วในรายการ พี่น้องลองรถ กับ Honda Civic รุ่นก่อนปรับโฉม ทั้งรุ่น เครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร และ 1.5 ลิตร เทอร์โบ https://www.youtube.com/watch?v=YnPJdO2KO9I ในปัจจุบัน ตลาดรถยนต์กลุ่ม ซี-เซกเมนท์ กำลังจะทวีความร้อนแรงมากขึ้น กับการเตรียมเปิดตัวบรรดาคู่ปรับตัวฉกาจของ Honda Civic ไม่ว่าจะเป็น Toyota Corolla Altis และ Mazda 3 รุ่นใหม่แกะกล่อง แต่จุดเด่นที่ติดตั้งเพิ่มเติมเข้ามาใน Civic โฉมล่าสุด ยังคงมีความน่าสนใจไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งสมรรถนะจากเครื่องยนต์เทอร์โบ และระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย Honda Sensing ใครบางคนอาจจะเฝ้ารอการมาของคู่แข่งเจ้าอื่น ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่สำหรับใครที่มีใจให้กับรถยนต์ค่าย Honda และถูกใจความคมเข้มของ Civic โฉมล่าสุด โดยเฉพาะรุ่นทอพ RS แค่นี้ก็ถือว่าคุ้มค่ามากพออยู่แล้ว !