Toyota ขายหุ้น Isuzu เพื่อปรับกลยุทธ์ใหม่

จากวิกฤต Dieselgate ในปี 2015 ที่ส่งผลกระทบต่อค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลก ทำให้ผู้ผลิตรถยนต์ต่างพบความจริงว่า เครื่องยนต์ดีเซล ไม่ใช่เครื่องยนต์ที่เป็นเป้าหมายที่แท้จริงในอนาคตอย่างที่คิดกัน Toyota หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก จึงได้ปรับทิศทางการพัฒนารถยนต์ของตนใหม่ ด้วยการเทขายหุ้นกว่า 24,000 ล้านบาท ของ Isuzu

เครื่องยนต์ดีเซลในสายตาของผู้ผลิตรถยนต์ในอดีตนั้น ถือเป็นพระเอกของทิศทางเครื่องยนต์ในอนาคตเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ต่ำแล้ว ยังเข้าใจว่าจะสามารถพัฒนาให้มีมลพิษที่ต่ำลงได้อีกมาก แต่แล้วทุกอย่างก็พิสูจน์ให้เห็น เมื่อเกิดวิกฤต Dieselgate ขึ้นในช่วงปี 2015 ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกต่างพบความจริงว่า เครื่องยนต์ดีเซลความจริงแล้วไม่ใช่เครื่องยนต์ที่สะอาดอย่างที่คิด ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลจากประเทศชั้นนำของโลก ต่างผลักดันรถยนต์ที่ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นโยบายการพัฒนารถยนต์ของหลายค่ายเปลี่ยนไป Toyota คือ หนึ่งในบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นที่เริ่มปรับกลยุทธ์ทิศทางการดำเนินนโยบายใหม่ ด้วยการขายหุ้น Isuzu บแรนด์ที่เชี่ยวชาญการพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ออกในสัดส่วน 5.89 % มูลค่า 720 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 24,000 ล้านบาท ถือเป็นการสิ้นสุดการพัฒนาร่วมกันกว่า 12 ปี หากย้อนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2006 ทั้ง Toyota และ Isuzu ต่างร่วมกันพัฒนาเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1.6 ลิตร สำหรับรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจาก Isuzu มีความชำนาญด้านเทคโนโลยีดีเซล ซึ่งเป็นจุดที่ Toyota หวังที่จะนำมาพัฒนารถของตน แต่เนื่องจากกฎข้อบังคับที่เข้มงวดด้านไอเสียของประเทศแถบยุโรป ทำให้ Toyota ตัดสินใจยุติการพัฒนารถยนต์นั่งเครื่องยนต์ดีเซล แม้ Isuzu จะถูก Toyota เทขายหุ้นออกมา แต่ในวงการรถยนต์ทั่วโลกต่างรู้ดีว่า Isuzu จะสามารถหาพันธมิตรจากบริษัทต่างชาติที่ดีได้แน่นอน เพราะ Isuzu มีความแข็งแกร่งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก