หนังสือพิมพ์ Times รายงานข่าวว่า Ford เตรียมการยกเลิกสายการผลิตในอังกฤษ หากเกิดกรณี Brexit โดยสหราชอาณาจักร แยกตัวออกจากสหภาพยุโรป ในวันที่ 29 มีนาคม 2562 ที่จะถึงนี้ โดยไม่มีการบริหารจัดการที่ดีพอ และพร้อมที่จะดำเนินการใดๆ ก็ตามที่มีความจำเป็น เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลกำไรค่ายรถยนต์จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งจ้างงานคนอังกฤษ 13,000 คน ในอังกฤษ พูดคุยทางโทรศัพท์กับ Theresa May นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ได้เตรียมรับสถานการณ์ของกรณี Brexit โดยเตรียมโรงงานประกอบไว้เลือกใช้หลายแห่ง ในหลายประเทศ โดย นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลอังกฤษเตรียมที่จะสนับสนุนทางด้านไฟแนนศ์ให้แก่ธุรกิจที่ต้องมีผลกระทบจากการออกจากสหภาพยุโรป ไว้แล้ว แต่ไม่ยืนยันว่าจะเป็นจำนวนเงินเท่าใด โฆษกของ Ford ไม่ยืนยันถึงผลการเจรจาทางโทรศัพท์ครั้งนี้ ระบุเพียงว่า บริษัทฯ จะดำเนินการในสิ่งที่จำเป็นเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ สามารถต่อสู้กับคู่แข่งขันในยุโรปได้ต่อไป และกล่าวว่า ได้เจรจากับทางรัฐบาล เพื่อให้ดำเนินการในการออกจากสหภาพยุโรป โดยมีเงื่อนไขที่ดี เพื่อให้เกิดผลกระทบกับอุตสาหกรรมยานยนต์ของอังกฤษน้อยที่สุด Ford ประกาศมาตรการประหยัดค่าใช้จ่าย ในหลายวิธีการ ซึ่งจะทำให้พนักงานในสหภาพยุโรปต้องออกจากงานนับพันคน อันจะทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายตามแผนงานให้ได้ 11 พันล้านปอนด์ โดยในไตรมาสที่ 3 ตามปีบัญชี Ford ขาดทุนไปแล้ว 192 ล้านปอนด์ ราว 7,680 ล้านบาท Ford ประเมินว่า หากอังกฤษต้องออกจากสหภาพยุโรป โดยไม่มีการเจรจาพูดคุยที่เป็นผลดีแล้ว จะทำให้บริษัทฯ ต้องขาดทุนอย่างต่ำ 613 ล้านปอนด์ ราว 24,520 ล้านบาท หรือราว 800 ล้านเหรียญสหรัฐฯ อันเนื่องมาจากการเรียกเก็บภาษีตามมาตรการของแต่ละประเทศ ภายในขอบเขตของ องค์การค้าโลก (WTO) บวกกับค่าเงินปอนด์ที่อ่อนตัวลง จะทำให้ผลกำไรสูญภายไปใน 9 เดือนแรกทันที Ford ส่งสัญญาณเตือนถึงผลกระทบจากการดำเนินงานในยุโรป ขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ ก็ขานรับไปในทิศทางเดียวกัน อาทิ Jaguar Land Rover ที่ประสบปัญหาจากการไม่สามารถจำหน่ายรถยนต์เครื่องยนต์ดีเซลได้ กล่าวว่า จะขาดทุนจากกรณี Brexit ในปีนี้ 1.2 พันล้านปอนด์ ในทวีปยุโรป Ford จ้างงานพนักงานราว 54,000 คน