หลังจากที่ปล่อยให้รุ่นน้องร่วมค่ายทำตลาดอยู่พักใหญ่ ทั้ง X1 X3 และเปิดตัวไปไม่นานอย่าง X5 ในที่สุดก็ได้เวลาเผยโฉม “พี่ใหญ่” สายพันธุ์ลุยของ BMW นั่นคือ X7 หลังจากข่าวคราวการพัฒนาที่มีอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รวมทั้งการเผยโฉมรถต้นแบบ X7 iPerformance Concept เมื่อปีที่แล้ว (และมาโชว์ตัวในบ้านเราไปหมาดๆ ในงาน BMW Xpo 2018)     เส้นสายของ BMW X7 ใกล้เคียงกับรถต้นแบบพอสมควร สิ่งที่ยังเห็นได้ชัด คือ กระจังหน้าไตคู่ขนาดใหญ่โต เสริมความบึกบึนของส่วนหน้ารถได้เป็นอย่างดี ประกบข้างด้วยไฟหน้าทรงเรียว เสริมความหรูด้วยชิ้นส่วนโครเมียม คาดยาวตามความกว้างของช่องรับอากาศ ขับเน้นความยาวของตัวถังด้วยเส้นข้างที่พาดยาวเป็นแนวตรง สันเหลี่ยมด้านล่างเพิ่มมาดสปอร์ทให้กับตัวรถ ขณะที่ส่วนท้ายเน้นความเรียบง่าย รูปทรงคล้ายกับ X5     ช่วงแรกที่เปิดตัว มีทางเลือก คือ X7 xDrive 40i เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 335 แรงม้า ตามด้วย X7 xDrive 50i เครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 4.4 ลิตร กำลังสูงสุด 456 แรงม้า ส่วนทางเลือกเครื่องยนต์ดีเซล ได้แก่ X7 xDrive 30d เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุด 261 แรงม้า และตัวแรง X7 xDrive M50d เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ 4 ลูก ขนาด 3.0 ลิตร กำลังสูงสุดถึง 395 แรงม้า ทุกรุ่นส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา พร้อมระบบช่วงล่างแบบถุงลม ปรับระดับความสูง และการตอบสนองได้     BMW X7 มีความเป็นรถยนต์ตัวธงในตัว ดังนั้นห้องโดยสารจึงจัดเต็มในเรื่องความหรูหรา ทันสมัย นอกเหนือจากความกว้างขวาง เบาะทุกตำแหน่ง มีการตัดเย็บอย่างดี รวมถึงเบาะแถวที่ 3 จอแสดงผลแบบดิจิทอลขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รวมถึงหน้าจอของแผงหน้าปัดแบบดิจิทอลเช่นกัน คันเกียร์ทรงหรูแบบคริสตัลใส ซันรูฟแบบพาโนรามิค กินเนื้อที่เกือบทั่วถึงแนวหลังคา พื้นที่เก็บสัมภาระแม้ใช้งานเบาะนั่งทุกตำแหน่งอยู่ที่ 1,376 ลิตร หากพับเบาะลงจะเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ถึง 2,560 ลิตร เลยทีเดียว ขณะที่ระบบความปลอดภัยสมการเป็นตัวลุยระดับหรู ทั้งระบบช่วยเบรคอัตโนมัติ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ และระบบเคลื่อนรถที่ความเร็วต่ำในสภาวะการจราจรหนาแน่น     BMW X7 เอสยูวีตัวธง ขนาดตัวใหญ่โต ภูมิฐาน ห้องโดยสารกว้างขวาง เตรียมทำตลาดที่เมืองนอกในปีหน้า บ้านเราคงไม่พลาดการทำตลาดกับรุ่นนำเข้า แต่คงต้องรออีกสักระยะ